Green Hotel กลยุทธ์ปรับตัวสู่ความยั่งยืน เพิ่มกำไรและครองใจนักท่องเที่ยว [2025]
บทความนี้จะเผยกลยุทธ์ที่เปลี่ยนความยั่งยืนให้เป็นกำไรที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็น การลดต้นทุน การสร้างรายได้ใหม่ หรือการเพิ่มมูลค่าแบรนด์ พร้อมทั้งนำเสนอกรณีศึกษาจากโรงแรมในไทย เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที
นิยามใหม่ของ “Green Hotel 2568”: การพักผ่อนที่ใส่ใจโลก
จาก Eco-Friendly สู่ ESG และ Net Zero Commitment ในธุรกิจโรงแรม
Green Hotel คือ โรงแรมสีเขียว ที่ไม่ได้เป็นแค่ที่พัก แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพราะมีการบริหารจัดการทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนรอบข้างให้เติบโตไปด้วยกัน ซึ่งทำให้เห็นว่าการดำเนินงานของโรงแรมได้ยกระดับจากแนวคิด Eco-Friendly ที่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม ไปสู่กรอบ ESG ที่ครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นของ Green Hotel คือ การก้าวไปสู่ Net Zero หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์
ทลายความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ Green Hotel
เมื่อพูดถึง “Green Hotel” หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าหมายถึงโรงแรมที่ตกแต่งด้วยสีเขียวหรือมีต้นไม้จำนวนมาก ต้องมีราคาที่แพง และอาจจะกระทบความสะดวกสบายของแขก
ในความเป็นจริงแล้ว Green Hotel ไม่ได้ทำให้ราคาที่พักสูงขึ้นเสมอไป เพราะหลายโรงแรมเลือกใช้วิธีที่ช่วยประหยัดต้นทุนในระยะยาว เช่น การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการลดขยะ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงได้ ทำให้สามารถตั้งราคาที่แข่งขันกับตลาดได้
นอกจากนี้ การเป็นโรงแรมสีเขียวยังไม่ได้ลดทอนความสะดวกสบายของแขก แต่เป็นการปรับปรุงระบบต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เช่น การติดตั้งระบบทำความร้อนหรือปรับอากาศที่ทันสมัย ทำให้แขกได้รับความสะดวกสบายในขณะที่ Green Hotel ก็สามารถประหยัดพลังงานได้พร้อม ๆ กัน
มาตรฐาน Green Hotel ของไทย: กรอบการประเมินเพื่อความยั่งยืน
การพัฒนาโรงแรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ไม่ได้อาศัยเพียงการลงทุนด้านเทคโนโลยีหรือการลดต้นทุนเท่านั้น แต่ยังมี “มาตรฐาน Green Hotel” ที่ภาครัฐ โดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) นำมาใช้เป็นเกณฑ์การประเมิน เพื่อผลักดันให้โรงแรมไทยปรับตัวอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับแนวทาง Global Sustainable Tourism Council (GSTC)
มาตรฐาน Green Hotel ของไทยมุ่งเน้นการบริหารจัดการที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มคุณค่าทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยผู้ประกอบการโรงแรมที่ต้องการเข้าร่วมโครงการจำเป็นต้องดำเนินการตามเกณฑ์หลัก 6 ด้าน ได้แก่:
นโยบายด้านการบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การประกาศเจตนารมณ์และแนวทางดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
การพัฒนาบุคลากร การอบรมและสร้างความตระหนักให้พนักงานทุกระดับเข้าใจแนวคิดการเป็น Green Hotel
การรณรงค์และประชาสัมพันธ์ การสื่อสารให้ลูกค้าและสังคมรับรู้ถึงการดำเนินงานด้านความยั่งยืน
การจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้สินค้าและบริการที่ลดการใช้ทรัพยากรและของเสีย
การจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงาน เช่น การลดการใช้ไฟฟ้า น้ำ และการคัดแยกขยะเพื่อลดต้นทุนและผลกระทบต่อโลก
การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชน การสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น การจ้างงาน และการใช้วัตถุดิบจากชุมชน
ผลลัพธ์ที่ได้จากการปฏิบัติตามมาตรฐาน Green Hotel ไม่เพียงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และการจัดการขยะ อีกทั้งยังเป็นแรงดึงดูดต่อนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของประเทศ
The Green ROI: 3 วิธีที่ความยั่งยืน “สร้างกำไร” ให้โรงแรม
การเป็น Green Hotel ไม่ได้คำนึงถึงภาพลักษณ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ทรงพลังในการลดต้นทุน สร้างรายได้ใหม่และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยเช่นกัน
1. การลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ (Operational Cost Reduction)
การลดต้นทุนเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจ Green Hotel สามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวโดยมีวิธีการดังนี้
การใช้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) มาช่วยจัดการพลังงาน Green Hotel สามารถลงทุนในเทคโนโลยี IoT ที่สามารถควบคุมและปรับการใช้พลังงานได้ เช่น การเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ หรือการตรวจจับการรั่วไหลของน้ำแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถแก้ไขได้ทันท่วงทีและประหยัดค่าสาธารณูปโภคได้
ระบบการจัดการน้ำ เช่น การติดตั้งก๊อกน้ำและสุขภัณฑ์แบบประหยัดน้ำหรือระบบรีไซเคิลน้ำโดยนำน้ำทิ้งจากอ่างล้างหน้ากลับมาใช้ใหม่ ทำให้ Green Hotel ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำสะอาดได้อย่างมาก
โปรแกรมลดขยะอาหาร (Food Waste Reduction) การลดขยะอาหารช่วยให้ Green Hotel ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น แนวคิดครัวแบบ Zero-Waste ช่วยให้โรงแรมสามารถใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบทุกส่วนได้อย่างคุ้มค่า เช่น การนำเศษอาหารมาทำปุ๋ยหมักสำหรับสวนผักในโรงแรม เป็นต้น
2. การสร้างรายได้ใหม่และเพิ่มราคาห้องพัก (New Revenue Streams & Premium Pricing)
เว็บไซต์ Booking.com รายงานว่า ในปี 2025 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ (84%) ให้ความสำคัญกับการเดินทางอย่างยั่งยืนและคำนึงถึงการลดผลกระทบจากการเดินทางด้วย จึงเป็นเหตุผลทำให้ Green Hotel สามารถสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากนักเดินทางกลุ่มนี้ เช่น ห้องพักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมดึงดูดกลุ่มนักเดินทางที่มีกำลังซื้อสูงเพื่อความรู้สึกที่ได้มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม การจัด Eco-Tours การขายสินค้า Local Sourcing หรือการจัด Workshop ด้านความยั่งยืน
3. การเพิ่มมูลค่าแบรนด์และความได้เปรียบในการแข่งขัน (Brand Value & Competitive Advantage)
การเป็น Green Hotel ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดำเนินงานภายใน แต่ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่สื่อสารออกไปภายนอกด้วย โดยเฉพาะในเรื่องชื่อเสียงของแบรนด์ที่สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น
ดึงดูดลูกค้าองค์กรที่มีนโยบาย ESG ปัจจุบันบริษัทชั้นนำทั่วโลกจำนวนมากมีนโยบาย ESG ที่ในการเลือกคู่ค้าหรือที่พักสำหรับการจัดประชุมและสัมมนา ดังนั้น Green Hotel จะกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของลูกค้าองค์กรเหล่านี้
สร้าง Storytelling ที่ทรงพลัง การบอกเล่าเรื่องราวความยั่งยืนของ Green Hotel ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับลูกค้าได้ดีกว่าการโฆษณาทั่วไป เรื่องราวเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้แบรนด์ดูจริงใจ แต่ยังเป็นจุดขายที่แข็งแรงและไม่เหมือนใคร
กรณีศึกษา: ตัวอย่าง Green Hotel ในไทยที่ “ความยั่งยืน” คือจุดขายหลัก
กรณีศึกษา: Local Experience และ Zero Waste
โรงแรมต้นแบบ Green Hotel ขนาดเล็กส่วนใหญ่ใช้ความยั่งยืนเป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ โดยการนำแนวคิด “Zero Waste” มาใช้ควบคู่ไปกับการสร้าง “Local Experience” ที่น่าจดจำ โดยเริ่มต้นที่การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ เช่น
ลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยเปลี่ยนไปใช้ขวดแก้วหรือขวดเซรามิกสำหรับน้ำดื่มและของใช้ในห้องน้ำแบบรีฟิลถือเป็นการเริ่มต้นแนวทาง Zero Waste ที่มีประสิทธิภาพ
ใช้ประโยชน์จากท้องถิ่น นี่คือจุดเด่นที่สำคัญของ Green Hotel ขนาดเล็ก โดยโรงแรมเหล่านี้จะสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนอย่างใกล้ชิด เช่น การซื้อวัตถุดิบและผักผลไม้จากฟาร์มในท้องถิ่นเพื่อนำมาปรุงอาหาร หรือแม้กระทั่งการจ้างงานคนในพื้นที่ ซึ่งช่วยลดต้นทุนและสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจให้กับแบรนด์
ประหยัดพลังงานและน้ำ Green Hotel ขนาดเล็กไม่ได้ลงทุนในเทคโนโลยีราคาแพง แต่จะเน้นการปรับพฤติกรรม เช่น การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED การติดป้ายขอความร่วมมือจากแขกให้ช่วยประหยัดน้ำและพลังงาน หรือการนำน้ำที่ใช้แล้วมาใช้รดน้ำต้นไม้ ซึ่งเป็นการลดต้นทุนในระยะยาว
สร้างประสบการณ์ที่จริงใจ แทนที่จะเน้นความหรูหรา Green Hotel เหล่านี้จะนำเสนอประสบการณ์ Local Experience ที่เรียบง่ายแต่มีความหมาย เช่น การทำกิจกรรมที่ผสานการอนุรักษ์ธรรมชาติเข้ากับการท่องเที่ยว ซึ่งทำให้แขกรู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลโลก
กรณีศึกษา: โรงแรมขนาดใหญ่ที่ใช้ Smart Technology เพื่อมุ่งสู่ Net Zero
แนวทางของ Green Hotel ขนาดใหญ่ในการมุ่งสู่ Net Zero คือการลงทุนในการใช้เทคโนโลยีและความร่วมมือเป็นกลไกสำคัญเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในภาพรวม
ระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (IoT): โรงแรมจะติดตั้งเซนเซอร์ทั่วทั้งอาคารเพื่อควบคุมการใช้พลังงานในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง ระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมของแขกและปรับอุณหภูมิหรือความสว่างโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้
การลงทุนในพลังงานสะอาด: Green Hotel เหล่านี้มักจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนดาดฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากระบบสายส่งและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงได้อย่างเป็นรูปธรรม
ระบบจัดการน้ำขั้นสูง: Green Hotel ขนาดใหญ่จะใช้เทคโนโลยีในการบำบัดน้ำเสียจากอ่างล้างหน้าและฝักบัว (Greywater System) เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่สำหรับรดน้ำต้นไม้ ชักโครก หรือใช้ในระบบหล่อเย็น ซึ่งเป็นการลดการใช้น้ำประปาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การลดขยะอาหารด้วยเทคโนโลยี: บางโรงแรมใช้ระบบ AI หรือซอฟต์แวร์ในการวิเคราะห์ข้อมูลการบริโภคอาหารของแขก เพื่อวางแผนการจัดเตรียมอาหารในบุฟเฟต์ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งได้
Case Study: ถอดบทเรียนจาก “ทั่วโลก” สู่ “การลงมือทำจริง” ของโรงแรมสีเขียวในไทย
กรณีศึกษาเชิงสร้างแรงบันดาลใจ: บทเรียนจากโรงแรมสีเขียวระดับโลก
Gaia Hotel & Reserve ประเทศคอสตาริกา
Gaia Hotel & Reserve ประเทศคอสตาริกา เป็นโรงแรมสีเขียวที่ได้รับรางวัล World's Leading Green Hotel 2024 จากเวที World Travel Awards ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับโรงแรมที่โดดเด่นที่สุดในด้าน Eco-friendly และยังได้รับการรับรอง Certification for Sustainable Tourism Practices ระดับ 4 จากหน่วยงานการท่องเที่ยวของคอสตาริกา (Costa Rica Tourism Board: ICT) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง
โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวที่ไปไกลกว่าแค่การเป็นโรงแรมสีเขียวทั่วไป โดยเน้นไปที่การฟื้นฟูระบบนิเวศและการอนุรักษ์เชิงรุก ดังนี้
โมเดลการอนุรักษ์ในพื้นที่ส่วนตัว (Private Nature Reserve) โรงแรมตั้งอยู่บนพื้นที่ป่าฝนส่วนตัวราว 30 ไร่ โดยไม่เพียงแต่สงวนพื้นที่ไว้ แต่ยังมีการดำเนินโครงการอนุรักษ์อย่างจริงจัง เช่น โครงการฟื้นฟูประชากรนกแก้วมาคอว์แดง (Scarlet Macaw) โดยมีการปล่อยนกที่ได้รับการฟื้นฟูสู่ธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง
การจัดการทรัพยากรแบบครบวงจร โรงแรมสีเขียวแห่งนี้มีการใช้ระบบจัดการน้ำและพลังงานอย่างชาญฉลาดโดยมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์ และใช้เครื่องสุขภัณฑ์แบบประหยัดน้ำ นอกจากนี้ยังมีการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ เช่น การใช้ขยะอาหารทำปุ๋ยหมัก และนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วไปรดน้ำต้นไม้
การสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น Gaia Hotel & Reserve มีการทำสัญญาและจ้างงานผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มช่างฝีมือท้องถิ่นได้นำสินค้ามาจำหน่ายในร้านของที่ระลึกของโรงแรม
Gaia Hotel & Reserve สะท้อนให้เห็นว่าโรงแรมสีเขียวไม่ควรจำกัดตัวเองแค่การประหยัดพลังงานหรือลดขยะ แต่สามารถมองหาโอกาสที่จะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ และการอนุรักษ์ไม่ใช่แค่กิจกรรมเสริม แต่ต้องถูกรวมเข้ากับการทำงานในทุกส่วนของโรงแรมทั้งการใช้พลังงานสะอาดในโรงแรม ไปจนถึงการสนับสนุนและจ้างงานคนท้องถิ่นทำให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับชุมชน
กรณีศึกษาเชิงปฏิบัติ: เส้นทางสู่ Green Hotel ของ The Motifs Eco Hotel
The Motifs Eco Hotel เป็นโรงแรมสีเขียวในจังหวัดจันทบุรีโดยเปลี่ยนบ้านไม้เก่าของครอบครัวให้เป็นโรงแรมที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ โดยยึดหลัก “โรงแรมที่หายใจร่วมกับธรรมชาติ” ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างพื้นที่พักผ่อนที่กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน และในปี 2565 ได้รับการรับรองมาตรฐาน Green Hotel (โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) อย่างเป็นทางการ
1. The Challenge: โอกาสและความท้าทายในการบุกเบิก
ความท้าทายของ The Motifs Eco Hotel ไม่ได้เริ่มจากการต้องเผชิญหน้ากับข้อจำกัด แต่เป็นการมองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ เมื่อเจ้าของโรงแรมมองเห็นว่าจังหวัดจันทบุรียังไม่มีโรงแรมสีเขียวจึงตัดสินใจเปลี่ยนความท้าทายนี้ให้เป็นเป้าหมายในการเริ่มต้นโรงแรมสีเขียวขึ้น
2. The First Step: ก้าวแรกที่เริ่มลงมือทำโรงแรมสีเขียว
เจ้าของโรงแรมเริ่มต้นจากการสำรวจตลาดด้วยตัวเอง โดยใช้เวลาตระเวนเข้าพักตามโรงแรมต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และสิ่งที่ตลาดในจันทบุรีขาดไป หลังจากได้ข้อมูลที่เพียงพอจึงได้ทำการสำรวจและประเมินทรัพยากรที่มีอยู่นั่นก็คือบ้านไม้เก่าและเลือกที่จะนำไม้มาประกอบขึ้นใหม่เป็นส่วนต่าง ๆ เป็นการลดต้นทุนด้านวัสดุก่อสร้างและลดขยะจากการก่อสร้างโรงแรมสีเขียวไปพร้อมกัน
3. The Action & Result: ลงมือทำและเห็นผลลัพธ์
เมื่อเริ่มต้นทำโรงแรมสีเขียวแล้วเจ้าของโรงแรมได้นำเช็กลิสต์ของ Green Hotel มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงาน และเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านเพื่อให้ตรงตามเกณฑ์การประเมิน โดยข้อมูลจากปี 2022 พบว่าโรงแรมมีการเข้าพักไปแล้วเกือบ 5,000 คืน ลดการเกิดขยะขวดน้ำพลาสติกไปกว่า 9,900 ชิ้น เช่นเดียวกับขวดสบู่-แชมพู ที่ลดการเกิดขยะไปแล้วกว่า 14,829 ชิ้น
นอกจากนี้ การลงมือทำอย่างจริงจังยังส่งผลให้โรงแรมได้รับรางวัลมากมายในปี 2024 เช่น Green Health Quality Awards, Robinhood Awards สาขา “ต้นแบบแห่งความยั่งยืน” และรางวัลด้านสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าการวางแผนที่ดีย่อมนำไปสู่ความสำเร็จที่จับต้องได้
4. The Lesson Learned: สรุปบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากการลงมือทำจริง
เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส การมองเห็นช่องว่างในตลาดและนำจุดแข็งที่มีอยู่ เช่น ทรัพย์สินเดิมของครอบครัว มาใช้เป็นต้นทุนในการสร้างธุรกิจโรงแรมสีเขียว สามารถนำไปสู่ความสำเร็จที่แตกต่างได้
เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว ไม่จำเป็นต้องลงทุนเทคโนโลยีราคาแพง แต่ให้เริ่มต้นจากการลงมือทำตามเกณฑ์พื้นฐานอย่างการลดขยะ ลดการใช้พลังงาน และการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าและลดต้นทุนไปพร้อมกัน
การวางแผนคือกุญแจสำคัญ การนำเช็กลิสต์ของ Green Hotel มาใช้เป็นแนวทางตั้งแต่แรกช่วยให้การทำงานมีระบบและเป็นไปตามมาตรฐาน ทำให้การขอใบรับรองเป็นเรื่องง่ายและนำไปสู่ความสำเร็จที่จับต้องได้ในท้ายที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สำหรับผู้ประกอบการโรงแรม
การลงทุนเริ่มต้นในการทำ Green Hotel สูงหรือไม่? และมีระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) เท่าไหร่?
การลงทุนเริ่มต้นไม่ได้สูงเสมอไปขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกทำอะไร ถ้าเป็นการปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED หรือการติดตั้งหัวก๊อกประหยัดน้ำ เงินลงทุนจะต่ำ และระยะเวลาคืนทุนจะเร็วมาก เนื่องจากเราสามารถเห็นผลจากการประหยัดค่าไฟ ค่าน้ำได้ทันทีจากการทำ Green Hotel แต่หากเป็นการลงทุนอย่างการติดแผงโซลาร์เซลล์ หรือระบบบำบัดน้ำเสีย จะใช้งบประมาณสูงและระยะเวลาคืนทุนอาจอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี แต่ข้อดีคือเป็นการลงทุนระยะยาวที่ช่วยลดต้นทุนในอนาคตได้
จะทำการตลาด Green Hotel อย่างไรไม่ให้ดูเหมือน ‘ฟอกเขียว’ (Greenwashing) ?
ความโปร่งใสในการสื่อสารทางการตลาดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักท่องเที่ยวพิจารณาเมื่อเลือก Green Hotel เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีความกังวลว่าโรงแรมอาจจะไม่ได้ทำตามที่กล่าวอ้างจริง ดังนั้น การตลาดที่ไม่ใช่การฟอกเขียวจึงควรเน้นที่การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาและแสดงให้เห็นถึงการกระทำที่จับต้องได้จริง
มีแหล่งเงินทุนสีเขียว (Green Loan) หรือการสนับสนุนจากภาครัฐหรือไม่?
การสนับสนุนจากภาครัฐ
รัฐบาลไทยให้การสนับสนุนผ่านหลายช่องทาง โดยเฉพาะจากหน่วยงานอย่าง กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (DCCE) ซึ่งมีโครงการหลักคือ “โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Hotel)” โดยมีการสนับสนุนดังนี้
การรับรองมาตรฐาน: DCCE เป็นผู้ประเมินและมอบตราสัญลักษณ์ “G” (จัดเป็นระดับทอง เงิน ทองแดง) ให้แก่ Green Hotel ที่ผ่านเกณฑ์ ช่วยยกระดับภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ
การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ: ภาครัฐมีนโยบาย “Green Procurement“ หรือการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้โรงแรมที่ได้รับการรับรองมีโอกาสเป็นคู่ค้ากับหน่วยงานราชการมากขึ้น
นอกจากนี้ สถาบันการเงินและกองทุนต่าง ๆ ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการให้เงินทุนแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการปรับปรุงธุรกิจสู่ความยั่งยืน ได้แก่
สินเชื่อสีเขียว (Green Loan): ธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง รวมถึงสถาบันการเงินของรัฐ มีการเสนอสินเชื่อพิเศษสำหรับ Green Hotel เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ หรือการปรับปรุงระบบประหยัดพลังงาน ซึ่งมักมีเงื่อนไขพิเศษด้านอัตราดอกเบี้ยและวงเงิน
การสนับสนุนจากกองทุน: กองทุนต่าง ๆ เช่น กองทุน ThaiCI และกองทุนสิ่งแวดล้อม มีการจัดอบรมและเปิดรับข้อเสนอโครงการเพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการในการเข้าถึงเงินทุน
บทสรุป: Green Hotel ไม่ใช่ต้นทุน แต่คือการลงทุนในอนาคตที่ยั่งยืนของธุรกิจ
การปรับตัวเป็น Green Hotel ไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่คือการวางรากฐานธุรกิจที่ยั่งยืนและสร้างกำไรในระยะยาว เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดต้นทุนได้อย่างยั่งยืนและสร้างรายได้ใหม่จากกลุ่มนักเดินทางที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการสร้าง Storytelling ที่ทรงพลังและจริงใจ ซึ่งจะช่วยยกระดับแบรนด์ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาด และดึงดูดลูกค้าคุณภาพสูงที่มีความต้องการสอดคล้องกับคุณค่าของแบรนด์ได้ด้วย
นอกจากนี้ ในประเทศไทยก็มีตัวอย่างความสำเร็จของ Green Hotel ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเริ่มต้นเส้นทางนี้ ภาครัฐและสถาบันการเงินก็มีแหล่งเงินทุนและการสนับสนุนต่าง ๆ ที่พร้อมจะช่วยให้คุณก้าวเดินได้อย่างมั่นใจเพื่อสร้างกำไรที่ยั่งยืนและสร้างโลกที่ดีขึ้นไปพร้อมกัน
ข้อมูลอ้างอิง
How Can Hotels Really Embrace True Sustainability? สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 จาก https://www.winssolutions.org/how-can-hotels-really-embrace-true-sustainability/
Hotel sustainability: A full guide for hotel owners สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 จาก https://www.hospitalitynet.org/explainer/4120392.html
Booking.com's 2025 Research Reveals Growing Traveler Awareness of Tourism Impact on Communities Both at Home and Abroad สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 จาก https://news.booking.com/bookingcoms-2025-research-reveals-growing-traveler-awareness-of-tourism-impact-on-communities-both-at-home-and-abroad/
10 Undisputed Reasons Hotels Should Go Green สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 https://www.profitableventure.com/why-hotels-should-go-green/
Sustainable marketing and communication: How to convey your hotel's values to your guests สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 จาก https://en.roiback.com/rb-academy/sustainable-communication-and-marketing-how-to-transmit-the-values-of-your-hotel-to-your-guests
Is Solar Energy for Hotels Worth the Investment? สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 จาก https://www.greenlodgingnews.com/is-solar-energy-for-hotels-worth-the-investment/