โลกกำลังเชิญความท้าทายในด้านความมั่นคงด้านอาหาร
ผลพวงจากการเพิ่มขึ้นของประชากร การขาดแคลนถิ่นที่อยู่อาศัย
สิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการขาดแคลนอาหารของประชากรโลกในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ อุตสาหกรรมอาหารจึงเป็นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโต
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยที่ได้ชื่อว่าอู่ข้าว อู่น้ำ
แหล่งผลิตอาหารเลี้ยงประชากรโลก
ภายใต้กฎระเบียบและมาตรฐานของอุตสาหกรรมอาหารนั้น ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วัตถุดิบทางการเกษตรไปจนถึงการแปรรูป การขนส่ง และการตลาดก่อนจะถึงมือผู้บริโภค จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการด้านอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาดอาจจะไม่เข้าใจ หรือยังมองข้ามสิ่งเหล่านี้ เราเลยหยิบยกมาให้ทราบว่าในปัจจุบัน มีกฎหมายและข้อบังคับใดบ้างที่ผู้ผลิตอาหารควรให้ความสำคัญ และควรศึกษาไว้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าเกษตร
พ.ศ. 2561 : กฎหมายที่กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรกำหนดกระบวนการตรวจสอบ
และรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรเพื่อควบคุมและส่งเสริมสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพ มาตรฐาน
และปลอดภัยแก่ประชาชน โดยครอบคลุมสินค้าเกษตรทั้งพืช สัตว์ ประมง และมีข้อกําหนดในการควบคุมกิจกรรมอื่นที่ต่อเนื่องจากการผลิตสินค้าเกษตร
อาทิ การขนส่งสินค้าเกษตร คลังสินค้าเกษตร สะพานปลา โรงฆ่าสัตว์ เป็นต้น กำกับโดย
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)
2. พ.ร.บ.พันธุ์พืช
พ.ศ. 2550 : เป็นกฎหมายที่กำกับดูแลสุขอนามัยพืช
โดยกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการนำเข้าและส่งออกสินค้าพืชให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพืชที่นำเข้ามาในประเทศ
รวมการส่งออกพืชไปยังตลาดต่างประเทศ โดยมีกรมวิชาการเกษตร เป็นหน่วยงานกำกับดูแล
3. พ.ร.ก.การประมง
พ.ศ. 2558 :
กฎหมายข้อกำหนดให้มีการปฏิบัติตามพันธกรณีที่ประเทศไทยมีต่อองค์การระหว่างประเทศ
และเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความยั่งยืน โดยคำนึงถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และการรักษาความสมดุลในระบบนิเวศ และสร้างความมั่นใจในการบริโภคสัตว์น้ำที่ได้จากการเพาะเลี้ยง
ทั้งที่มีคุณภาพและสุขอนามัยที่ได้มาตรฐาน กำกับดูแลโดยกรมประมง
4. พ.ร.บ.อาหาร
พ.ศ. 2522 : กฎหมายที่ใช้เกี่ยวข้องกับอาหารมากที่สุด
คือ เครื่องหมาย อย. ที่กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
มีหน้าที่ดูแลการควบคุมคุณภาพของอาหาร คุ้มครองผู้บริโภคโดยมุ่งเน้นที่การขออนุญาต
การตรวจสอบ การขึ้นทะเบียน รวมทั้งในเรื่องของการโฆษณาเกี่ยวกับอาหาร
5. พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์
พ.ศ.2559 : กฎหมายที่สร้างระบบการควบคุม
ตรวจสอบคุณภาพในกระบวนการฆ่าสัตว์ และการขนส่งเนื้อสัตว์ รวมถึงการชำแหละและตัดแต่งเนื้อสัตว์
เพื่อการจำหน่ายให้ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น และเพื่อสร้างความปลอดภัยด้านอาหาร เป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้บริโภคเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขอนามัย
โดยมีกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานกำกับดูแล
6. พ.ร.บ.คณะกรรมการอาหารแห่งชาติ
: และเพื่อให้มีหน่วยงานหลักที่เป็นกลไกในการกำหนดนโยบาย
และกำหนดยุทธศาสตร์ด้านอาหารในมิติด้านคุณภาพ ความปลอดภัยของอาหาร ความมั่นคงอาหาร
และการศึกษาด้านอาหารโดยครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน และมีประสิทธิภาพในลักษณะบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
การส่งเสริมและสนับสนุนการค้าและอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหาร ทั้งภายในและตลาดต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม
ภายใต้โลกที่กังวลเรื่องปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและมลภาวะมากขึ้น ดังนั้นผู้ผลิตอาหารตั้งแต่ต้นน้ำ
กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งก็คือเกษตรกร ผู้ผลิตและแปรรูปในภาคอุตสาหกรรม
ตัวแทนจำหน่ายและผู้ส่งออก จึงต้องให้ความสำคัญกับการทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อโลก
และการตรวจสอบย้อนกลับ และเน้นการผลิตในเชิงคุณภาพ มากกว่าการเน้นปริมาณ
ขณะเดียวกัน
ในภาคการผลิตและแปรรูป เพื่อการค้าในประเทศและต่างประเทศ
ก็อาจจะต้องศึกษามาตรการด้านอาหารของตลาดแต่ละประเทศด้วย อาทิ
ผู้ผลิตอาหารที่มีตลาดในยุโรปอาจจะต้องศึกษาและกฎระเบียบเพิ่มเติมในยุโรป ซึ่งให้ความสำคัญต่อเรื่องอาหารปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมอย่างมาก
ดังนั้นจะเห็นว่า สิ่งที่ผู้ผลิตอาหารจะต้องเข้าใจ ไม่เพียงมาตรการกฎระเบียบในประเทศ แต่ยังต้องติดตามและทำความเข้าใจ ‘มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี’ ในตลาดต่างประเทศในกลุ่มอาหารด้วย เพราะแนวโน้มจะเป็นความท้าทายใหม่ที่ผู้ประกอบการด้านอาหารในทุกระดับจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
แมลง ‘โปรตีนทางเลือก’ โอกาสตลาดอียู
5 ความท้าทายใหม่ SME ด้านอาหาร เส้นชัยสู่ความยั่งยืน