โอกาสใหม่ของ SME ไทยในตลาดสินค้าสีเขียว (Green Product)

SME Series
22/07/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 2 คน
โอกาสใหม่ของ SME ไทยในตลาดสินค้าสีเขียว (Green Product)
banner

การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สินค้าที่ตอบโจทย์เรื่อง “ความยั่งยืน (Sustainability)” ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม Green Product ซึ่งไม่เพียงตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับความได้เปรียบทางการแข่งขันในระดับโลก สำหรับผู้ประกอบการ SME ไทย นี่ถือเป็นโอกาสใหม่ที่ไม่ควรมองข้าม


การเติบโตของตลาดสินค้าสีเขียว (Green Product)

ปัจจุบัน ตลาด Green Product มีอัตราการเติบโตที่ชัดเจนทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย โดยรายงาน PwC 2024 Voice of the Consumer Survey ระบุว่า 80% ของผู้บริโภคทั่วโลกยินดีจ่ายแพงขึ้น สำหรับสินค้าที่ผลิตหรือจัดหามาอย่างยั่งยืน โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 9.7% ของราคาปกติ

ขณะเดียวกัน Yama Research ยังเผยว่า ผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen Z มีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย และต้องการข้อมูลความโปร่งใสของกระบวนการผลิตมากกว่าคนรุ่นอื่น ๆ

การปรับตัวเข้าสู่ตลาดสินค้าสีเขียว จึงถือเป็นการเปิดประตูสู่ข้อดีของ Green Product ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ การสร้างมูลค่าเพิ่ม และการได้รับแรงหนุนจากนโยบายของภาครัฐ สำหรับในประเทศไทย รัฐบาลมีบทบาทในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวผ่านนโยบาย BCG Economy (Bio-Circular-Green Economy) ที่สนับสนุนผู้ประกอบการ SME ทั้งในด้านองค์ความรู้ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และช่องทางตลาด ซึ่งถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าสู่สนามแข่งขันนี้ได้อย่างเป็นระบบ 


ไอเดียออกแบบ Green Product สำหรับธุรกิจ SME

Green Product คือ สินค้าหรือบริการที่ออกแบบและดำเนินการโดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่แหล่งที่มาของวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการหลังหมดอายุการใช้งาน

ตัวอย่างการออกแบบ Green Product ที่ SME สามารถนำไปปรับใช้ได้ เพื่อสร้างแบรนด์สีเขียวและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงนำไปต่อยอดสร้างคุณค่าทางแบรนด์และการตลาด ได้แก่

  • บรรจุภัณฑ์จากวัสดุชีวภาพ กล่องจากเยื่อพืช ถุงจากฟางข้าว หรือกากอ้อย ที่สามารถย่อยสลายได้ในเวลาอันสั้น เหมาะสำหรับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

  • ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายแบบออร์แกนิก เช่น สบู่ แชมพู โลชั่น ที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ปราศจากพาราเบนหรือซิลิโคน เหมาะสำหรับตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่ม Clean Beauty ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและส่วนผสมจากธรรมชาติ

  • เครื่องแต่งกายจากเส้นใยรีไซเคิล เช่น เสื้อผ้าที่ผลิตจากขวดพลาสติก PET หรือผ้าฝ้ายรีไซเคิล เพื่อลดการใช้น้ำและสารเคมีในการผลิตใหม่

  • ของใช้ในบ้านจากวัสดุเหลือใช้ เช่น กระถางต้นไม้จากขวดแก้ว เฟอร์นิเจอร์จากไม้พาเลต หรืออุปกรณ์ครัวจากเศษโลหะ เสริมจุดขายเรื่องการออกแบบแบบหมุนเวียน (Circular Design) ที่ลดของเสียและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า


ก่อนจะได้ Green Product ที่แท้จริง ต้องรู้จักมาตรฐานเหล่านี้

Green Product ที่แท้จริงไม่ใช่เพียงการประกาศตัวว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ต้องมีการรับรองหรือมาตรฐานที่เชื่อถือได้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือต่อทั้งผู้บริโภคและคู่ค้าในตลาด ดังนี้

ตัวอย่างมาตรฐาน Green Product ในประเทศไทย

  • ฉลากเขียว โดยสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เป็นการรับรองว่าสินค้านั้นมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสินค้าทั่วไปในประเภทเดียวกัน

  • ฉลากลดคาร์บอน โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งวัดจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์

  • GMP (Good Manufacturing Practice) โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งมีความสำคัญกับสินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องสำอาง และเวชภัณฑ์ 

  • ISO 14001 หรือระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม โดยหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้ออกใบรับรอง ISO 14001 ในประเทศไทย เช่น บริษัท โซโคเทค เซอร์ติฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

ตัวอย่างมาตรฐาน Green Product ระดับสากล

  • Eco Label โดย European Commission ใช้ในตลาดยุโรปเพื่อแสดงว่าสินค้าผ่านเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม

  • Cradle to Cradle Certification โดยหน่วยงานประเมินที่ได้รับอนุญาต เช่น EPEA ซึ่งมีบทบาทในการวิเคราะห์สินค้าตั้งแต่แหล่งที่มาของวัตถุดิบ ไปจนถึงการนำกลับมาใช้ใหม่

  • B Corp Certification โดย B Lab (องค์กรไม่แสวงหากำไรระดับโลก) รับรองธุรกิจที่บริหารด้วยจริยธรรม ความยั่งยืน และความรับผิดชอบต่อสังคมในภาพรวม


การเตรียมตัวเบื้องต้นสำหรับ SME ที่อยากจะทำมาตรฐาน Green Product

การเข้าสู่ตลาดสินค้าสีเขียวหรือ Green Product อย่างยั่งยืนและเป็นระบบ ไม่อาจอาศัยแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมหรือปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างผิวเผินได้ แต่จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเป็นขั้นเป็นตอนทั้งในเชิงโครงสร้าง กระบวนการ และการสื่อสาร เพื่อให้สามารถเข้าถึงมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับและแข่งขันในตลาดได้จริง

1. สำรวจสถานะปัจจุบันของธุรกิจ (Baseline Assessment)

จุดประสงค์ของขั้นตอนนี้ไม่ใช่เพื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง แต่เพื่อเข้าใจศักยภาพของธุรกิจตนเองและวางเป้าหมายการปรับปรุงได้แม่นยำขึ้น สามารถทำได้ด้วยแนวทางต่อไปนี้

  • วิเคราะห์วงจรชีวิตของสินค้า (Life Cycle Assessment: LCA) เพื่อดูว่าผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในขั้นตอนไหนมากที่สุด เช่น การใช้พลังงานในกระบวนการผลิต การขนส่ง หรือของเสียหลังใช้งาน

  • ประเมินการใช้ทรัพยากรและการปล่อยของเสีย เช่น ปริมาณการใช้พลังงาน น้ำ วัตถุดิบ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนของเสียที่เกิดขึ้น

2. ศึกษาและเลือกมาตรฐานที่เหมาะสมกับประเภทของธุรกิจ

การเลือกมาตรฐานเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ Green Product ของ SME ได้รับความน่าเชื่อถือทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยควรพิจารณาจากปัจจัยหลักดังนี้

  • ประเภทสินค้า (อาหาร เครื่องสำอาง เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ)

  • ตลาดเป้าหมาย (จำหน่ายในประเทศหรือส่งออก)

  • ความสามารถขององค์กรในการเก็บข้อมูลและบริหารคุณภาพ

ตัวอย่างการจับคู่ระหว่างประเภทธุรกิจกับมาตรฐาน Green Product


ประเภทสินค้า

มาตรฐานที่ควรใช้

ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค (สบู่ แชมพู)

GMP, ISO 14001, ฉลากเขียว

อาหารและเครื่องดื่ม

อย., GMP, Carbon Footprint, BCG Economy Support

เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น

Cradle to Cradle, GOTS, ISO 14001

ของใช้ในบ้าน/เฟอร์นิเจอร์

FSC, ISO 14001, ฉลากเขียว


3. วางแผนการเก็บข้อมูลเชิงระบบ

การขอรับรองมาตรฐาน Green Product จำเป็นต้องมีข้อมูลสนับสนุนที่ถูกต้องและตรวจสอบได้ จึงควรจัดเตรียมระบบบันทึกข้อมูลที่ครอบคลุม เช่น

  • บันทึกการใช้วัตถุดิบรายเดือน

  • ปริมาณของเสียจากการผลิต

  • ค่าใช้จ่ายพลังงานและแหล่งที่มาของพลังงาน

  • ระบบแยกขยะหรือจัดการของเสียที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้

  • หากไม่มีทีมเฉพาะทาง อาจเริ่มต้นจากการใช้ Excel หรือระบบ ERP เบื้องต้น เพื่อเก็บข้อมูลเหล่านี้อย่างเป็นระบบก่อน

4. ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานสนับสนุน

การเดินหน้าเข้าสู่ตลาด Green Product ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นเพียงลำพัง เนื่องจากในประเทศไทยมีหลายหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาและสนับสนุนด้านเทคนิคโดยเฉพาะ เช่น

  • สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สนับสนุนด้านเงินทุนและองค์ความรู้สำหรับธุรกิจสีเขียว

  • สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับฉลากเขียวและการจัดการสิ่งแวดล้อม

  • สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการตรวจวัดมลพิษและวางแผนลดการปล่อยคาร์บอน

  • สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) สนับสนุนทุนสำหรับการพัฒนา Green Innovation และกระบวนการผลิตใหม่

5. ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐาน

เมื่อทราบจุดที่ต้องปรับปรุงและเลือกมาตรฐานเป้าหมายแล้ว ขั้นต่อไปคือการลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ผ่านมาตรฐาน ทั้งยังช่วยลดต้นทุนในระยะยาว เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และเสริมภาพลักษณ์องค์กรอย่างมีคุณค่า ดังนี้

  • เปลี่ยนวัตถุดิบเป็นแบบชีวภาพหรือย่อยสลายได้

  • ติดตั้งระบบจัดการพลังงานหรือเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด

  • ลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิต

  • ติดตั้งระบบจัดการของเสียให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่

6. เตรียมทีมภายในองค์กร

แม้ธุรกิจ SME จะมีทีมงานขนาดเล็ก แต่การตั้งทีมรับผิดชอบเฉพาะเรื่อง Green Product อย่างจริงจังจะช่วยให้การดำเนินงานเป็นระบบมากขึ้น เช่น

  • แต่งตั้งผู้รับผิดชอบข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม

  • จัดฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง

  • สื่อสารภายในให้ทุกฝ่ายเข้าใจเป้าหมายของการพัฒนาสินค้าสีเขียว


“Greenwashing” สิ่งที่คนทำ Green Product ต้องระวัง

หนึ่งในความเสี่ยงของการทำตลาด Green Product คือ การตกอยู่ในภาวะ Greenwashing หรือการสื่อสารว่าสินค้าดีต่อสิ่งแวดล้อมโดยไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ เช่น การใช้คำว่า “Eco” “Natural” หรือ “Bio” บนฉลากหรือโฆษณา โดยไม่มีข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจนหรือการรับรองมาตรฐานใด ๆ 

วิธีหลีกเลี่ยง Greenwashing

  • ยืนยันด้วยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เช่น รายงานการวัด Carbon Footprint และการวางแผนลดการปล่อย CO₂ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของ IPCC ที่ต้องจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C ภายในปี 2050

  • เปิดเผยกระบวนการผลิตอย่างโปร่งใส ผ่านเว็บไซต์หรือบรรจุภัณฑ์ เช่น ระบุแหล่งที่มาของวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ระบบจัดการของเสีย ฯลฯ

  • หลีกเลี่ยงคำโฆษณาเชิงอารมณ์ เน้นสื่อสารด้วยตัวเลขที่ตรวจสอบได้ เช่น “ลดการปล่อยคาร์บอนได้ 35% จากสูตรเดิม” หรือ “บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ภายใน 180 วัน”


บทสรุปและแนวทางสู่ความสำเร็จ

จากข้อมูลการเติบโตของตลาดสินค้าสีเขียวทั้งในระดับโลกและในประเทศ เป็นสัญญาณชัดเจนว่าผู้ประกอบการ SME ควรเริ่มปรับตัวอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแนวทางดำเนินธุรกิจเพื่อลดคาร์บอน การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อออกแบบสินค้าแบบ Zero Waste หรือการนำระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมมาใช้ในกระบวนการผลิต

ข้อดีของ Green Product ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกเท่านั้น แต่ยังช่วยลดต้นทุนระยะยาว เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เข้าถึงตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง และสร้างความไว้วางใจจากผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น การเข้าสู่ตลาด Green Product จึงไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนฉลากหรือข้อความโฆษณา แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดของทั้งองค์กรอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การออกแบบสินค้า การควบคุมกระบวนการผลิต การจัดการของเสีย ไปจนถึงการสื่อสารอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา Greenwashing

นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีนโยบาย BCG Economy และโครงการสนับสนุน SME ด้าน Green Business ที่สามารถใช้เป็นแรงหนุนสำคัญ ทั้งในด้านเงินทุน ความรู้ และการสร้างโอกาสทางการตลาดในระดับที่กว้างขึ้น

เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและมีความรู้เท่าทันมากขึ้น Green Product จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ “มาตรฐานใหม่” ของตลาด ผู้ประกอบการ SME ที่เริ่มลงมือวันนี้ ย่อมเป็นผู้ที่พร้อมรับมือกับการแข่งขันในวันพรุ่งนี้อย่างยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว


ข้อมูลอ้างอิง

  1. Consumers willing to pay 9.7% sustainability premium, even as cost-of-living and inflationary concerns weigh: PwC 2024 Voice of the Consumer Survey. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.pwc.com/gx/en/news-room/press-releases/2024/pwc-2024-voice-of-consumer-survey.html

  2. Thai consumers shift focus to essential goods amid economic worries: PwC report. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.pwc.com/th/en/press-room/press-release/2024/press-release-30-08-24-en.html

  3. How willing are we to pay a green premium?. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.thesustainableinvestor.org.uk/how-willing-are-we-to-pay-a-green-premium/

  4. Top 10 Sustainable Product Categories Consumers Are Buying This Year. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 จาก https://yamaresearch.com/blog/top-10-sustainable-product-categories-consumers-are-buying

  5. SMEs to get financial relief as part of BCG economy strategy. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.nationthailand.com/business/40013734.

  6. Top 9 Ways to Avoid Greenwashing in Your Business. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 จาก https://blog.cleanhub.com/how-to-avoid-greenwashing


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

Supply Chain Management ช่วยจัดการลดคาร์บอนให้ธุรกิจอย่างไร?

Supply Chain Management ช่วยจัดการลดคาร์บอนให้ธุรกิจอย่างไร?

เมื่อ “ความยั่งยืน (Sustainability)” กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำธุรกิจ การลดคาร์บอนไม่ใช่แค่หน้าที่ขององค์กรขนาดใหญ่ แต่ SME ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน…
pin
2 | 23/07/2025
โอกาสใหม่ของ SME ไทยในตลาดสินค้าสีเขียว (Green Product)

โอกาสใหม่ของ SME ไทยในตลาดสินค้าสีเขียว (Green Product)

การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สินค้าที่ตอบโจทย์เรื่อง “ความยั่งยืน (Sustainability)” ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป…
pin
3 | 22/07/2025
LEGO และ Hermès ธุรกิจครอบครัวต้นแบบ ที่ส่งต่อความสำเร็จได้ข้ามรุ่น

LEGO และ Hermès ธุรกิจครอบครัวต้นแบบ ที่ส่งต่อความสำเร็จได้ข้ามรุ่น

“พ่อสร้าง ลูกใช้ หลานทำพัง”วลีไวรัลจากซีรีส์สุดฮิต “สงครามส่งด่วน (Mad Unicorn)” ที่กำลังเป็นโควตในโลกโซเชียล ทั้งยังกลายเป็นกระจกสะท้อนความจริงของโลกธุรกิจครอบครัวที่ไม่อาจปฏิเสธ…
pin
3 | 18/07/2025
โอกาสใหม่ของ SME ไทยในตลาดสินค้าสีเขียว (Green Product)