วันหนึ่งๆ เราต้องพบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา
ตามบริบทหน้าที่ที่มีอยู่ในสังคม
ซึ่งการพบปะหรืออยู่ร่วมกับคนอื่นในกลุ่มคนย่อมมีทั้งวันที่ต้องเผชิญกับคนทีดีและคนที่มีนิสัยแย่
จ้องตำหนิ ให้ร้าย ใส่ความ นินทาต่างๆ นาๆ
จนออกนอกหน้าแสดงอาการว่าเกลียดชังกันจนเกิดความกังวลขึ้นได้ว่า จะต้องฝึกฝนจิต
ปรับจูนใจอย่างไรให้สามารถผ่านคนประเภทนี้หรืออยู่กับคนที่เกลียดชังเราได้
โดยไม่กระทบกระทั่งกันไป ไม่ทำให้จิตใจเราขุ่นเคืองเศร้าหมอง
จนทำให้ต้องพาตัวเองออกจากสถานการณ์หรือสถานที่นั้นๆ ไป
ซึ่งหากสถานการณ์นั้นเป็นแค่เพียงผ่านเจอก็อาจะปลอบใจตัวเองได้ว่า “ช่างมันเถอะ เจอกันครั้งเดียวไม่ต้องเอามาใส่ใจให้มากความ” แต่ถ้าตรงกันข้ามกับกลายเป็นสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากันทุกวันในที่ทำงาน จะเตรียมตัว เตรียมใจรับมือกับคนประเภทนี้อย่างไรให้เราสามารถทำงานต่อไปได้อย่างมีความสุข นี่จึงเป็น 9 วิทยายุทธ์ ที่สามารถนำมารับมือกับคนที่เกลียดเราได้ โดยที่ไม่ต้องหนีหายหน้าออกจากงานห่างไปให้เสียผลประโยชน์ตน สามารถฝึกจิตดูใจตามได้ดัง 9 วิทยายุทธ์ต่อไปนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. คุณค่าของภาชนะอยู่ที่ว่ารองรับหรือบรรจุอะไรไว้
ภาชนะต่างๆ ถูกสร้างมาเพื่อรองรับสิ่งต่างๆ
หากเราเอาภาชนะเลอค่าไปรองรับสิ่งโสโครก ภาชนะนั้นก็จะดูไร้ค่าหมดราคา แต่ถ้านำไปใช้รองรับสิ่งที่ดีและสวยงาม
มูลค่าของภาชนะนั้นก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่า ดังนั้นจงอย่าเอาหูหรือใจเราไปรองรับสิ่งปฏิกูลที่เขาปล่อยหรือสำรอกออกมา
ให้ทำนิ่งๆ เฉยๆ หนักแน่นและอดทนไว้ ไม่เอาใจไปรองไม่เอาอะไรมาใส่หู
ตัวเราก็จะเบาพร้อมก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และไม่หวาดหวั่นต่อทุกอุปสรรคที่เข้ามา
จึงทำให้มีที่ว่างในหัวใจอีกมากมายที่จะนำไปใช้รองรับแต่สิ่งดีงาม
2. จัดลำดับความสำคัญให้คนที่เข้ามาในชีวิต
จงพิจารณากลั่นกรองดูให้ดีว่าเขาดีพอที่จะมามีอิทธิพลต่อชีวิตเราหรือไม่
มันคุ้มค่าไหมที่เราจะต้องไปใส่ใจคนแบบนั้นหรือคิดแบบเห็นแก่ตัวไปเลยว่า
ถ้าไม่มีผลประโยชน์อะไรกับเรา หรือไม่มีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ของเรา เช่น
เป็นนายจ้าง เป็นผู้ให้กำเนิด เป็นผู้ที่รักและหวังดีต่อเราจริงๆ
ก็ไม่ต้องไปเอามาใส่ใจ
3. ชีวิตนี้สั้นและพลังงานก็มีกำจัด
เวลาและพลังงานบนโลกของเรามีจำนวนจำกัด
จงใช้มันเพื่อคนที่เรารักและเขารักและหวังดีต่อเราก็พอ อย่าเอาไปใช้เพื่อการใส่ใจคนที่เขาไม่ปรารถนาดีต่อเรา
ให้เสียเวลาและเสียพลังงานในชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่เขาไม่ชอบเรา
ต่อให้เราทำดีต่อเขาแค่ไหน เขาก็จะหาข้ออ้างที่จะไม่ชอบเราได้อยู่ดี
4. จงสร้างกำแพงหรือสะพานสำหรับความสัมพันธ์
คนบนโลกนี้ มีหลากความคิด หลากมุมมอง
หลากนิสัย หลากอัตตา มันจึงเป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาจะมองเราว่าเป็นเช่นไร
และมันก็เป็นสิทธิ์ของเราเช่นกันที่จะแสดงให้เขาเห็นด้านไหนในตัวเรา บางครั้งเราก็จำเป็นต้องสร้างกำแพงมาขวางกั้นคนบางจำพวก
และสร้างสะพานทอดรับคนบางคนด้วยเช่นกัน เพราะประชากรมนุษย์บนโลกนี้มีมากเกินกว่าที่เราจะเอามาใส่ใจ
หรือทำให้เขาเป็นคนสำคัญต่อชีวิตเราได้ทั้งหมด เนื่องจากชีวิตนี้สั้นนัก
และมิตรภาพดีๆ
ยังมีให้เราเก็บเกี่ยวได้อีกมากมายบนหนทางแห่งชีวิตที่เราได้มาอยู่บนโลกนี้
ดังนั้นจงดีเฉพาะกับคนที่เขาอยากคบหาหรือดีกับเราก็พอ
และไม่ควรดีกับคนทุกคนที่เราพบเจอ เนื่องจากเสือบางตัวก็แฝงมาในคราบเนื้อผู้น่าสงสาร
5. สูงต่ำอยู่ที่การทำตัว
ดีชั่วอยู่ที่ตัวกระทำ
หากทุกครั้งที่ต้องกระทบกับใคร หรือมีใครมากระทบและทำให้เราไม่พอใจ
(ซึ่งเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งย่อมจะมีอารมณ์โกรธเกลียดได้เหมือนเขา) แต่ถ้าเราวางเฉย
เลี่ยงได้ ไม่ถือสาหาความ เพราะเข้าใจว่านั่นเป็นเพราะกมลสันดานที่เขาสั่งสมมา
เข้าใจความต่างของชนชั้น สถานะ และการจับวางอารมณ์ได้
เราก็จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐกว่าคนพวกนั้น และไม่ถูกลดค่าไปเป็นเยี่ยงสุนัข ด้วยการกระทำที่รู้เท่าทันอารมณ์ตน
ไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ที่จะนำพาให้เราตกต่ำลงไปได้ในชั่วครู่ชั่วยาม
6. ไม่มีใครต้องผูกติดกับเราไปตลอดชีวิต
วันเวลาและประสบการณ์จะช่วยกลั่นกรองให้เองว่า...เราควรจะใช้เวลาอันมีค่าในชีวิตเราเพื่อรัก
เพื่อใส่ใจ เพื่อใส่ใจใครบ้าง เรามาเรียนก็เจอกันแค่ 4 ปี มาทำงานก็เจอกันแค่ 8-9 ชั่วโมง
มาเป็นพ่อ แม่ เพื่อนพ้อง พี่น้อง ก็แค่ชั่วอายุขัยบนโลกนี้ไม่กี่ปี
จึงไม่มีใครเขาอยู่กับเราได้ตลอดเวลา แต่ที่เขาจะตามติดเราไปได้ตลอดเวลานั่น ก็เพราะเรายึดถือเขาไว้ไม่ยอมปล่อยเขาไปจากชีวิตเรา
ไม่จบแค่ในเวลาที่ต้องเจอกัน เขาจึงกลายมาเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเราขนาดที่เราต้องเก็บเอามาใส่ในทุกลมหายใจไป
7. อยากมีความสุขในใจจงอย่าโกรธเกลียดใครเลย
การโกรธเกลียด
เป็นเรื่องของอารมณ์และวุฒิภาวะที่ยังไม่ได้ถูกพัฒนา หรือยกระดับขึ้นมาด้วยหลักของศาสนา
(ทุกความเชื่อ) คนที่มักโกรธเกลียดคนอื่นจึงมีสีหน้าท่าทางที่ไม่น่าเข้าใกล้
ไม่น่าคบหา และเป็นคนที่จะไม่มีวันได้ค้นพบความสุขในใจที่โล่งเบา หากเขาเกลียดโกรธเรามา
ก็จงสงสารคนที่เกลียดเรากลับคืนไปอีก 10 เท่า เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาปล่อยให้เรามีอิทธิพลต่อชีวิตเขา การที่เขาเกลียดขึ้ง หมองโกรธเรา เท่ากับเขาได้ตอกตะปูลงบนฝาโลงตนเองทุกวันๆ จนแน่นหนา ยากจะถอนออกจากใจ
การโกรธเกลียดใคร ใจจะรุ่มร้อน
ไร้ความสุข จนกลายมาเป็นการจ้องจับผิดเรา อยากเห็นชีวิตเราตกต่ำย่ำแย่ ดังนั้นเราจำต้องทำตัวให้ดีขึ้น
ให้ได้ดี หรือประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่เขาเกลียดเรา เมื่อไหร่ที่เรามีชีวิตที่ดีกว่าเขา
เขาจะยิ่งร้อนรน จนกลายเป็นทุกข์ทน หม่นหมอง และอกแตกตายไปเอง
ด้วยใจมักโกรธเกลียดที่ไม่อยากเห็นเราได้ดีเหนือตัวเอง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องเข้มแข็งให้มากท่ามกลางมิตรที่ไม่มีใจจริง หรือ
ศัตรูในคราบมิตรผู้ (เกือบ) หวังดี ทั้งๆ
ที่บางครั้งเราเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเกลียดเรา หรือไม่ได้ไปจดจำว่าใครจะรัก
จะชัง จะชอบเราบ้าง แค่เป็นเราในแบบที่เราคิดว่าดีแล้วไม่ทำใครเดือดร้อนก็พอ
8. จงเลือกคบแต่คนที่มีศาสนาในหัวใจ
สัญชาติญาณด้านดิบเถื่อนของมนุษย์
ถูกเก็บกดเอาไว้ด้วยบรรทัดฐานของสังคมและศาสนา ทั้งๆ ที่จริงๆ
แล้วมนุษย์นั้นเกิดมาเพื่อเบียดเบียนชีวิตอื่น
เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดอยู่แล้วโดยสายเลือด ดังนั้นไม่ต้องไปมองว่ามนุษย์ทุกคนประเสริฐเทียบเท่าเหล่าเทวดาหรือนางฟ้าหรอกนะ
เพราะลึกๆ แล้วในจิตใจของมนุษย์ทุกคนนั้นมีความเห็นแก่ตัวกันทุกคน
สิ่งสำคัญในข้อนี้จึงอยู่ที่ว่า
ใครจะข่มจิตใจ ใครจะสะกดกลั้น หรือใครจะมีปัญญาในการรับมือต่อเหตุการณ์ล่อแหลม
ที่เสี่ยงต่อการกระตุ้นเร้าสัญชาติญาณดิบได้มากน้อยแค่ไหนมากกว่า ดังนั้นการเลือกคบคนที่จิตใจดีมีศาสนา
ทุกความเชื่อ จึงเป็นการคัดกรองคนดีๆ เข้ามาในชีวิตของเราไปได้เอง
9. ทุกข์สุขนั้นอยู่ที่ใจเราไม่ใช่ใครอื่น
ใจของเรา
เราก็ควรจะเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียว ที่จะบงการให้ทุกข์ สุข เศร้า
ด้วยตัวเราเองมิใช่มือคนอื่นไม่ใช่หรือ การบริหารจิตใจ
จึงไม่ควรปล่อยให้ใครเข้ามาทำหน้าที่ มาบงการแทนตัวเรา และการทำใจเราให้ว่าง-เบา
ก็จะทำให้เราก้าวต่อไปบนเส้นทางข้างหน้าได้ง่ายขึ้น ขนาดมือถือหรือคอมพิวเตอร์
เรายังต้องมีฟังก์ชั่นไว้ลบขยะทิ้ง
เพื่อให้เครื่องเบาและเหลือพื้นที่ว่างไว้รันงานได้รวดเร็วขึ้นเลย แล้วทำไมคนเราจึงไม่มีฟังก์ชั่น
Delete ขยะในใจออกไปบ้าง อะไรที่เป็นขยะรกใจ ก็จง Delete
ทิ้งไปเสียให้หมด เพราะเรามีเพียงใจเดียว ที่ยังต้องใช้ต่อไปอีกนาน
หากอายุขัยเราคือ 80 ปี ใจดวงน้อยๆ นี้จะเหลือพื้นที่ไว้รองรับสิ่งดีๆ บนเส้นทางสายอนาคตได้อีกสักเท่าไหร่ ถ้าไม่มีการทำลายขยะในใจออกบ้าง การเลือกลบทิ้งสิ่งไม่ดีออกไปจากหัวใจ หรือทำเป็นหลงลืมไปบ้างตามสมควร จึงเป็นการเตรียมใจเอาไว้เพื่อใช้รองรับแต่สิ่งดีๆ ที่จะเกิดมีบนหนทางข้างหน้า ซึ่งจะนำความสุขมาสู่ใจเราอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องไปพึ่งพิงสิ่งใด และทำให้ใจเราทำงานได้ยาวนานต่อไปได้ ด้วยไม่เคยมีอะไรมาทำร้ายหัวใจเราได้อย่างแท้จริง เมื่อทุกสิ่งที่ใจเราทุกข์อยู่นั้นเกิดจากตัวเราทำร้ายใจเราเอง !!