คำว่า “สมาร์ท ฟาร์ม” (Smart Farm) “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” (Smart Farmer) และ “สมาร์ท ฟาร์มมิ่ง” (Smart Farming) มีการพูดถึงมาระยะหนึ่ง แต่บางคนยังสับสนว่า 3 คำนี้เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และที่ผ่านมานักวิชาการแต่ละสำนัก ก็จำกัดความแตกต่างกันไป
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
แนวคิดสมาร์ท ฟาร์ม คืออะไร
“สมาร์ท ฟาร์ม” เป็นรูปแบบการทำเกษตร ที่เน้นการพัฒนาเกษตรกรรม 4 ด้าน คือ
1.ลดต้นทุนในกระบวนการผลิต
2.เพิ่มคุณภาพมาตรฐานการผลิตและมาตรฐานสินค้า
3. ลดความเสี่ยงที่เกิดจากการระบาดของศัตรูพืชและจากภัยธรรมชาติ และ
4.การจัดการและส่งผ่านความรู้ โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศจากการวิจัยไปประยุกต์สู่การพัฒนาในทางปฏิบัติ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็น เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ยุโรปบางประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น และอินเดีย เป็นต้น
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ภายใต้คำจำกัดความคำว่า “สมาร์ท ฟาร์ม” แปลความหมายได้ว่า ต่อไปคนปลูกพืชผัก ทำไร่ทำนา ทำสวน ทำปศุสัตว์ ประมง จะไม่ใช่เป็นเกษตรกรแบบเดิมๆ อีกต่อไป หากแต่เป็น “ผู้ประกอบการเกษตร” หรือนักธุรกิจเกษตร ซึ่งก็คือ สมาร์ท ฟาร์มเมอร์ นั่นเอง
สมาร์ท ฟาร์ม อาจไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ที่ดินมากมาย แต่ที่ดินเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ได้ผลผลิตสูงและรายได้สูง ด้วยการจัดการเองตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ คือเตรียมพื้นที่อย่างเหมาะสม ลงมือเพาะปลูก ดูแล เก็บเกี่ยว แปรรูป สร้างแบรนด์สินค้า และหาตลาดเอง โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ซึ่งเมื่อตนทุนต่ำ ผลิตผลมีคุณภาพ ก็จะขายได้ราคา และมีผลกำไรเพิ่มขึ้น
สมาร์ท ฟาร์มเมอร์ ต้องเป็นแบบไหน
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่11(พ.ศ. 2555 –2559) ได้บรรจุ “สมาร์ทฟาร์มเมอร์” เป็นส่วนหนึ่งของ แผนพัฒนาการเกษตร ซึ่งดำเนินงานภายใต้คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติเศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ.๒๕๒๒ โดยแผนดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เมื่อ 26 กันยายน 2554
แนวคิด“สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” เป็นยุทธศาสตร์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร โดยคาดหวังให้เกษตรกรมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ รวมทั้งมีภูมิคุ้มกันพร้อมรับความเสี่ยงในมิติของการผลิตและการตลาด พร้อมก้าวสู่การเป็น “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” หรือผู้จัดการฟาร์มมืออาชีพ รวมถึงการสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ทดแทนรุ่นเดิม
ในมิติการผลิต “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” จะเน้นผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในด้านรายได้นั้น เกษตรกรต้องมีรายได้อย่างน้อยในระดับเดียวหรือมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งหมายถึงรายได้เฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 180,000 บาท หรือเท่ากับเงินเดือนขั้นต่ำของผู้จบปริญญาตรี และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ตัวอย่าง “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” มีให้เห็น
บัณฑิตด้านเภสัชกร "สาธนี สกุลวัฒนะ" เธอทำงานในวิชาชีพที่เรียนมาได้ไม่นานนัก ก็กลับบ้านเกิดเพื่อทำงานกับครอบครัว ที่อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีกิจการโรงงานผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ และวันหนึ่งเธอก็เริ่มแนวคิด ออกแบบโรงเรือนเพาะเห็ดขนาดจิ๋ว ใช้พื้นที่เพียง 3.5-4 ตารางเมตร ก็สามารถเพาะเห็ดไว้ขายได้
สาธนี บอกว่า เกิดมาในครอบครัวที่มีกิจการเกี่ยวข้องกับการเกษตร จึงตั้งใจว่าจะต่อยอดกิจการครอบครัว จากธุรกิจต้นน้ำคือผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เข้าสู่ธุรกิจกลางน้ำ คือ ทำฟาร์มผักปลอดภัยหรือผลิตแนว Organic ให้กับผู้บริโภคกลุ่มรักสุขภาพ ขณะเดียวกันก็ทำปลายน้ำไปพร้อมกัน โดยเปิดร้านอาหารและขายสินค้าเกษตร Organic ทั้งผักสดและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปหลากหลาย
วันหนึ่ง สาธนี มีโอกาสเรียนรู้เรื่องการทำก้อนและเพาะเลี้ยงเห็ด จาก รศ.ดร.ถาวร วินิจสานันท์ ที่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี จึงเกิดแนวคิดอยากพัฒนาโรงเรือนเพาะเห็ดขนาดเล็ก สำหรับคนมีพื้นที่จำกัด โดยเฉพาะคนเมืองที่ต้องการทำการเกษตร และปัจจุบันเห็ดก็เป็นที่นิยมบริโภคของคนในกลุ่มรักสุขภาพ
สาธนี ลงมือพัฒนาโรงเพาะเห็นเคลื่อนที่กว่า 1 ปี จนประสบผลสำเร็จ 2 รูปแบบ คือ แบบโครงสร้างถาวร สามารถยกเคลื่อนย้ายได้ทั้งหลัง และแบบถอดประกอบได้ หรือ น็อคดาวน์ ขนาดเท่ากัน คือ กว้าง 1.70 เมตร ยาว 1.70 เมตร สูง 2.10 เมตร ปรากฏว่า ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี
สาธนี เป็นตัวอย่างหนึ่งของ “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” ที่ทำเกษตรอัจฉริยะ ใช้ความรู้ต่อยอดกิจการด้านการเกษตร โดยขณะนี้เป็นที่น่ายินดีที่ประเทศไทยมีสมาร์ท ฟาร์มเมอร์ เพิ่มขึ้นตลอดเวลา
คุณสมบัติพื้นฐาน Smart Farmer
จากฐานข้อมูลส่งเสริมและยกระดับคุณภาพสินค้า OTOP ได้กำหนดคุณสมบัติพื้นที่ในการเป็น Smart Farmer ไว้ 6 ประการ คือ
บทความหน้าจะกล่าวถึง สมาร์ท ฟาร์มมิ่ง (Smart Framing) ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาหรือประยุกต์ใช้ในภาคการเกษตร…น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย