Supply Chain Management ช่วยจัดการลดคาร์บอนให้ธุรกิจอย่างไร?

SME Series
23/07/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 2 คน
Supply Chain Management ช่วยจัดการลดคาร์บอนให้ธุรกิจอย่างไร?
banner

เมื่อ “ความยั่งยืน (Sustainability)” กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำธุรกิจ การลดคาร์บอนไม่ใช่แค่หน้าที่ขององค์กรขนาดใหญ่ แต่ SME ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะในบริบทของกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศที่เริ่มบังคับใช้อย่างจริงจังมากขึ้น เช่น CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) จากสหภาพยุโรป และ EUDR (EU Deforestation Regulation) ซึ่งเข้มงวดกับการใช้วัตถุดิบจากป่าไม้

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาของสินค้า การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และความโปร่งใสของแบรนด์ ในขณะเดียวกัน ราคาพลังงานและวัตถุดิบก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง SME ที่ต้องการอยู่รอดในระยะยาว จึงจำเป็นต้องเริ่มวางทิศทางขององค์กรในเชิงสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน

Supply Chain Management (SCM) คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจจัดการลดคาร์บอนได้อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ โดยการมองผ่านกรอบของการนับคาร์บอนแบบ Scope 1-2-3 จะช่วยให้เข้าใจว่าแต่ละส่วนของห่วงโซ่อุปทานส่งผลต่อการปล่อยคาร์บอนอย่างไร และสามารถวางกลยุทธ์ในการลดคาร์บอนได้อย่างตรงจุด


การนับคาร์บอนแบบ Scope 1-2-3 พื้นฐานที่ SME ต้องรู้ก่อนจัดการ Supply Chain

ก่อนที่ธุรกิจจะเริ่มต้นจัดการลดคาร์บอนผ่านระบบ Supply Chain Management ต้องเข้าใจประเภทของการปล่อยคาร์บอน เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางการลดคาร์บอนได้อย่างแม่นยำ และวัดผลได้จริงตามมาตรฐานสากล โดยมาตรฐานที่ใช้กันแพร่หลาย คือ GHG Protocol (Greenhouse Gas Protocol) ซึ่งแบ่งการปล่อยคาร์บอนออกเป็น 3 ขอบเขต (Scope) หลัก ดังนี้

  • Scope 1: การปล่อยคาร์บอนที่เกิดจากกิจกรรมที่องค์กรควบคุมโดยตรง เช่น การเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์ของบริษัท การใช้เครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน การรั่วไหลของก๊าซในระบบปรับอากาศหรือระบบทำความเย็น

  • Scope 2: การปล่อยทางอ้อมจากการผลิตพลังงาน (โดยผู้อื่น) ที่องค์กรซื้อมาใช้ เช่น ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฯ ไอน้ำ น้ำร้อน ระบบทำความเย็นจากภายนอก พลังงานในอาคารสำนักงานหรือโรงงาน

  • Scope 3: การปล่อยทางอ้อมจากกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ครอบคลุมกิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด เช่น การผลิตวัตถุดิบของซัปพลายเออร์ การขนส่งและโลจิสติกส์จากภายนอก การเดินทางของพนักงาน การกำจัดของเสีย การใช้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้า

ดังนั้น การวางแผนลดคาร์บอนจึงต้องพิจารณา Supply Chain ทั้งระบบ โดยเชื่อมโยงการจัดการในแต่ละช่วงของห่วงโซ่ธุรกิจกับ Scope ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

  • ต้นน้ำ เช่น การเลือกซัปพลายเออร์ มักสัมพันธ์กับ Scope 3

  • กลางน้ำ เช่น การผลิตในโรงงาน เกี่ยวข้องกับ Scope 1 และ 2

  • ปลายน้ำ เช่น การใช้งานสินค้าโดยลูกค้า เชื่อมโยงกับ Scope 3

เมื่อเข้าใจโครงสร้างนี้แล้ว ธุรกิจจะสามารถจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมในการจัดการ Supply Chain เพื่อลดคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตอบโจทย์ทั้งในเชิงต้นทุน การแข่งขัน และข้อกำหนดของพันธมิตรการค้าในอนาคต



ต้นน้ำ: วางรากฐานให้ยั่งยืน ด้วยการเลือกซัปพลายเออร์ที่มีจริยธรรม

ในมุมของ Scope 3 ครอบคลุมกิจกรรมที่องค์กรไม่ได้ควบคุมโดยตรง เช่น การจัดหาวัตถุดิบจากภายนอก ซึ่งส่งผลต่อการปล่อยคาร์บอนทางอ้อม

แนวทางการจัดการ Supply Chain ในช่วงต้นน้ำ ได้แก่

  • เลือกวัตถุดิบจากแหล่งที่ได้รับการรับรอง เช่น FSC (Forest Stewardship Council) สำหรับไม้และกระดาษ หรือ RSPO (Roundtable on Sustainable Palm Oil) สำหรับน้ำมันปาล์ม

  • สร้างเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมในการคัดเลือกซัปพลายเออร์ เช่น ต้องมีการรายงานการปล่อยคาร์บอน หรือมีแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

  • สนับสนุนซัปพลายเออร์ในท้องถิ่นเพื่อลดระยะทางในการขนส่ง และลดรอยเท้าคาร์บอน (Carbon Footprint) จากโลจิสติกส์


กลางน้ำ: เลือกใช้พลังงานสะอาด และบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนของการผลิตและการดำเนินงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Scope 1 (การปล่อยคาร์บอนโดยตรงจากกิจกรรมภายในองค์กร) และ Scope 2 (พลังงานที่ซื้อมาใช้) การจัดการ Supply Chain ที่มีประสิทธิภาพสามารถลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรมได้หลากหลายวิธี ดังนี้

วางระบบอาคารและกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืน

  • หาก SME มีแผนก่อสร้างหรือขยายโรงงาน ควรพิจารณาออกแบบเป็นอาคารอนุรักษ์พลังงาน (Green Factory) ที่ใช้วัสดุก่อสร้างยั่งยืน มีระบบหมุนเวียนพลังงาน เช่น ระบบแสงธรรมชาติ หรือการระบายอากาศแบบธรรมชาติ

  • วางผังโรงงานให้มีประสิทธิภาพด้านการไหลเวียนของวัสดุและกระบวนการผลิต เพื่อการประหยัดพลังงานสูงสุด

ใช้พลังงานสะอาดและปรับเครื่องใช้ให้ประหยัดไฟ

  • ติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง

  • เปลี่ยนอุปกรณ์ให้เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน เช่น ไฟ LED ตู้เย็นหรือแอร์แบบ Inverter

  • ใช้ Smart Timer หรือเซนเซอร์ควบคุมการเปิด-ปิดอุปกรณ์แบบอัตโนมัติตามเวลาการใช้งานจริง

นำระบบดิจิทัลมาลดการใช้ทรัพยากร

  • ใช้ ERP (Enterprise Resource Planning) หรือ MES (Manufacturing Execution System) เพื่อลดของเสียในกระบวนการผลิต

  • เปลี่ยนระบบเอกสารเป็นดิจิทัลทั้งหมด ลดการใช้กระดาษ

  • ประชุมหรือฝึกอบรมผ่านระบบออนไลน์ ลดการเดินทางและการปล่อยคาร์บอนจากการเดินทาง

ลงทุนในเทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่ SME ใช้ได้จริง

  • ระบบ Waste Heat Recovery กู้คืนพลังงานจากความร้อนทิ้งในระบบผลิต

  • ระบบ Smart Meter ช่วยควบคุมและวิเคราะห์การใช้พลังงาน

  • ระบบ IoT Sensors ตรวจจับการรั่วไหลของพลังงาน เช่น น้ำ ไฟฟ้า อากาศอัด

  • แม้มีเทคโนโลยีแล้ว แต่ก็ต้องไม่ลืมปรับการทำงานของพนักงานให้ร่วมมือกันลดคาร์บอน เช่น การรณรงค์ปิดไฟ-ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้

ปรับระบบขนส่งในโลจิสติกส์

  • รวมรอบการจัดส่งสินค้าเพื่อลดการวิ่งรถ (Delivery Consolidation)

  • ใช้ซอฟต์แวร์วางแผนเส้นทาง (Route Optimization Software)

  • จับมือกับผู้ประกอบการในพื้นที่เพื่อใช้ระบบขนส่งร่วมกัน ลดจำนวนเที่ยววิ่งที่ซ้ำซ้อน



ปลายน้ำ: สื่อสารกับลูกค้าอย่างโปร่งใส และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม

แม้ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย หรือฝ่ายบริการลูกค้าอาจดูห่างไกลจากการลดคาร์บอน แต่แท้จริงแล้วเรียกได้ว่าเป็นจุดสำคัญที่เชื่อมองค์กรกับผู้บริโภค และช่วยลด Scope 3 ได้ในระยะยาว โดยตัวอย่างการจัดการ Supply Chain ในปลายน้ำ เช่น

  • การใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ หรือรีไซเคิลได้ พร้อมระบุวิธีการกำจัดอย่างถูกวิธีบนบรรจุภัณฑ์

  • การสื่อสารเรื่องราวของแบรนด์เกี่ยวกับการลดคาร์บอนอย่างโปร่งใส เช่น ปริมาณ Carbon Footprint ของสินค้าแต่ละประเภท

  • การจัดแคมเปญการตลาดเพื่อชวนให้ลูกค้ามีส่วนร่วม เช่น โครงการส่งคืนบรรจุภัณฑ์ แลกแต้มเมื่อนำขยะมารีไซเคิล หรือแคมเปญซื้อสินค้าแล้วปลูกต้นไม้ร่วมกับแบรนด์


บทสรุปและแนวทางสู่ความสำเร็จ

การจัดการลดคาร์บอนผ่าน Supply Chain Management คือการวางรากฐานสู่ระบบธุรกิจที่แข็งแรง มีความสามารถในการปรับตัว และเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเฉพาะในยุคที่ทรัพยากรเริ่มขาดแคลน ต้นทุนพลังงานเพิ่มสูงขึ้น และผู้บริโภคเริ่มใช้ “ความยั่งยืน” เป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ

ข้อดีของ Supply Chain Management ที่ชัดเจนในมุมของการลดคาร์บอน คือ การช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตาม วิเคราะห์ และวัดผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำและตอบสนองต่อข้อกำหนดใหม่ ๆ ของคู่ค้าและประเทศปลายทางได้ทันท่วงที นอกจากนี้ Supply Chain Management ยังส่งผลโดยตรงต่อการลดต้นทุนด้านพลังงาน การลดของเสียในกระบวนการผลิต และการเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากรที่มีอยู่ ซึ่งล้วนช่วยเพิ่มกำไรและความยั่งยืนของธุรกิจ

ที่สำคัญ การมีระบบ Supply Chain ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ ยังเอื้อต่อการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ในฐานะธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสังคมในระยะยาว ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่ลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลกให้ความสำคัญ

ดังนั้น สำหรับ SME ที่ต้องการยืนหยัดอยู่ในตลาดได้อย่างมั่นคงและแข่งขันได้ในยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ การลงทุนในระบบ Supply Chain ที่ยั่งยืนไม่เพียงเป็นการปฏิบัติตามกฎ แต่คือการสร้างจุดแข็งเชิงกลยุทธ์ที่สะท้อนความเข้าใจในทั้งต้นทุน การจัดการ และความรับผิดชอบต่ออนาคตร่วมกันของโลกธุรกิจและสิ่งแวดล้อม



ข้อมูลอ้างอิง

  1. Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM). สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 จาก https://trade.ec.europa.eu/access-to-markets/en/news/carbon-border-adjustment-mechanism-cbam.

  2. The Sustainability Imperative for Small Business. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.ifac.org/knowledge-gateway/discussion/sustainability-imperative-small-business

  3. What Is the EU Deforestation Regulation? 7 Key Questions, Answered. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.wri.org/insights/explain-eu-deforestation-regulation.

  4. Direct and indirect emissions: Mapping of SCOPES 1, 2 and 3 according to the GHG Protocol. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 จาก https://globalclimateinitiatives.com/en/e-brochures-knowledge/direct-and-indirect-emissions/

  5. FSC® Forest Management Certification. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.scsglobalservices.com/services/fsc-forest-certification


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

Supply Chain Management ช่วยจัดการลดคาร์บอนให้ธุรกิจอย่างไร?

Supply Chain Management ช่วยจัดการลดคาร์บอนให้ธุรกิจอย่างไร?

เมื่อ “ความยั่งยืน (Sustainability)” กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำธุรกิจ การลดคาร์บอนไม่ใช่แค่หน้าที่ขององค์กรขนาดใหญ่ แต่ SME ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน…
pin
2 | 23/07/2025
โอกาสใหม่ของ SME ไทยในตลาดสินค้าสีเขียว (Green Product)

โอกาสใหม่ของ SME ไทยในตลาดสินค้าสีเขียว (Green Product)

การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สินค้าที่ตอบโจทย์เรื่อง “ความยั่งยืน (Sustainability)” ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป…
pin
3 | 22/07/2025
LEGO และ Hermès ธุรกิจครอบครัวต้นแบบ ที่ส่งต่อความสำเร็จได้ข้ามรุ่น

LEGO และ Hermès ธุรกิจครอบครัวต้นแบบ ที่ส่งต่อความสำเร็จได้ข้ามรุ่น

“พ่อสร้าง ลูกใช้ หลานทำพัง”วลีไวรัลจากซีรีส์สุดฮิต “สงครามส่งด่วน (Mad Unicorn)” ที่กำลังเป็นโควตในโลกโซเชียล ทั้งยังกลายเป็นกระจกสะท้อนความจริงของโลกธุรกิจครอบครัวที่ไม่อาจปฏิเสธ…
pin
3 | 18/07/2025
Supply Chain Management ช่วยจัดการลดคาร์บอนให้ธุรกิจอย่างไร?