การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง รุนแรงกว่าวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดสเปนเมื่อปี
1918 แน่นอนว่าเมื่อเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อลดลง "สินค้าของใช้ฟุ่มเฟือย"
หรือ Luxury Goods จะเป็นสินค้ากลุ่มแรกที่ผู้บริโภคน่าจะตัดสินใจหยุดซื้อ
โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 มีรายงานจาก Bain & Company คาดการณ์ว่า ยอดขายสินค้ากลุ่มนี้จะลดลงถึง 60% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ เพราะหลายประเทศต้องปิดร้านจำหน่าย ด้วยมาตรการให้ประชาชนอยู่บ้าน เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ย่อมกระทบต่อยอดของอย่างแน่นอน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สอดคล้องกับข้อมูลจาก McKinsey
& Company ที่ออกรายงานออกมาเมื่อเดือนเมษายน 2563 ระบุว่า ตลาดของใช้ฟุ่มเฟือยทั่วโลกปี 2563
มีโอกาสจะลดลง 35-40% จากปี 2562
และต้องใช้เวลา 2-3 ปี หรือประมาณปี 2565-2566 จึงจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจของแต่ละประเทศด้วย
"จีน"
ถือเป็นตลาดหลักของกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยคิดเป็นสัดส่วน 50%
ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากข้อจำกัดเรื่องการเดินทาง ทำให้นักท่องเที่ยวจีนที่เคยออกเดินทางไปทั่วโลกไม่สามารถเดินทางได้
ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าหรู
แต่ทว่าล่าสุดมีรายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ที่ระบุว่า ผู้บริโภคชาวจีนเริ่มกลับมาใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด
19 โดยการบริโภคของจีนเริ่มฟื้นตัวจากยอดการค้าปลีกที่เติบโตเป็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีฐานะเป็นหลัก โดยประเภทสินค้าฟุ่มเฟือยที่ขยายตัว เช่น
รถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
แม้ว่าภาพรวมการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยในปีนี้จะลดลง
35-45% หรือหายไป 105,000 ล้านยูโร
แต่ยอดการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยในจีนเพิ่มขึ้น 20-30% โดยส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มผู้บริโภคใน 50
เมืองใหญ่ที่ร่ำรวยที่สุด ขณะที่ประชากรในอีก 2,206 เมือง
พบว่ามีการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเพียง 1 ใน 4 ของสินค้าทั้งหมดตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม
โดยเป็นการใช้จ่ายที่ลดลงถึง 4% เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยพบว่าตลาดรถยนต์รถหรูมีการฟื้นตัวเร็วกว่ารถยนต์ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจการท่องเที่ยวจีนก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆ
นี้ เนื่องจากชาวจีนยังคงระมัดระวังในเรื่องการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
โดยในช่วงโกลเด้นท์วีคเทศกาลหยุดยาวซึ่งเป็นวันชาติของจีนตั้งแต่วันที่ 1-8 ตุลาคม 2563
ขณะที่อีกตลาดที่มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
คือ "รัสเซีย" ซึ่งมีข้อมูลระบุเช่นกันว่า ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ผู้บริโภครัสเซีย ซึ่งโดยปกติจะมีอัตราจับจ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย 37,000 ยูโรต่อปี หันไปพึ่งช่องทางช้อปปิ้งออนไลน์แทน
และมีแนวโน้มที่ผู้บริโภคจะยังคงใช้วิธีการนี้ต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ไปแล้วก็ตามประมาณ
23%
สำหรับสินค้าหรูยอดนิยมที่ซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์
มีแนวโน้มจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20%
ของมูลค่าทั้งหมดในปี 2565 จากเดิมที่มีสัดส่วน 12% ของมูลค่าทั้งหมดหรือราว 350,000 ล้านยูโร ในปี 2562 ที่ผ่านมา
ผลการสำรวจนี้น่าจะเป็นเข็มทิศให้ผู้ประกอบการในธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลก เริ่มเห็นเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอลและต้องปรับกลยุทธ์ เพราะช่วงโค้งสุดท้ายของปีถือเป็นไฮซีซันของฤดูการช้อปปิ้ง แม้ว่าลูกค้าจะเน้นการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดมากเท่าไรก็ตาม แต่ถึงอย่างไรลูกค้าก็มีความคาดหวังถึงการบริการชั้นเยี่ยมจากร้านค้าแบรนด์หรู แบบไม่ต่างจากการเดินเข้าไปใช้บริการที่ร้านเลย ดังนั้นผู้ประกอบการที่ไหวตัวทันปรับตัวได้เร็วจะมีชัยชนะไปในเกมนี้