6 วิธีรักษาสภาพคล่องการเงินให้ธุรกิจอยู่รอดช่วงโควิด 19
หลายคนรู้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังแย่
จากหลายปัจจัยท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ทำให้เศรษฐกิจปั่นป่วนไปทั่วโลก
จนมีหลายกูรูจากหลากสำนักออกมาทำนายทายทักถึงเศรษฐกิจไทยที่ให้ความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นั่นคือครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยยังคงไม่ฟื้นและมีแนวโน้มดิ่งลง ตราบใดที่ยังควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิดทั่วโลกไม่ได้
ด้วยวัคซีนป้องกันหรือยารักษาแบบเฉพาะทาง การเดินทางและการท่องเที่ยวยังเปิดดำเนินการได้ไม่เต็มที่
เศรษฐกิจไทยก็ยังจะคงดิ่งทรุด เกิดสภาวะเงินเฟ้อ เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง
และมีตำแหน่งงานว่างมากขึ้น
เรื่องเศรษฐกิจการเงินจึงกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าโรคระบาด จากเหตุการณ์ที่บั่นทอนความมั่นคงด้านรายได้ของประชาชนที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว ในสภาพที่วินัยการออมเงินถูกละเลย บนฐานนิยมของการก่อหนี้สินหรือนำเงินในอนาคตมาใช้มากขึ้นในปัจจุบัน จนทำให้สภาพหนี้ครัวเรือนไทยมีความเปราะบาง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) กล่าวถึงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนไตรมาส 1/63 ว่ามีมูลค่า 13.48 ล้านล้านบาท
ขยายตัว 3.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอตัวลงจากไตรมาส 4/62
ซึ่งอยู่ที่ระดับ 5.1% โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ 80.1% สูงสุดในรอบ
4 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 2/59
ทั้งนี้มองว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือต่อจีดีพีไตรมาส
2 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามระดับการหดตัวของเศรษฐกิจที่จะรุนแรงมากขึ้น
รวมทั้งต้องเฝ้าระวังและติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจ ปัญหาภัยแล้ง
และความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด
ทำให้ภาคครัวเรือนเผชิญกับปัญหาขาดแคลนสภาพคล่อง
และความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางการเงินที่ต่อเนื่องมาจากโครงสร้างทางการเงินของครัวเรือนที่เปราะบาง
ในขณะที่การหดตัวของรายได้ภาคประชาชนกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
ทำให้กำลังซื้อของผู้คนลดลง จากความไม่มั่นใจเรื่องรายได้ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจไทย
ที่กำลังส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกภาคส่วน
ล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
ได้ทวิตข้อความถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจว่า
เศรษฐกิจครึ่งปีหลังไม่ฟื้นแน่นอน
แนะนำให้เก็บเงินสดและกู้เงินกับสถาบันการเงินเพื่อพยุงธุรกิจ โดยระบุว่า
“ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดสำหรับ
SME เพราะ supply chain โดน disrupt
ยอดซื้อยังไม่มาและเศรษฐกิจครึ่งปีหลังไม่ฟื้นแน่นอน
ตอนนี้ต้องเก็บเงินสดไว้และดูว่าจุดแข็งเราคืออะไร
แล้วเอาไอเดียนี้ไปคุยกับสถาบันการเงินเพื่อกู้เงินมาพยุงธุรกิจก่อน..ผมไม่ได้พูดให้ตกใจ
แต่มันคือความจริง”
จากสภาพการณ์ดังกล่าว
การจัดระเบียบทางการเงิน เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินส่วนตัวไปจนถึงเพื่อการพยุงธุรกิจให้อยู่รอดจึงเป็นหนทางที่จะทำให้รอดได้ในช่วงนี้
6 เคล็ดลับการเงิน รักษาสภาพคล่องให้อยู่รอดท่ามกลางวิกฤติ
1. วิเคราะห์รายจ่าย จัดเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกๆ ที่ต้องทำเพื่อวางแผนทางการเงินว่าจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ในรายจ่ายที่มี
เพื่อจัดสรรต้นทุนการดำเนินการใหม่ให้เหมาะสมกับรายรับที่ลดลง
การนำรายจ่ายมาแยกคิดวิเคราะห์ จะทำให้เห็นชัดขึ้นว่าจะสามารถลดต้นทุนจากตรงไหน
เรื่องอะไรได้บ้าง อะไรจำเป็นจริง อะไรที่ไม่จำเป็น
และจะทำให้พอมองเห็นภาพรวมได้ว่า หากลดรายจ่ายลงทุกทางที่ทำได้แล้วจะสามารถรักษาสภาพคล่องทางการเงินไปได้ยาวไกลแค่ไหน
2. รักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้ด้วยเงินสด
ในสถานการณ์เช่นนี้การถือเงินสดไว้ในมือ
เป็นการรักษาสภาพคล่องในธุรกิจและชีวิตได้ดีกว่าการเก็บไว้ในรูปทรัพย์สินอื่น
เพราะหากเกิดการติดขัด มีปัญหาใดๆ ก็สามารถนำมาใช้หมุนเวียนได้ทันที
การทำธุรกิจในช่วงนี้จึงควรเน้นไปที่การซื้อ-ขาย ใช้จ่ายด้วยเงินสดมากว่าการดิวจ่ายเป็นรายงวด
รวมทั้งควรรวบรวมทำลิสต์ทรัพย์สินที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย เอาไว้ใช้เผื่อกรณีฉุกเฉินที่เกินจากแผนที่คาดการณ์ไว้ด้วย
3. เข้าหาสถาบันการเงินที่มีมาตรการช่วยเหลือ
สถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชนล้วนพร้อมทำความเข้าใจและช่วยเหลือ
ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพลูกหนี้หรือเข้าไปเป็นลูกค้ารายใหม่
ปัจจุบันมีมาตรการเงินกู้ช่วยรักษาสภาพคล่องดอกเบี้ยต่ำให้เลือกใช้บริการมากมาย หากสุดท้ายแล้วเกิดการติดขัดด้านการเงิน
ขาดสภาพคล่องเป็นเงินสด สถาบันการเงินต่างๆ
นี่ล่ะที่จะช่วยให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้
4. นำสินค้าหรือบริการที่มีมาแปรเปลี่ยนเป็นเงินสด
เมื่อกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
ในขณะที่ธุรกิจเองก็ต้องอยู่ให้ได้ด้วยสภาพคล่องทางการเงิน การนำสินค้าหรือบริการที่มีมาปรับเปลี่ยนเล่นโปรโมชั่น
ปรับลดราคาหรือทำการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดผู้บริโภคในขณะนั้นๆ เช่น
ลดราคาต่ำลง ซื้อแบบลดแลกแจกแถม เหล่านี้ล้วนเป็นตัวช่วยกระตุ้นเงินในกระเป๋าผู้คน
เข้ามาสู่ระบบได้ทั้งนั้น ดังนั้นถ้ากำลังขาดสภาพคล่องทางการเงินหรือต้องการระดมเงินสดมาไว้ในมือ
นี่ก็เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ดีเช่นกัน
5. ชะลอการลงทุน เป็นหนทางที่ควรเลี่ยงหากธุรกิจหรือพอร์ทการลงทุนนั้นไม่ใช่สิ่งที่กำลังอยู่ในกระแสตอบรับของผู้บริโภคในช่วงนี้
เพราะการลงทุนท่ามกลางกำลังซื้อของผู้คนลดลง
นอกจากจะไม่เห็นผลจากการลงทุนที่รวดเร็วแล้ว
ยังจะเสี่ยงทำให้สภาพคล่องทางการเงินมีปัญหาจากการทำกำไรไม่ได้อีกด้วย
6. ควบรวมธุรกิจ ยุบแผนก ลดสาขา การลดจำนวนสาขา ยุบแผนก พักงานคนงาน เป็นมาตรการที่นำมาใช้จัดการรับมือในสภาพเศรษฐกิจขาลง
ที่ธุรกิจขนาดใหญ่ใช้เป็นทางเลือกในการก้าวข้ามสถานการณ์แบบนี้ จัดเป็นวิธีการตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
ที่จะทำให้เห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจน สามารถวิเคราะห์จุดแข็ง
จุดอ่อนของธุรกิจได้ ไปจนถึงเป็นโอกาสในการแจ้งเกิดหรือรีแบรนด์ใหม่ๆ ได้ด้วย
แหล่งอ้างอิง