ดังที่เคยกล่าวมาแล้วว่า“เมกเกอร์”นั้นหมายถึงคนที่มีจิตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ แล้วลงมือสร้างผลงานออกมา สำรับในประเทศไทย การรับรู้เรื่องเมกเกอร์ยังอยู่ในวงจำกัด “ธุรกิจ เมกเกอร์ สเปช” ชุมชนของผู้คนที่มีความสนใจและความถนัดที่หลากหลาย ทั้งคนที่เชี่ยวชาญ คนที่ยังไม่มีความรู้ในสิ่งที่ตนอยากทำ หรือยังใช้เครื่องมือไม่เป็น คนที่รู้อยู่แล้วก็จะทำหน้าที่ช่วยสอนเพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยลดต้นทุนให้กับนักพัฒนา รวมทั้งยังมีมิตรสหายที่พร้อมจะแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ พบปะและสร้างสรรค์งานของชาวเมกเกอร์
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
ดังนั้นจึงทำให้”เมกเกอร์ สเปช”ในเมืองไทยเพิ่งเริ่มในช่วง
1-2 ปีมานี้เองที่เด่นๆ มีแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้นที่น่าสนใจเช่น "กลุ่มเชียงใหม่เมกเกอร์คลับ" ก่อตั้งขึ้นด้วยแนวคิดที่ต้องการให้คนที่มีความสามารถหลากหลายมาอยู่รวมกัน
เด็กรุ่นใหม่จะได้เรียนรู้ร่วมกันและแบ่งปันความรู้ใหม่ๆ
แลกเปลี่ยนและถ่ายทอดองค์ความรู้ซึ่งกันและกันจนถึงการทำงานทั้งในพื้นที่ทางกายภาพและพื้นที่โลกออนไลน์
โดยต้องใช้ความสามารถที่หลากหลายมารวมกันปัจจุบันมีสมาชิกกว่าร้อยคน
ที่นี่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน
มีคนที่ช่วยสอนวิธีการใช้เครื่องมือให้ อันที่จริงเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่เด็กหนุ่มที่มีใจรักในงานอิเล็กทรอนิกส์
เครื่องยนต์กลไก งานกลึง ระบบคอมพิวเตอร์
จะมารวมตัวอยู่ด้วยกันเพื่อรังสรรค์สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงิน
แต่ที่นี่เป็นต้นแบบสำคัญของการเป็นผู้ให้จากภาคเอกชน “เชียงใหม่ เมกเกอร์คลับ“ จึงเป็นศูนย์รวมเหล่าบรรดาคนรุ่นใหม่ที่ชอบในสิ่งประดิษฐ์ และเทคโนโลยี ที่ล้ำสมัย พยายามคิดค้นสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น หรือทำให้ราคาถูกลง จากการค้นคว้าและทดลอง ต่อยอดเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคต
ทั้งนี้ผลงานที่เป็นรูปธรรม และสามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ เช่น แผงวงจรเชื่อมระบบไวไฟ (wi fi) ที่สามารถสั่งเปิด-ปิดไฟ เปิดเครื่องชงกาแฟ เปิดเครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ผ่านแอบพลิเคชั่นบนมือถือ การผลิตโดรนด้วยต้นทุนต่ำ ซึ่งสิ่งประดิษฐ์มีชาวต่างให้ความสนใจคาดว่าในอนาคตจะต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ สามารถขายในตลาดโลกได้
สำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมคลับฯ ดังกล่าว
ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ทุกโครงการที่ใช้ทรัพยากรของชมรม
ต้องเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะและเขียนบทความอธิบายโครงการให้คนที่มาทีหลังทราบว่าสมาชิกทำอะไร
หรือเรียนรู้อะไรกันไปบ้าง เพราะนี่คือปรัชญาของเชียงใหม่เมกเกอร์คลับ รวมคนเก่ง
เรียนรู้ร่วมกัน และแชร์ความรู้นั้นออกไปเมื่อได้สิ่งประดิษฐ์
ซึ่งหากทุกคนทำได้ตามนี้ สิ่งตอบแทนในทางการเงินจะตามมาเองในอนาคต
คนรุ่นใหม่ที่ต้องการแสวงหาความรู้จากประสบการณ์จริง
ได้อยู่กับกลุ่มคนที่ชื่นชอบในเรื่องเดียวกัน สามารถมาที่นี่ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดเบื้องต้น
รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องการงานด้านเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต
หรือการทำงานในองค์กร เพื่อความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ก็สามารถเข้ามาปรึกษากับเด็กๆ
กลุ่มนี้ได้ รับประกันในเรื่องราคาถูกกว่าภาคเอกชนทั่วไปแน่นอน
อีกพื้นที่หนึ่งที่น่าสนใจคือ Maker Zoo เป็นเมกเกอร์สเปซที่ครอบคลุมทั้งด้านการนำเทคโนโลยีต่างๆ
ฮาร์ดแวร์/ซอฟท์แวร์ มาใช้เพื่อพัฒนา/สร้างผลิตภัณฑ์และทำโปรเจคต่างๆให้ลูกค้า
และยังมีส่วนพัฒนาการศึกษา ด้านสังคมด้วย เพราะเป้าหมายหนึ่งในการทำเมกเกอร์สเปซ นอกจากจะเน้นสร้างและพัฒนานวัตกรรมต่างๆแล้ว
ยังต้องการผลักดัน เมกเกอร์ มูฟเมนต์ เพื่อเปลี่ยนกระบวนทัศน์ประชาชนให้ลุกขึ้นมาเป็นนักประดิษฐ์หรือสร้าง
สิ่งต่างๆที่ตัวเองต้องการด้วย
ทางเมกเกอร์ซูจะโฟกัสที่การสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับสังคมในประโยชน์ของเมกเกอร์สเปซ และเมกเกอร์ มูฟเมนต์ ว่าเป็นการเปิดประตูสู่การพัฒนาด้านต่างๆ ด้วยคนธรรมดา ที่ทุกคนสามารถทำได้ อีกทั้งธุรกิจนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง
รูปแบบ การทำงานของ เมกเกอร์ ซู แบ่งเป็น 2 ด้าน คือ
1.การพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยกลุ่มลูกค้านี้
คือคนที่มีโปรเจคอยู่แล้ว ซึ่งทาง เมกเกอร์ ซู ก็จะเข้าไปช่วยเสริม
และเพิ่มเติมในสิ่งที่เขาต้องการ
2. เมกเกอร์สเปซ คอมมูนิตี้ ลูกค้ากลุ่มนี้ คือคนที่ยังไม่มีโปรเจค
แต่มีความสนใจ
ซึ่งจะต้องมาช่วยกันคิดค้นโปรเจคขึ้นมา
ตรงนี้จะมีการเปิดเป็น เวิร์คช็อป ต่างๆเพื่อให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D printer) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสิ่งของต่างๆ จาก “ไอเดีย” มาสู่
“ความจริง” โดย
ขณะนี้เรามีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในแต่ละต่อเดือนเกือบประมาณ 100 คน
ซึ่งรายได้เฉลี่ยต่อเดือนก็จะอยู่ในระดับแสนถึงล้านบาท
สำหรับเมกเกอร์ ซู จะเน้นกลุ่มที่เป็นเมกเกอร์มือใหม่เพราะอยากให้คนเห็นว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องใกล้ตัว
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถสนุกกับการเรียนรู้เทคโนโลยีได้
นับว่าน่าสนใจอย่างยิ่งและภาครัฐควรให้การสนับสนุนเพราะที่นี่คือพื้นที่ในการพัฒนาทักษะบุคลากรสามารถรองรับไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างดี