ทุกย่างก้าวของจีนสำคัญต่อไทยมาก "จีน" ไม่เพียงเป็นตลาดขนาดใหญ่ของโลก มีจำนวนประชากรกว่า 1,300 ล้านคน แต่ยังมีความสำคัญในฐานะที่เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานานถึง 8 ปี โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันถึง 79,500 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
"จีน" ได้มีการดำเนินการลดระดับภาษีศุลกากรลงอย่างต่อเนื่อง
อำนวยความสะดวกเพิ่มการนำเข้าสินค้ามากขึ้น ปัจจัยสำคัญน่าจะเป็นผลมาจากจำนวนชนชั้นกลางของจีนมีจำนวนเกิน
400
ล้านคน
คิดเป็นหนึ่งในสามของประเทศ
และที่สำคัญประชากรกลุ่มนี้ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ซึ่งทำให้สัดส่วนการนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ เมืองกวางโจว เปิดเผยรายงานองค์การการค้าโลก ( WTO)
ซึ่งระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563
สัดส่วนการนำเข้าของจีนคิดเป็น
11.3%
ของทั่วโลก
เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งนับว่าสูงเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าในปีนี้จะเป็นปีที่ทั่วโลกเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด
19
โดยล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน
2563
ที่ผ่านมา
"จีน" ประกาศจะมีการตั้งเขตนวัตกรรมส่งเสริมการนำเข้าขึ้น 10
แห่ง
ครอบคลุมไปทุกภูมิภาค ทั้งในเขตศูนย์กลางธุรกิจหงเฉียว เขตต้าเหลียน เขตหูหลี่
เขตพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ชิงต่าว เขตหนานซาเมืองกวางโจว เขตเศรษฐกิจใหม่เทียนฝู่
เขตเศรษฐกิจนานาชาตินครซีอาน
รวมไปถึงเขตอุตสาหกรรมเก่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนด้วย
ทั้งนี้
เขตนวัตกรรมดังกล่าวฯ จะมีบทบาทหน้าที่ 2 ด้าน
คือ การส่งเสริมการค้า โดยจะยกระดับการบริโภค และการพัฒนาอุตสาหกรรม จีนจะยกระดับการอำนวยความสะดวกในการนำเข้า
ปรับปรุงและลดต้นทุนทางกฎระเบียบ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมทางการค้า โดยจะพัฒนานโยบายรูปแบบทางการค้าและการบริการ
จะเพิ่มการนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องมือทางการด้านเทคโนโลยีมากขึ้น
เพื่อเป็นรากฐานไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่
โดยเขตสาธิตนี้จะรายล้อมไปด้วยระบบการขนส่งทั้งทางบก
ทางทะเล ทางท่าเรือ ยกตัวอย่างเช่น เขตทดลองการค้าเสรีในเมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง
ครอบคลุมพื้นที่ 116.2 ตารางกิโลเมตร
ภายในประกอบด้วยเขตใหม่หนานซา เขตเสอโขว่เฉียนไห่เมืองเซินเจิ้น และเขตใหม่เหิงฉิน
ภายในเขตใหม่หนานซา
ได้มีการมุ่งเน้นการพัฒนาการให้บริการด้านเทคโนโลยี และข้อมูลสารสนเทศ
รวมถึงการบริการการเงินสมัยใหม่ ส่วนเขตใหม่เหิงฉิน
เน้นพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและสุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รูปแบบใหม่ เป็นต้น
ขณะที่ในเขตท่าเรือหนานซา เมืองกวางโจว นั้น ในช่วงไตรมาสแรกปี 2563 มีมูลค่าการค้า 175,040 ล้านหยวน หรือราว 875,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 21.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 24.9% ของมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกรวมของเมืองกวางโจว ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่าการนำเข้ามูลค่า 71,810 ล้านหยวน หรือ 359,050 ล้านบาท คิดเป็น 23.8% ของมูลค่านำเข้า
ท่าเรือแห่งนี้เป็นจุดที่เชื่อมต่อเส้นทางเดินเรือสำหรับตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด
146
เส้นทาง
เส้นทางเดินเรือสำหรับการค้าระหว่างประเทศทั้งหมด 114
เส้นทาง
และภายในประเทศอีก 32 เส้นทาง
ซึ่งที่ผ่านมาท่าเรือแห่งนี้ได้มีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการค้ามาโดยตลอด ทั้งการงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม
การตรวจสอบสินค้าแช่เย็นแช่แข็ง การงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมโกดัง
การขนย้ายสินค้า ซึ่งทั้งหมดช่วยให้เกิดความสะดวกคล่องตัว ช่วยลดต้นทุน
และทำให้มีปริมาณการขนย้ายสินค้าเพิ่มขึ้น
ภาพการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการนำเข้านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่เอกชนไทยต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด หากไทยสามารถเข้าถึงเขตนวัตกรรมนี้ได้ เชื่อว่าจะช่วยให้เกิดการขยายโอกาสด้านการค้ามากขึ้นแน่นอน