จากกระแสรักสุขภาพ
บวกกับทั้งสถานการณ์การระบาดของโควิด 19
ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยเองหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกิน เทรนด์หนึ่งในวงการอาหารที่ถูกพูดถึงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
คงหนีไม่พ้นเรื่องของ ‘Plant-Based Food’ หรือ
‘เนื้อเนื้อสัตว์จากพืช’ อาหารทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับ Plant-Based Food เป็นอาหารที่ทำจากพืช 100%
ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ เห็ด เต้าหู้ ธัญพืช
และถั่วชนิดต่างๆ เป็นอาหารทางเลือกที่เน้นโปรตีนจากพืชเพื่อใช้ในการทำอาหาร
รวมทั้งใช้น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง
และน้ำมันมะกอกเพื่อการทอด ผัด และเติมความชุ่มฉ่ำในเนื้อสัมผัสของอาหาร ซึ่งอาหารประเภท
Plant-Based Food มีรสชาติเหมือนเนื้อ หมู
และไก่จนสามารถรังสรรค์ความอร่อยได้ใกล้เคียงกับการรับประทานเนื้อสัตว์
ด้วยเหตุนี้
จึงทำให้ Plant-based
Food กลายมาเป็นทางเลือกใหม่
ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากกลุ่มผู้บริโภค ในการนำมาปรับให้เข้ากับการกินของตนเอง
ทั้งคนที่เป็นมังสวิรัติอยู่แล้ว หรือกลุ่มคนที่พยายามจะลดการบริโภคเนื้อสัตว์ให้น้อยลง
ด้วยเหตุผลทางสุขภาพ รวมไปถึงการลดน้ำหนัก
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทำไมกระแส Plant-based เติบโตต่อเนื่องอย่างน่าสนใจ
กระแส Plant-based เริ่มต้นมาจากทางประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่มีการใช้เทคโนโลยีทางอาหารเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชได้หลากหลาย ทั้งนี้ ยังมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย
Oxford ว่า อาหารแบบ Plant-based จะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
เพราะการทำปศุสัตว์นับเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจก และทำให้โลกร้อนมาจนถึงทุกวันนี้
แต่ในทางกลับกันการทำเกษตรกรรมจากพืชนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อโลกมากกว่าเยอะ
ทำให้ผู้คนที่ใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เริ่มที่จะหาข้อมูลต่างๆ เหล่านี้
และเปลี่ยนวิถีการกินกันมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการช่วยกันลดมลพิษและสภาวะต่างๆ
ที่เกิดขึ้น
จนกลายเป็นอีกธุรกิจที่ขยับขยาย
และปรับตัวตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการกระโดดลุยตลาดกันอย่างคึกคักทั้งรายเล็กรายใหญ่ที่พัฒนาสินค้ามาหลากหลายรูปแบบ
ทำให้เทรนด์ Plant-based
Food เติบโตต่อเนื่องอย่างน่าสนใจ โดยจุดเด่นที่ผู้ประกอบการทั้งหลายที่นำมานำเสนอกันหนีไม่พ้นเทคโนโลยีและรสชาติที่พยายามให้ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์
คงความอร่อยเป็นเมนูที่น่าชวนรับประทาน
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก
EUROMONITOR คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดในปี
2024 จะเติบโตขึ้นไปอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับประเทศไทย Plant-based มีการคาดการณ์ว่าอีก 3-4 ปีข้างหน้า จะมีมูลค่าตลาดแนวโน้มขยายตัวประมาณ 5
หมื่นล้านบาท
4 เหตุผลธุรกิจอาหารไทยควรรุกตลาด Plant-based Food
1. ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น
ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกบริโภคในสิ่งที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการหันมาบริโภคพืชผักผลไม้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลง เพราะความกังวลด้านสุขภาพ เนื่องจากความเจ็บป่วยที่เกิดจากการบริโภคอาหารจากเนื้อสัตว์นั่นเอง อีกทั้งการแพร่ระบาดของโควิด 19 ยิ่งทำให้คนตื่นตัวและเลือกรับประทานอาหารที่สะอาด ปลอดภัย ตลอดจนลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลง เพราะมองว่าอาจเป็นที่มาของการแพร่เชื้อ ยกตัวอย่าง ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกามีถึง 23% ที่เลือกบริโภคอาหารจากพืชมากขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด 19
2. แรงหนุนจากเทรนด์รักษ์โลก ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ไม่เพียงแค่กระแสรักสุขภาพที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้ตลาด
Plant-based
Food ขยายตัวในเวลาอันรวดเร็ว ผู้บริโภคที่ตระหนักถึงสวัสดิภาพสัตว์
(Animal Welfare) และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ถือเป็นอีกกลุ่มใหญ่ที่ช่วยออกแรงผลักดันทำให้เทรนด์
Plant-based
Food ติดลมบนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หากดูผลกระทบจากการผลิตอาหารที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
จะพบว่าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าผลิตภัณฑ์จากพืช อีกทั้ง
การผลิต และบริโภคเนื้อจากพืช
ยังช่วยลดโลกร้อนได้ด้วย
เนื่องจากกระบวนการผลิตเนื้อจากพืชนั้นจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ากระบวนการผลิตเนื้อสัตว์จริง
30%-90%
จึงทำให้เชื่อว่า การบริโภคเนื้อจากพืชจะช่วยลดโลกร้อน
3. พฤติกรรมเปลี่ยน กระแส Flexitarian เติบโตต่อเนื่อง
จากงานวิจัยโดย
Human
Research Council บอกไว้ว่า 5 ใน 6 ของกลุ่มคนรับประทานมังสวิรัติและวีแกนจะล้มเลิกความตั้งใจกลางคัน
ซึ่งสาเหตุมาจากการบริโภคแบบ Full-time นั้นต้องอาศัยความอดทนอย่างมาก และทำได้ยาก อีกทั้งยังรบกวนวิถีชีวิตประจำวัน
เช่น การไม่บริโภคเนื้อสัตว์ในร้านอาหารทั่วไปปัจจุบันมีตัวเลือกน้อย เมนูจำเจ
และไม่อร่อยนัก ด้วยเหตุนี้ ทำให้คนส่วนมากหันมาบริโภคแบบ Flexitarian หรือ การบริโภคมังสวิรัติเป็นครั้งคราวมากขึ้น
4. เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอาหารก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
เทคโนโลยีด้านอาหารที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลายให้รสสัมผัสไม่ต่างจากของจริง เช่น
การนำยีสต์และโปรตีนที่สังเคราะห์ได้จากรากของพืชตระกูลถั่วมาเข้าสู่กระบวนการหมัก
เพื่อผลิตโปรตีนเฉพาะ จนทำให้เกิดฮีม (Heme) และนำไปใส่ในโปรตีนจากพืช
หรือแปลงสภาพโปรตีนจากพืชตระกูลถั่วภายใต้สภาวะความเป็นด่างให้กลายเป็นแป้งสาลี
และอัดขึ้นรูปเพื่อจัดแนวโปรตีนให้เป็นเส้นๆ คล้ายคลึงกับผิวสัมผัสของเนื้อสัตว์
แหล่งอ้างอิง : กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม