ข้อดีของการดำเนินธุรกิจ SME ด้วยความห่วงใยสังคม (Social Concern)

SME Series
30/07/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 4 คน
ข้อดีของการดำเนินธุรกิจ SME ด้วยความห่วงใยสังคม (Social Concern)
banner

ผู้ประกอบการรุ่นใหม่หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “Social Enterprise” (กิจการเพื่อสังคม) ผ่านหูกันมาบ้าง โดยจะเป็นรูปแบบองค์กรที่มีภารกิจทางสังคมเป็นแกนกลาง และใช้กลไกตลาดในการขับเคลื่อน เช่น การจำหน่ายสินค้าหรือบริการเพื่อนำรายได้ไปแก้ปัญหาสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งกิจการเพื่อสังคมที่จดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยจะได้รับสถานะพิเศษตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 ที่อาจนำไปสู่สิทธิประโยชน์บางประการ เช่น การลดหย่อนภาษี การเข้าถึงกองทุนสนับสนุน หรือการได้รับการรับรองจากภาครัฐ

แต่ในขณะเดียวกัน อีกหนึ่งแนวทางที่ใกล้เคียง ยืดหยุ่น และเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการ SME ได้แก่ Social Concern Business หรือ การดำเนินธุรกิจด้วยความห่วงใยสังคม โดยการดำเนินธุรกิจรูปแบบนี้ไม่ได้มีการจำกัดขนาดองค์กร และไม่ต้องจดทะเบียนเป็นกิจการเพื่อสังคมอย่างเป็นทางการ แต่ก็สามารถฝังแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมในกระบวนการธุรกิจทุกระดับ และกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่สร้างความแตกต่างในตลาดยุคใหม่

เข้าใจพื้นฐานของ “การดำเนินธุรกิจด้วยความห่วงใยสังคม” ในบริบทของ SME


ธุรกิจห่วงใยสังคม คือ ธุรกิจที่ดำเนินงานภายใต้ Dual Mission หรือ “ภารกิจคู่” ได้แก่

  • การแสวงหากำไรตามเป้าหมายทางธุรกิจ (Profit)

  • การส่งเสริมคุณภาพชีวิต สังคม หรือสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนขึ้น (People / Planet)

แนวคิดนี้สอดคล้องกับโลกธุรกิจยุคใหม่ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับจริยธรรม ความโปร่งใส และความยั่งยืนมากขึ้น สำหรับ SME การปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวคิดนี้ไม่ได้หมายถึงการลงทุนครั้งใหญ่ แต่คือการนำทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ บุคลากร หรือความเชี่ยวชาญ มาใช้สร้างประโยชน์ร่วม (Shared Benefit) ให้แก่ชุมชนรอบข้างหรือสังคมในวงกว้าง เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นพลังเล็ก ๆ ที่ขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า 

ตัวอย่างเช่น

  • SME ผู้ผลิตอาหารในท้องถิ่นอาจเลือกใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรรายย่อยใกล้บ้าน

  • โรงงานขนาดเล็กอาจติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อม

  • ร้านค้าปลีกอาจสร้างสรรค์แคมเปญคืนกำไรสู่ชุมชน หรือบริจาครายได้บางส่วน

 “Shared Value” โมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าทางสังคม


แนวคิด “Shared Value” หรือ “การสร้างคุณค่าร่วม” คือ การออกแบบทางธุรกิจให้สามารถสร้างทั้งกำไรและผลกระทบเชิงบวกไปพร้อมกัน โดยเป็นการบูรณาการเป้าหมายทางเศรษฐกิจเข้ากับเป้าหมายทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแนบเนียน ซึ่งแตกต่างจากแนวทาง CSR ที่มักเป็นกิจกรรมเฉพาะกิจหรือแยกออกจากแกนหลักของธุรกิจ

ในบริบทของธุรกิจที่ห่วงใยสังคม แนวคิด Shared Value สามารถแปลงให้เกิดผลลัพธ์ทั้ง 3 ด้านได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกรอบแนวคิด 3P ได้แก่ Profit, Planet และ People

1. Profit (การสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน)


ธุรกิจที่ดำเนินงานด้วยความห่วงใยสังคมไม่จำเป็นต้องลดเป้าหมายด้านผลกำไร ธุรกิจสามารถวางกลยุทธ์เพื่อให้ธุรกิจมีคุณค่ามากกว่าราคาและคุณสมบัติสินค้า จะช่วยสร้างจุดขายใหม่ (Value Proposition) และเพิ่มโอกาสในตลาด เช่น

  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ช่วยแก้ปัญหาสังคม เช่น อุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุ และแอปพลิเคชันเพื่อผู้พิการ ผลิตภัณฑ์ปลอดสารเคมี

  • การต่อยอดโมเดลธุรกิจแบบแบ่งปัน เช่น Buy One Give One หรือสินค้าเพื่อการกุศล

  • การสร้างแบรนด์ที่มีจุดยืนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างชัดเจน เพื่อดึงดูดผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้คุณค่ากับจริยธรรม

2. Planet (ห่วงใยสิ่งแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ)


ธุรกิจที่ห่วงใยสังคมสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมผ่านการปรับกระบวนการผลิตหรือซัปพลายเชนให้ยั่งยืนมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้ต้นทุนสูงหรือเทคโนโลยีซับซ้อนเสมอไป ตัวอย่างเช่น

  • การใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่ยั่งยืน (Sustainable Sourcing) หรือท้องถิ่น (Local) เพื่อลดการขนส่ง

  • การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ลดการใช้พลาสติกและสามารถรีไซเคิลได้

  • การบริหารจัดการของเสียในโรงงานอย่างเป็นระบบ ลดการปล่อยคาร์บอนหรือการใช้น้ำเกินจำเป็น

3. People (สร้างคุณค่าร่วมกับผู้คนในระบบนิเวศธุรกิจ)


Social Concern Business ที่ดี ต้องไม่มอง “ผู้คน” เป็นเพียงผู้บริโภค แต่ควรเห็นถึงบทบาทของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น พนักงาน ซัปพลายเออร์ ชุมชน และกลุ่มเปราะบางในสังคม โดยการแสดงความใส่ใจต่อผู้คนสามารถทำได้หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น

  • การให้โอกาสทางอาชีพแก่กลุ่มเปราะบางในสังคม เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้พ้นโทษ

  • การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เท่าเทียม มีสวัสดิการพื้นฐาน และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพนักงาน

  • การดำเนินธุรกิจโดยไม่เอาเปรียบซัปพลายเออร์รายย่อย โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมหรือหัตถกรรม

  • การจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน เช่น การจ้างงานในท้องถิ่น หรือการพัฒนาพื้นที่สาธารณะรอบโรงงาน

วิธีการเริ่มต้นธุรกิจห่วงใยสังคมในแบบของ SME

การเริ่มต้นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความห่วงใยสังคม สำหรับผู้ประกอบการ SME อาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือซับซ้อนอย่างที่หลายคนคิด เพราะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจทั้งหมด หรือใช้งบประมาณมหาศาล แต่อยู่ที่มุมมองและแนวทางในการออกแบบการดำเนินงานให้เกิดคุณค่าร่วมระหว่างธุรกิจและสังคม ทั้งนี้ สามารถเริ่มต้นได้จากกระบวนการต่อไปนี้

1. ระบุประเด็นทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อมที่อยากมีส่วนร่วมอย่างชัดเจน


จุดเริ่มต้นของการเป็นธุรกิจที่ห่วงใยสังคม คือการตั้งคำถามกับตัวเองว่า ธุรกิจของเราสามารถมีส่วนช่วยแก้ปัญหาใดในสังคมได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ การศึกษา สิทธิของกลุ่มเปราะบาง หรือปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการขยะ มลพิษ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สิ่งสำคัญคือ การเลือกประเด็นที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญหรือบริบทของธุรกิจ เพื่อให้สามารถออกแบบแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม เช่น ธุรกิจแฟชั่นอาจให้ความสำคัญกับการลดของเสียจากการผลิต หรือถ้าอยู่ในสายอาหาร อาจเริ่มจากการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย หรือเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งปลอดภัย

2. ออกแบบสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและสังคม


เมื่อมีเป้าหมายทางสังคมที่ชัดเจนแล้ว ขั้นตอนถัดมา คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ตอบโจทย์ทั้ง ความต้องการของผู้บริโภคและคุณค่าที่ส่งต่อไปยังสังคมได้อย่างลงตัว โดยไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า อาจเลือกออกแบบสินค้าที่ประหยัดพลังงานและใช้งานง่ายสำหรับผู้สูงอายุ หากเป็นร้านอาหาร อาจออกแบบเมนูที่ใช้วัตถุดิบเหลือใช้ (Food Waste) จากแหล่งปลอดภัย หรือหากเป็นธุรกิจบริการ อาจเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงบริการผ่านโมเดลราคาที่หลากหลาย

3. วางระบบการดำเนินงานที่โปร่งใสและตรวจสอบได้


การดำเนินธุรกิจด้วยความห่วงใยสังคมต้องตั้งอยู่บนความจริงใจและความโปร่งใส โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับประเด็นละเอียดอ่อน เช่น การบริจาครายได้ การจ้างงานกลุ่มเปราะบาง หรือการใช้วัตถุดิบพิเศษ หากขาดการวางระบบที่สามารถตรวจสอบได้ ก็อาจทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดความไม่ไว้วางใจ และบั่นทอนความน่าเชื่อถือของธุรกิจในระยะยาวได้

4. สื่อสารอย่างมืออาชีพ และให้เกียรติผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย


ธุรกิจที่ดำเนินงานด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อมจำเป็นต้องสื่อสารอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก คนพิการ หรือผู้ยากไร้ ควรเน้นการให้เกียรติ ไม่ทำให้ผู้รับความช่วยเหลือกลายเป็นตัวละครที่น่าสงสาร แต่ควรสื่อสารในลักษณะของการร่วมพัฒนาหรือร่วมสร้างสรรค์ รวมถึงแสดงภาพความสำเร็จของโครงการในเชิงสร้างแรงบันดาลใจมากกว่าการเรียกคะแนนความเห็นใจ เช่น การเล่าเรื่องผ่านมุมมองของเด็กที่ได้รับการศึกษาจนจบแทนที่จะเน้นภาพความยากลำบาก เพื่อเป็นการให้คุณค่าแก่ผู้มีส่วนร่วมเท่ากับการให้คุณค่ากับแบรนด์ของคุณเอง

5. ประเมินผลกระทบและปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง


การดำเนินธุรกิจที่ห่วงใยสังคมควรเป็นกระบวนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อสภาพแวดล้อมทางสังคมเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นในปัจจุบัน โดยการประเมินผลกระทบควรครอบคลุมทั้งในแง่ของผลลัพธ์ทางธุรกิจ และผลลัพธ์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น รายได้จากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการเพื่อสังคม จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์ หรือการลดการปล่อยของเสียจากการผลิต ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นแนวโน้มที่ชัดเจน และนำไปปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมขึ้นในรอบต่อไป

Case Study: ตัวอย่างธุรกิจที่นำแนวทาง Social Concern Business ไปประยุกต์ใช้

TOMS ธุรกิจรองเท้าที่เริ่มจากความห่วงใย ภายใต้โครงการ One for One


TOMS เริ่มต้นจากแนวคิด “One for One” หรือโครงการซื้อรองเท้า 1 คู่ บริจาค 1 คู่ให้แก่เด็กที่ไม่มีรองเท้าในประเทศกำลังพัฒนา ด้วยเป้าหมายในการแก้ปัญหาเด็กขาดแคลนรองเท้าและช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ จนกลายเป็นโมเดล Social Concern Business ที่โด่งดัง โดยแนวทางนี้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในโลกธุรกิจ และกลายเป็นต้นแบบให้กับแบรนด์อื่น ๆ ที่ต้องการออกแบบโมเดลธุรกิจด้วยความห่วงใยสังคมเช่นกัน

Warby Parker แบรนด์แว่นตาสัญชาติอเมริกัน เจ้าของโมเดล Buy a Pair, Give a Pair


Warby Parker แบรนด์แว่นตาสัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ไม่ได้เติบโตจากเพียงแค่การออกแบบแว่นที่สวยทันสมัยในราคาจับต้องได้เท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในแบรนด์ผู้บุกเบิกที่นำแนวคิด Social Concern Business มาใช้อย่างเป็นระบบ โดยหัวใจสำคัญของแบรนด์นี้คือโมเดล “Buy a Pair, Give a Pair” ซึ่งหมายถึง ทุกครั้งที่มีการซื้อแว่นตา 1 คู่ Warby Parker จะบริจาคอีก 1 คู่ให้ผู้ขาดแคลนในประเทศกำลังพัฒนา 


บทสรุปและแนวทางสู่ความสำเร็จ


นอกจากการดำเนินธุรกิจด้วยความห่วงใยสังคมจะเป็นเครื่องมือในการแสดงจุดยืนเชิงจริยธรรมของกิจการแล้ว ยังกลายเป็นยุทธศาสตร์ที่สร้างผลลัพธ์เชิงบวกทั้งต่อธุรกิจ สังคม และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม โดยหนึ่งในข้อดีที่เห็นได้ชัด คือ การเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความแตกต่าง และเป็นที่จดจำในใจผู้บริโภค 

นอกจากนี้ แนวทาง Social Concern Business ยังช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการสนับสนุนสินค้าและบริการของธุรกิจด้วยความรู้สึกว่าการซื้อของพวกเขามีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นการรู้ว่าเงินส่วนหนึ่งจะถูกนำไปสนับสนุนโครงการเพื่อชุมชน การเลือกซื้อสินค้าจากกลุ่มคนชายขอบ หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทุกการตัดสินใจซื้อจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการบริโภค แต่กลายเป็นการมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีขึ้นไปพร้อมกับธุรกิจ

สุดท้ายนี้ ข้อดีที่สำคัญที่สุดอาจไม่ใช่แค่เรื่องกำไรหรือชื่อเสียง แต่คือความภาคภูมิใจของผู้ประกอบการและทีมงานที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมที่ดีขึ้น การรู้ว่าสินค้าและบริการของตนเองได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คน แม้เพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจมีความหมายยิ่งขึ้น และช่วยหล่อหลอมให้แบรนด์เติบโตภายใต้จิตวิญญาณของความรับผิดชอบร่วมที่โลกธุรกิจยุคใหม่ให้คุณค่ายิ่งกว่ากำไรทางตัวเลข


ข้อมูลอ้างอิง

  1. พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลบังคับใช้แล้ว. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.sethailand.org/resource/se-act-2019/

  2. Creating Shared Value: Explained with Examples. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 จาก https://thestrategystory.com/blog/creating-shared-value-explained-with-examples/

  3. Creating Shared Value Explained. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.isc.hbs.edu/creating-shared-value/csv-explained/Pages/default.aspx

  4. Social Responsibility in Business: Meaning, Types, Examples, and Criticism. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.investopedia.com/terms/s/socialresponsibility.asp

  5. How Does TOMS Shoes Make Money? The One-For-One Business Model Explained. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 จาก https://fourweekmba.com/toms-one-for-one-business-model/

  6. Buy a Pair, Give a Pair. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.warbyparker.com/buy-a-pair-give-a-pair


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

People Transformation การสร้าง "คน" ที่หลากหลาย คือกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงในยุค AI

People Transformation การสร้าง "คน" ที่หลากหลาย คือกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงในยุค AI

บทความโดย โชค วิศวโยธินCEO จาก The Magic Wand AI บริษัทที่ปรึกษาด้าน AI Workflow Transformationเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)…
pin
3 | 31/07/2025
ธุรกิจครอบครัวใช้ OKR อย่างไร ให้เข้าใจตรงกันทั้งสองเจเนอเรชัน

ธุรกิจครอบครัวใช้ OKR อย่างไร ให้เข้าใจตรงกันทั้งสองเจเนอเรชัน

การสานต่อกิจการในธุรกิจครอบครัวมักไม่ใช่เพียงเรื่องของความไว้ใจหรือความผูกพันทางสายเลือดเท่านั้น หากแต่คือความท้าทายในการบริหารระหว่างสองเจเนอเรชัน…
pin
3 | 31/07/2025
ข้อดีของการดำเนินธุรกิจ SME ด้วยความห่วงใยสังคม (Social Concern)

ข้อดีของการดำเนินธุรกิจ SME ด้วยความห่วงใยสังคม (Social Concern)

ผู้ประกอบการรุ่นใหม่หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “Social Enterprise” (กิจการเพื่อสังคม) ผ่านหูกันมาบ้าง โดยจะเป็นรูปแบบองค์กรที่มีภารกิจทางสังคมเป็นแกนกลาง…
pin
4 | 30/07/2025
ข้อดีของการดำเนินธุรกิจ SME ด้วยความห่วงใยสังคม (Social Concern)