แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม
แต่สวนทางกับอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยความที่ผู้บริโภคชาวจีนมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป หันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
ส่งผลให้มูลค่าตลาด E-Commerce ของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ยอดค้าปลีกสินค้าออนไลน์มีมูลค่ากว่า 9.8 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.8 จากปีก่อนหน้า ทำให้จีนยังคงตำแหน่งตลาดค้าปลีกสินค้าออนไลน์ใหญ่ที่สุดของโลกต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 8 ส่วนในปีนี้คาดการณ์ว่าตลาด E-Commerce จีนจะยังคงขยายตัวอย่างโดดเด่น และบริษัทวิจัยตลาด Coresight Research ได้รายงาน 10 เทรนด์ที่ผู้ที่สนใจรวมถึงผู้ประกอบการไทยควรจับตามอง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. Livestreaming การตลาดสุดแสนสำคัญ
Livestreaming จะเป็นอาวุธทางการตลาดที่สำคัญมากและมีแนวโน้มที่ร้านค้าต่างๆ
จะหันมาทำ Livestreaming เองแทนการจ้าง Key Opinion Leaders (KOLs) เนื่องจาก
- ต้นทุนต่ำกว่า
-
ความเข้าใจในการแนะนำสินค้าลึกซึ้งมากกว่า
- สามารถเพิ่มความถี่ของการไลฟ์ได้มากขึ้น
โดย KPMG ร่วมกับ AliResearch ซึ่งเป็นหน่วยวิจัยของ
Alibaba คาดการณ์ว่า ในปี 2564 ตลาด Livestreaming E-Commerce ของจีนจะเติบโตต่อเนื่อง
และมีมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านหยวน เติบโตถึงร้อยละ 384 จากปี 2562
2. วิดีโอขนาดสั้นจะครองส่วนแบ่งมากขึ้น
โต่วอิน (Douyin), TikTok และ ไคว่โฉ่ว (Kuaishou) เติบโตอย่างมากในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยข้อมูล ณ
สิ้นเดือนกันยายน 2563 Douyin มีผู้ใช้รวมกว่า
524 ล้านคน เติบโตร้อยละ 8.5 ส่วน Kuaishou มีผู้ใช้รวมกว่า
408 ล้านคน เติบโตร้อยละ 20.4 ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้กำลังแย่งส่วนแบ่งตลาด E-Commerce จากเจ้าเก่าอย่าง
Alibaba JD.com และพินตัวตัว (Pinduoduo) ด้วยกลยุทธ์ผนวกรวม User-generated Content และการช้อปปิ้งเข้าด้วยกัน
3. มินิโปรแกรมเครื่องมือส่งเสริมแบรนด์
ในปีที่ผ่านมา Baidu และ Wechat ใช้ช่องทางมินิโปรแกรมในการสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง
รวมถึงใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายสำคัญ ซึ่ง Wechat
รายงานยอดขายผ่านมินิโปรแกรมในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม
2563 ว่ามีการเติบโตถึงร้อยละ 115 นอกจากนี้ Wechat ยังได้เพิ่มฟังก์ชั่นไลฟ์ในมินิโปรแกรม
และ ณ สิ้นเดือน กันยายน 2563 มีผู้ขายกว่า 1 แสนรายที่ใช้ฟังก์ชั่นไลฟ์นี้แล้ว
4. กลยุทธ์ C2M ดันอีคอมเมิร์ซโต
โมเดล C2M (Consumer-to-Manufacturer) เป็นการใช้ข้อมูลทางดิจิทัล
ได้แก่ ข้อมูลเชิงลึก ระบบ AI ที่สามารถช่วยโรงงานดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างเต็มศักยภาพ
โดยนำเทคโนโลยีและ Big Data มาช่วยให้ผู้ผลิตสามารถผลิตสินค้า
ลดระยะเวลาและต้นทุนในการพัฒนาสินค้า สามารถผลิตสินค้าที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
โดย JD.com รายงานว่า
ยอดขายสินค้า C2M ของ JD.com ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2563 เติบโตถึงร้อยละ
654 โดยบริษัทวิจัย Vzkoo ของจีนคาดการณ์ว่า ตลาด C2M จีนจะมีมูลค่า
1.4 ล้านล้านหยวนภายในปี 2565
5. ตลาดแบรนด์หรูเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากแบรนด์หรูต่างๆ หันมาใช้ช่องทางออนไลน์ในการขายมากขึ้น
รวมกับข้อจำกัดในการเดินทางไปต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวจีนหันมาซื้อสินค้าแบรนด์หรูในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์
โดยในปีที่ผ่านมา ตลาด E-Commerce แบรนด์หรูมีมูลค่ารวม 9.3 หมื่นล้านหยวน
และ McKinsey คาดว่าตลาดนี้จะมีมูลค่ากว่า 1.47 แสนล้านหยวน ภายในปี
2568 โดยมีอัตราการเติบโต 9.6% ต่อปี
6. Shopping Festival เครื่องมือดึงดูดลูกค้า
เทศกาลช้อปปิ้งยังคงดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี
ซึ่งเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ปีที่แล้วของ Alibaba มีมูลค่ายอดขายรวมทุกช่องทาง
(GMV) อยู่ที่ 4.982 แสนล้านหยวน สูงกว่ายอดขายรวมของปี 2019 กว่า 1
เท่าตัว โดยหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยอดขายพุ่งทะยาน เป็นเพราะ Alibaba จัดงานติดต่อกัน 11 วัน (1 - 11 พ.ย. 2563) ไม่ได้จัดเพียงวันเดียวเหมือนปีก่อนๆ
แนะ SME ไทยใช้ช่องทาง CBEC
Cross Border E-Commerce (CBEC) หรือการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
เป็นวิวัฒนาการของพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนหัวสมัยใหม่ โดยปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้กำหนดเพดานการสั่งซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศผ่านช่องทาง
CBEC ได้ไม่เกินคนละ 26,000 หยวนต่อปี
(ครั้งละไม่เกิน 5,000 หยวน)
เมื่อสินค้าออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนจะต้องชำระภาษีตามข้อกำหนดพิเศษในอัตรา 9.1%
สำหรับสินค้าทั่วไป และอัตรา 17.9% - 28.9% สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย โดยไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซ้ำอีก ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับลดอัตราภาษีพิเศษดังกล่าว
และปรับเพิ่มเพดานมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าต่อคนต่อปีให้เพิ่มมากขึ้น
รวมทั้งขยายกลุ่มสินค้าที่สามารถซื้อขายผ่าน CBEC ให้มากขึ้นอีกด้วย
โอกาสของ ‘สินค้าไทย’ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนได้โดยตรง ด้วยช่องทาง
CBEC ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก
ข้อมูลจาก iiMedia Research ระบุว่า ปี
2563 นักช้อป CBEC ในจีนมีจำนวนมากกว่า
232 ล้านคน หรือมากกว่าจำนวนประชากรไทยถึง 3.3 เท่า ขณะที่จำนวนนักช้อปและมูลค่าการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทาง
CBEC ก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
แหล่งอ้างอิง :