หลังจากผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 มาได้ คนไทยส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยกับการกินอาหารที่บ้านผ่านบริการจัดส่งอาหารถึงที่ ที่เราเรียกกันว่า Food Delivery ซึ่งมันอำนวยความสะดวกสบายให้กับคนไทยเยอะมาก และร้านอาหารเองก็ขายดีมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่การขายดีใช่ว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นตาม เพราะแอปพลิเคชันเหล่านี้เขาไม่ได้ให้ร้านอาหารเข้ามาเป็นส่วนร่วมฟรี แต่เค้าคิดค่าบริการด้วย 20-35% ซึ่งนับว่าเยอะมาก นอกจากนี้ยังมีสิ่งสำคัญที่คนทำร้านอาหารต้องรู้ก่อนเข้าร่วมบริการ Food Delivery อีกด้วย บอกเลยว่าถึงแม้ไม่พึ่งบริการเหล่านี้คุณก็ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สาเหตุที่การขายออนไลน์ผ่าน
Delivery ไม่เหมาะกับร้านคุณ
- รสชาติอาหารเปลี่ยนแน่นอน สำหรับร้านไหนที่อยากจะเน้นในเรื่องของรสชาติให้เต็มที่
ไม่อยากให้รสสัมผัสอาหารสูญเสียไป การใช้บริการ Food
Delivery ไม่เหมาะกับคุณแน่นอน
เพราะนอกจากจะต้องใช้เวลานานในการขนส่งสินค้าแล้ว
บรรจุภัณฑ์ในการขนส่งเองบางครั้งก็อาจส่งผลต่อรสชาติโดยตรงได้เช่นกัน
ทั้งความชื้นที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคในการจัดส่งอาหารให้มีคุณภาพ
และจะนำมาซึ่งรสชาติที่ไม่ถูกใจลูกค้า และกลายเป็นว่าเขาจะรีวิวร้านอาหารคุณให้ดาวน้อยลง
จนเสียฐานลูกค้าใหม่ในอนาคต ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของคุณแม้แต่นิดเดียว
- โดนคิด GP แพงมาก สำหรับ GP (Gross
Profit) คือ ค่าคอมมิชชั่นที่ร้านอาหารต้องจ่ายให้กับแอปฯ
สั่งอาหาร และนับเป็นค่าดำเนินการที่ทางแพลตฟอร์มเรียกเก็บ อย่างที่เกริ่นช่วงต้นไปว่า
% ที่ทางแอปฯ หรือผู้ให้บริการ Delivery คิด
ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 25-35% ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% ซึ่งสูงมาก นอกจากนี้ต่อให้คุณไม่จ้างหรือเข้าร่วมกับบริการ Delivery และคิดจะใช้คนงานตัวเองในการจัดส่ง ก็จะต้องพบกับเรื่องปวดหัวมากมาย
ทั้งคนจัดส่งไม่พอ ทั้งเรื่องหลงทาง หาบ้านไม่พบ
ซึ่งจะนำมาสู่ต้นทุนแฝงอีกมากมายที่อาจทำให้หมดเงินเยอะกว่าเดิม
- ไม่สอดคล้องกับเมนูที่มี สุดท้ายแล้วคือเรื่องของความยุ่งยากที่จะทำให้เมนูของคุณเหลือน้อยลงกว่าเดิมอย่างน่าเสียดาย
เพราะอาหารบางชนิดจะไม่เหมาะกับการจัดส่งเลยแม้แต่น้อย เช่น ร้านคาเฟ่
หรือแม้แต่เมนูอาหารที่มีต้นทุนสูงอยู่แล้ว กำไรก็จะน้อยลง
ทำให้ถ้าคุณต้องเสียค่าบรรจุภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก
คุณอาจได้กำไรน้อยลงกว่าเดิมมากจนเหนื่อยฟรีเลยก็ได้
ซึ่งทำให้การทำธุรกิจของคุณแทบไม่มีกำไรเลย
นอกจากนี้การขายอาหารด้วยบริการจัดส่งยังมีข้อเสียอีกมากมายที่จะทำให้คุณต้องปวดหัว
ทั้งการจัดทำบัญชีที่ยาก ทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องเพิ่มเข้ามา
ไหนจะเรื่องการจัดทำภาพอาหารที่ต้องสวยสะดุดตา ไม่งั้นจะไม่คุ้มกับการลงทุน
ซึ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีต้นทุนในตัวเองทั้งสิ้น ดังนั้นก่อนจะเข้าร่วมบริการ Delivery ใดๆ ควรพิจารณาตามความเหมาะสมของร้านคุณเสียก่อน
ปรับเปลี่ยนร้านอาหารตัวเอง
ให้คนอยากมาทานที่ร้านมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามการที่ร้านอาหาร
ร้านคาเฟ่ เครื่องดื่มทั่วๆ ไปเข้าสู่กระบวนการสั่งออนไลน์และจัดส่งแบบเดลิเวอรี่กันหมด
อาจทำให้คุณเสียลูกค้าไปก็จริง แต่หากคุณไม่ยอมอยู่เฉยๆ
และสร้างจุดเด่นใหม่ที่จะมาเอาชนะการทำอาหารแบบ Delivery ได้
ก็จะทำให้มีคนมารับประทานที่ร้านคุณมากขึ้น และที่สำคัญจะยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับร้านคุณมากกว่าเดิมแน่นอน
เพราะยิ่งคนมากินที่ร้าน ยิ่งมีโอกาสจะสั่งเมนูเพิ่ม ทำให้ยอดขายของคุณเพิ่มตาม
และนี่คือเทคนิคเปลี่ยนร้านอาหารธรรมดาให้มีคนอยากมาใช้บริการที่ร้านมากกว่าเดิม
เพิ่มเมนูเด็ดเป็นอาหารที่ต้องรับประทานสดทันที
เมนูเด็ดของร้านเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยชูโรงให้คนอยากมาทานอาหารร้านคุณที่ร้านมากขึ้น
เพื่อให้รับรู้ถึงรสชาติที่สด ใหม่ และได้รับอรรถรสในการทานมากขึ้น
เหมือนอย่างร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไม่สามารถกลับไปทานที่บ้านได้ ต้องกินสดๆ ทานสดๆ
กันตรงนั้นเลย ถึงจะได้รับความอร่อยขั้นสุดยอด คุ้มกับเงินที่เสียไป
ต่อยอดความหลากหลายให้คุ้มกับที่มากิน
เมื่อมีเมนูเด็ดที่ต้องกินที่ร้านแล้ว
มันอาจไม่เพียงพอให้คนอยากมาทานร้านคุณขนาดนั้น
คุณต้องเพิ่มเมนูที่หลากหลายเข้าไว้
เพื่อตอบสนองการทานอาหารที่เหมาะกับทุกคนยิ่งกว่าเดิม เพราะแต่ละคนก็มีความชอบแตกต่างกัน
ยิ่งมีเมนูมาก มีทั้งคาว ทั้งหวาน
ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้คนอยากออกจากบ้านมากินร้านคุณ เพราะมันจบครบในที่เดียว
เทคนิคนี้จะช่วยกระตุ้นให้คนอยากมาทานที่ร้านคุณมากขึ้น โดยคุณจะรับลูกค้าได้มากเท่าเดิม และไม่ต้องสูญเสียส่วนแบ่งให้กับใคร รวมถึงหมดปัญหาความยุ่งยากในการจัดการระบบ Delivery ไปได้อีกด้วย เรียกว่าออฟไลน์ก็ชนะได้แบบไม่ง้อแพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ แต่กระนั้นก็อย่าทิ้งการทำการตลาดออนไลน์เพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านด้วยนะ