Holding Company โครงสร้างใหม่เพื่อปกป้องธุรกิจครอบครัวในระยะยาว
ช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างรุ่นของธุรกิจครอบครัวถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การมีโครงสร้างธุรกิจที่มั่นคงและยืดหยุ่นจึงกลายเป็นหัวใจหลักของความอยู่รอดและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวคิด “Holding Company” หรือ “บริษัทแม่ที่ถือหุ้น” กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในหมู่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์ลูกหรือพัฒนาโมเดลธุรกิจให้เหมาะกับยุคสมัย โดยไม่ทำลายคุณค่าหลักของธุรกิจเดิม
ดังนั้น การเข้าใจและวางโครงสร้างบริษัท Holding Company ในไทยอย่างถูกต้อง จะสามารถช่วยปกป้องธุรกิจครอบครัวในระยะยาวได้ ทั้งในแง่การสืบทอดกิจการ การบริหารจัดการความเสี่ยง และการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ทำความเข้าใจ Holding Company คืออะไร?
Holding Company คือ บริษัทที่มีหน้าที่หลักในการถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ โดยตัวบริษัทแม่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจผลิตหรือให้บริการโดยตรง แต่จะมีบทบาทในด้านการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ เช่น การวางแผนการลงทุน การจัดการทรัพย์สิน การกำหนดนโยบายภาพรวมของกลุ่มธุรกิจ ไปจนถึงการจัดการความเสี่ยงระดับองค์กร
การจัดตั้งโครงสร้างบริษัท Holding Company ช่วยให้การแบ่งแยกหน้าที่ระหว่างบริษัทแม่และบริษัทลูกมีความชัดเจน ช่วยให้แบรนด์ใหม่มีอิสระในการบริหารงาน แต่ยังอยู่ภายใต้กรอบการบริหารของ Holding Company
รูปแบบโครงสร้างบริษัท Holding Company ที่ SME สามารถนำไปประยุกต์ใช้
ธุรกิจ SME สามารถประยุกต์ใช้โครงสร้างบริษัท Holding Company ได้หลายรูปแบบ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นกิจการขนาดใหญ่เสมอไป หากมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ จุดเริ่มต้นที่สำคัญ คือ การแยกบทบาทระหว่างบริษัทที่ถือหุ้น (Holding Company) และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจจริง (Operating Company) โดยแนวทางที่สามารถพิจารณา ได้แก่
การจัดตั้ง Holding Company แยกจากธุรกิจปฏิบัติการ ให้บริษัทแม่ทำหน้าที่ถือหุ้นในบริษัทลูกซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการ เพื่อสร้างความชัดเจนและลดความเสี่ยงต่อทรัพย์สินโดยรวมของกลุ่มธุรกิจ
แยกการบริหารและการถือหุ้นในรุ่นต่อไป หากต้องการส่งต่อกิจการให้ทายาทหลายคน การให้ Holding Company คือ ผู้ถือหุ้นหลักสามารถลดข้อขัดแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์และหน้าที่บริหารได้
สร้างแบรนด์ใหม่ให้เติบโตแบบสตาร์ตอัป ในขณะที่ยังสามารถใช้ทรัพยากรของธุรกิจเดิม เช่น ทุน ความเชี่ยวชาญ หรือเครือข่ายซัปพลายเชน เป็นฐานสนับสนุน
เทคนิคการวางระบบบัญชีและภาษีของ Holding Company ให้ชัดเจน
การบริหาร Holding Company ในไทย ไม่ใช่เพียงแค่การจัดโครงสร้างหุ้นเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับระบบบัญชีและภาษี เพื่อให้การดำเนินงานของกลุ่มบริษัทมีความโปร่งใสและประหยัดต้นทุน โดยมีปัจจัยที่ควรพิจารณา ดังนี้
ราคาซื้อขายระหว่างกัน (Transfer Pricing) การตั้งราคาสินค้าหรือบริการระหว่างบริษัทในเครือควรสอดคล้องกับราคาตลาด และมีเอกสารรองรับเพื่อป้องกันปัญหาทางภาษี
การจัดการต้นทุนร่วม เช่น การใช้สำนักงานกลาง ระบบบัญชี การเงิน หรือทรัพยากรบุคคลร่วมกัน ควรมีหลักเกณฑ์ในการกระจายค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม
การวางแผนภาษีรวมกลุ่ม (Tax Consolidation) การดูโครงสร้างรายได้-ค่าใช้จ่ายของแต่ละบริษัทลูกและวางแผนภาษีอย่างเป็นระบบ อาจช่วยลดภาระภาษีรวมของทั้งกลุ่ม
ควรปรึกษานักบัญชีและที่ปรึกษากฎหมาย ในการออกแบบโครงสร้างที่เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ โดยเฉพาะในบริบทของ Holding Company ในไทย ที่มีกฎหมายและแนวปฏิบัติเฉพาะตัว
Holding Company มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?
แม้การจัดตั้ง Holding Company ในไทยกำลังได้รับความสนใจในฐานะทางเลือกเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจครอบครัวที่ต้องการขยายกิจการหรือเตรียมการส่งต่อรุ่นสู่รุ่นอย่างเป็นระบบ แต่ก็ยังมีข้อควรระวังและต้นทุนบางประการที่ผู้ประกอบการควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
ข้อดีของการจัดตั้ง Holding Company
กระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ หากบริษัทลูกที่ดำเนินกิจการเกิดปัญหา เช่น ขาดทุนหรือถูกฟ้องร้อง การที่ทรัพย์สินหลักยังอยู่ภายใต้ Holding Company จะช่วยป้องกันไม่ให้ความเสียหายนั้นกระทบต่อทรัพย์สินของกลุ่มธุรกิจทั้งหมด
ความยืดหยุ่นในการบริหารและวางแผนกลยุทธ์ การแยกการบริหารระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูกช่วยให้แต่ละธุรกิจสามารถดำเนินงานตามแผนของตนเองได้ โดย Holding Company จะทำหน้าที่กำกับดูแลในระดับนโยบาย รวมถึงสนับสนุนด้านการเงินหรือทรัพยากรกลางอย่างมีประสิทธิภาพ
ความสะดวกในการส่งต่อกิจการให้กับรุ่นถัดไป การถือครองหุ้นผ่าน Holding Company ช่วยให้สามารถจัดสรรสิทธิ์การเป็นเจ้าของแก่ทายาทได้โดยไม่ต้องแตะต้องธุรกิจโดยตรง ช่วยลดความขัดแย้งและความซับซ้อนในการแบ่งทรัพย์สินในอนาคต
เสริมภาพลักษณ์ธุรกิจมืออาชีพ โครงสร้างที่มี Holding Company ทำให้กลุ่มธุรกิจดูมีระบบการบริหารจัดการที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นผลดีในการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจ นักลงทุน หรือสถาบันการเงิน
ข้อควรระวังในการจัดตั้ง Holding Company
ต้นทุนการจัดตั้งและบริหารเพิ่มขึ้น การจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ หมายความว่าต้องมีระบบบัญชี ทีมกฎหมาย และการบริหารจัดการแยกต่างหาก ซึ่งอาจไม่เหมาะกับ SME ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือยังมีขนาดกิจการไม่ใหญ่มาก
ความซับซ้อนของโครงสร้างภายในกลุ่ม หากไม่มีการจัดการระบบที่ดี อาจเกิดความสับสนระหว่างหน้าที่ของบริษัทแม่และลูก รวมถึงปัญหาการควบคุมบัญชีระหว่างกัน (Intercompany Transactions)
ประเด็นด้านภาษีและการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ หน่วยงานภาษีอาจจับตามองธุรกรรมระหว่างบริษัทในเครือ โดยเฉพาะกรณี Transfer Pricing หากไม่มีเอกสารหรือวิธีการจัดสรรต้นทุนที่โปร่งใสและสมเหตุสมผล อาจนำไปสู่การถูกประเมินภาษีย้อนหลัง
การเปลี่ยนผ่านองค์กรอาจใช้เวลา การเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจจากรูปแบบเดิมมาสู่ Holding Company ต้องอาศัยความเข้าใจของผู้บริหารและทีมงานในทุกระดับ รวมถึงการเตรียมพร้อมด้านกฎหมายและระบบงานใหม่ที่สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ
ดังนั้นแล้ว การเลือกใช้โครงสร้างบริษัท Holding Company จึงถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับธุรกิจครอบครัวที่มีแนวโน้มขยายตัว หรือต้องการเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายระยะยาว แต่จำเป็นต้องอาศัยการวางแผนที่รอบด้าน ทั้งด้านกฎหมาย การเงิน และทรัพยากรบุคคล เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นตามมา
ขั้นตอนการจัดตั้ง Holding Company ในไทย
การจัดตั้ง Holding Company ในไทย สามารถทำได้โดยผู้ประกอบการที่ต้องการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อการบริหารจัดการทรัพย์สิน การวางแผนภาษี หรือการเตรียมความพร้อมในการส่งต่อกิจการในอนาคต โดยเฉพาะในธุรกิจครอบครัวที่ต้องการสร้างความชัดเจนในการถือหุ้น การบริหาร และการขยายกิจการในหลายทิศทาง
1. ศึกษาความพร้อมของกิจการและเป้าหมายของโครงสร้าง
ตรวจสอบว่าองค์กรอยู่ในช่วงที่เหมาะสมจะเปลี่ยนโครงสร้างหรือไม่ เช่น มีแผนขยายแบรนด์ใหม่ หรือเตรียมส่งมอบกิจการให้รุ่นถัดไป พร้อมกำหนดว่าวัตถุประสงค์ของ Holding Company คืออะไร ไม่ว่าจะเพื่อควบคุมกิจการในเครือ วางแผนภาษี ปกป้องทรัพย์สิน หรือกระจายความเสี่ยง
2. วางแผนโครงสร้างองค์กรและโครงสร้างหุ้น
กำหนดว่าบริษัทใดจะเป็น Holding Company (บริษัทแม่) และบริษัทใดจะเป็น Operating Company (บริษัทลูก) จากนั้นให้ออกแบบโครงสร้างการถือหุ้น เช่น บริษัทแม่ถือหุ้น 99% ในบริษัทลูก หรือมีการจัดสรรหุ้นระหว่างสมาชิกครอบครัวผ่าน Holding Company พร้อมพิจารณาการถือครองสินทรัพย์ ทั้งเครื่องจักร ที่ดิน และทรัพย์สินทางปัญญา ว่าควรอยู่ในนิติบุคคลใดเพื่อประโยชน์สูงสุดด้านภาษีและกฎหมาย
3. จัดตั้งบริษัท Holding Company อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยกำหนดวัตถุประสงค์ชัดเจนว่าเป็นบริษัทที่ลงทุนในกิจการอื่น และกำหนดทุนจดทะเบียนที่เหมาะสมและโครงสร้างผู้ถือหุ้น (ควรมีที่ปรึกษากฎหมายช่วยร่างสัญญาและข้อบังคับภายใน) รวมถึงเปิดบัญชีบริษัทใหม่ พร้อมจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากเข้าเกณฑ์
4. โอนหุ้นหรือทรัพย์สินจากบริษัทเดิมมายัง Holding Company
โอนหุ้นของบริษัทลูกให้ Holding Company ถือแทน เพื่อให้บริษัทแม่มีอำนาจควบคุมและบริหารกลุ่มธุรกิจอย่างเป็นระบบ ในกรณีต้องโอนทรัพย์สิน อาทิ ที่ดินหรือทรัพย์สินทางปัญญา อาจต้องพิจารณาภาษีที่เกิดจากการโอน เช่น ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรแสตมป์
5. วางระบบบัญชีและการเงินระหว่างบริษัทให้เป็นระบบ
จัดทำบัญชีแยกกันสำหรับแต่ละบริษัท แต่ควรมีระบบกลางหรือที่ปรึกษาเพื่อช่วยตรวจสอบและควบคุมรายการระหว่างกัน และควรจัดทำ Transfer Pricing Policy ให้ชัดเจน หากมีการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างบริษัทแม่-ลูก เพื่อป้องกันปัญหาด้านภาษี หากมีกิจการหลายแห่ง ควรพิจารณาการจัดทำงบการเงินรวม (Consolidated Financial Statements)
6. วางแผนภาษีและการถือหุ้นในระยะยาว
ออกแบบโครงสร้างการถือหุ้นให้เหมาะสมกับเป้าหมายในอนาคต เช่น ถือผ่านบริษัทแทนการถือโดยบุคคลธรรมดาเพื่อความได้เปรียบด้านภาษี พร้อมพิจารณากลยุทธ์ในการกระจายหุ้นให้ทายาท ไม่ว่าจะเป็นการตั้ง Trust หรือใช้สัญญาร่วมทุน (Joint Venture) ผ่าน Holding Company เพื่อป้องกันข้อพิพาท
7. ปรับภาพลักษณ์ธุรกิจให้สะท้อนโครงสร้างใหม่
หากแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นภายใต้ Holding Company ควรสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็น “ธุรกิจในเครือ” อย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจความเชื่อมโยง กล่าวคือ ใช้แบรนด์บริษัทแม่เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ลูก โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่ต้องอาศัยความไว้วางใจ เช่น การเงิน อสังหาริมทรัพย์ หรืออาหาร
*หมายเหตุ: การจัดตั้ง Holding Company ไม่ใช่เพียงการจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่เท่านั้น แต่เป็นการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในหลายมิติ การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักบัญชีภาษี ทนายความธุรกิจ และที่ปรึกษาด้านการเงิน ถือเป็นสิ่งสำคัญในการออกแบบโครงสร้างที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับเป้าหมายของกิจการ
ตัวอย่างธุรกิจครอบครัวที่อยากสร้างแบรนด์ใหม่โดยไม่ลบล้างชื่อเดิม จะทำได้อย่างไรบ้าง?
ยกตัวอย่างสถานการณ์สมมติ เช่น ครอบครัวหนึ่งทำธุรกิจร้านอาหารท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน มีชื่อเสียงในชุมชนกับสูตรอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ รุ่นพ่อแม่บริหารกิจการด้วยระบบดั้งเดิม ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี แต่เมื่อลูกหลานเริ่มเข้ามาร่วมธุรกิจ กลับมีมุมมองใหม่ ต้องการสร้างแบรนด์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เช่น เมนูสุขภาพ หรือร้านคาเฟบรรยากาศมินิมอล
แนวทางที่แนะนำ มีดังนี้
แยกบริษัทใหม่ภายใต้ Holding Company โดยให้แบรนด์ใหม่นี้มีอิสระในการบริหาร การตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ใช้ทรัพยากรจากธุรกิจเดิม เช่น ซัปพลายเออร์ วัตถุดิบ หรือฐานลูกค้าบางส่วน เป็นจุดเริ่มต้น
รักษาชื่อเสียงของแบรนด์เดิมไว้ให้คงอยู่ และเชื่อมโยงคุณค่าระหว่างแบรนด์ใหม่และแบรนด์เดิมผ่าน Holding Company
วางแผนส่งต่อความเป็นเจ้าของในลักษณะหุ้นของ Holding Company แทนการถือครองตรงในแต่ละแบรนด์
บทสรุปและแนวทางสู่ความสำเร็จ
การแยกแบรนด์ใหม่ภายใต้โครงสร้างบริษัท Holding Company คือแนวทางที่ช่วยให้ธุรกิจครอบครัวสามารถรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงดั้งเดิมกับการเติบโตในทิศทางใหม่ได้อย่างเป็นระบบ ทั้งยังช่วยลดความขัดแย้งเรื่องแนวคิด ลดความซ้ำซ้อนในการบริหาร และป้องกันการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็เอื้อให้เกิดการใช้จุดแข็งของธุรกิจเดิม ทั้งในแง่ชื่อเสียง ทุนประสบการณ์ และโครงข่ายซัปพลายเชน มาเป็นฐานในการเริ่มต้นแบรนด์ใหม่โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
ในกรณีที่แบรนด์ใหม่ต้องการขยายสู่โมเดลธุรกิจที่แตกต่างหรือมีความเสี่ยงสูงกว่าธุรกิจเดิม การแยกบริษัทให้ชัดเจนยังช่วยจำกัดความเสี่ยงให้อยู่เฉพาะในบริษัทลูก โดยไม่ส่งผลกระทบย้อนกลับไปยังทรัพย์สินหรือชื่อเสียงของบริษัทแม่ที่เป็นรากฐานของครอบครัว
นอกจากจะเป็นการวางตำแหน่งธุรกิจให้ชัดเจนขึ้นแล้ว ยังเป็นการให้คุณค่ากับทั้งอดีตและอนาคตในเวลาเดียวกัน คือ การยอมรับว่าแนวคิดใหม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ หากมีรากฐานจากประสบการณ์เดิมรองรับอยู่เบื้องหลัง และเมื่อทั้งสองรุ่นสามารถเดินไปด้วยกันได้ภายใต้โครงสร้างที่ชัดเจน ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่แบรนด์ใหม่จะต้องลบภาพของแบรนด์เดิม แต่สามารถเติบโตเคียงข้างกันอย่างมีจุดยืนของตนเอง
ข้อมูลอ้างอิง
Advantages of a Holding Company: when and why to set up a Holding Company. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 จาก https://www.leialta.com/en/blog/advantages-holding-company/.
Open a Holding Company in Thailand. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 มินายน 2568 จาก https://thaicompanyformation.com/open-a-holding-company-in-thailand/.
Holding Company สำคัญอย่างไร ทำไมเจ้าของธุรกิจต้องศึกษา? 5 เหตุผลสำคัญที่ธุรกิจครอบครัวควรจัดตั้ง. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 มินายน 2568 จาก https://idolplanner.com/holding-company- -สำคัญอย่างไร-ทำไมเจ้า/.