ช่วงเทศกาลแห่งความสุข หลายๆ ที่ก็มักจะจัดงานเลี้ยง ปาร์ตี้สังสรรค์ มีอาหารคาวหวาน
เครื่องดื่มจัดเต็มไว้ให้เลือกรับประทานกัน ซึ่งมักจะเป็นอาหารประเภททอด ปิ้ง
ย่างขนมเบเกอรี่ เค้ก คุ๊กกี้ น้ำหวาน น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮร์
แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพของเรา ที่สำคัญเลี้ยงบ่อยหลายๆ
ที่เสียด้วย งานนี้คงถูกอกถูกใจสายปาร์ตี้ ทว่า ปาร์ตี้บ่อย
ดื่มหนักต่อเนื่องจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
และเพื่อเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยสุขภาพที่ดี เรามีเคล็ดลับสำหรับการปาร์ตี้แบบไม่เสียสุขภาพมาบอกต่อกัน มันต้องได้ผล เชื่อสิ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. เลือกกินแต่พอดีและของที่ดีต่อร่างกาย
งานปาร์ตี้ควรเริ่มต้นเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ลองเลือกตักอาหารที่มีกากใยมากกว่าไขมัน
เมื่อรู้สึกเริ่มอิ่มแล้วให้กินอาหารอย่างช้าๆ หรือลุกขึ้นเดินหากิจกรรมอย่างอื่นทำแล้วค่อยกลับมากินต่อก็ไม่เสียหาย
เรียกว่ากินแบบหล่อๆ สวยๆ หุ่นไม่พัง ร่างฟิตเปรี๊ยะ
2. อย่าอดมื้อ เพื่อจัดหนักในปาร์ตี้ การอดมื้อเพื่อเตรียมจัดหนักนั้นไม่ควร เช่นไม่ควรอดมื้อเช้ามื้อกลางวัน เพื่อรอกินมื้อดึกในงานเพียงอย่างเดียว
เพราะการอดอาหารส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกินเพิ่มในมื้ออื่นๆ และการอดอาหารยังมีส่วนทำให้มีระดับความสุขและความสนุกลดลงอีกด้วย
3. ดื่มแต่พองาม แน่นอนว่างานปาร์ตี้ก็ต้องมีเครื่องดื่ม
และเครื่องดื่มประเภทน้ำหวานนั่นดื่มแต่พอเหมาะก็ไม่เป็นไร แต่ดื่มเยอะไปไม่ดีแน่
ยิ่งโดยเฉพาะสายเมา การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ย่อมเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้
แต่ควรดื่มแต่พอเหมาะ เช่นวิสกี้ไม่ควรเกิน 3 แก้ว เบียร์เครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูงก็ไม่ควรดื่มเกิน
5 แก้ว ไม่ใช่อะไรหรอก ...เดี๋ยวเมา คือต้องรู้ลิมิตการดื่มของตัวเอง
ดังนั้นยิ่งช่วงเทศกาลที่ปาร์ตี้บ่อยๆ ยิ่งควรดื่มต่อครั้งในปริมาณที่น้อยลงเพื่อสุขภาพของคุณเอง
4. ทำกิจกรรมเผื่อการเผาผลาญ กิจกรรมในงานปาร์ตี้นั้นมีหลากหลาย เราสามารถเลี่ยงการทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มอย่างเดียว ด้วยการทำกิจกรรมอื่นในงานไม่ว่าจะเป็นการเต้นขยับร่างกาย หรือเดินไปพูดคุย ถ่ายรูปกับเพื่อนในงาน เพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงานที่ได้รับมาทั้งคืน
ลองนำเทคนิคต่างๆ
นี้ไปใช้กันดูรับรองปีใหม่นี้สุขภาพดีกันทุกคน
ขอให้ทุกท่านสนุกสนานแต่พอดีแล้วอย่าลืมปกป้องตัวเองและผู้อื่นด้วยการดื่มแล้วไม่ขับ
อันนี้สำคัญมาก
อ้างอิง :โรงพยาบาลรามคำแหง