จากข้อเท็จจริงที่ว่า
ในอนาคตคนจะต้องทำงานร่วมกับ AI วิทยาการปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังเขย่าโลกในปัจจุบัน
ทำให้ธุรกิจในปัจจุบันนี้ต่างกำหนดกลยุทธ์ด้าน AI ไว้ในแผนธุรกิจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจรายใหญ่ทั่วโลกต่างเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อการเป็นผู้นำของโลกในอนาคต
“ใครเป็นผู้นำด้าน AI จะเป็นผู้นำของโลกในอนาคต” วลาดิเมียร์
ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเคยกล่าวไว้
และแม้จะเป็นคำทำนายอนาคตแต่ทุกวันนี้ใครๆ ก็เชื่อแบบนั้นผู้ประกอบการหลายรายเริ่มนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ อาทิ การเก็บข้อมูล Cloud Computing, การวิเคราะห์ข้อมูล Big Data, The Internet of Things (IoT) และ Blockchain รวมทั้งเทคโนโลยี AI ที่ได้ถูกนำมาใช้งานอย่างกว้างขวาง เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีหรือสินค้านั้นๆ ให้กลายเป็นระบบอัจฉริยะ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ที่ผ่านมามีการประมาณการณ์ว่า
ในปี 2578 หรืออีก 14 ปีข้างหน้า โลกจะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI อย่างสมบูรณ์ ก็ยิ่งตอกย้ำว่า AI กลายเป็นภาคบังคับที่ทุกธุรกิจจะต้องมีการลงทุนหรือนำ AI
มาใช้งาน แต่อาจไม่ได้เป็นแบบนั้นไปเสียทั้งหมด
เพราะว่าสำหรับ SME ยังมีสิ่งสำคัญอีกหลายอย่างที่มีความสำคัญมากกว่า AI หรืออาจกล่าวได้ว่ายังไม่พร้อมสำหรับเทคโนโลยี AI ในตอนนี้ เนื่องจากไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมจากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้
1. ไม่ได้จัดสรรงบประมาณด้าน AI : สำหรับ SMEs ที่มีทุนจะทะเบียนตั้งแต่ 1–100 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่การที่ SME มีแนวคิดในการส่งเสริมการใช้ AI เพื่อพัฒนาธุรกิจหรือพัฒนาสินค้าและบริการ ประเด็นแรกที่ควรพิจารณาคือต้นทุนทางธุรกิจ เพราะจริงอยู่ว่าในปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ด้าน AI ให้เลือกใช้ในด้านต่างๆ รวมถึงมีซอฟต์แวร์ AI ให้ใช้ฟรีในบางฟังก์ชัน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นการเปิดให้ใช้ฟรีแค่ในช่วงเริ่มต้น แต่หากต้องการใช้งานที่มีประสิทธิภาพก็อาจจะต้องมีรายจ่ายตั้งแต่ 100 เหรียญสหรัฐ หรือราว 3 หมื่นกว่าบาท แม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก นี่แค่การลงทุนในช่วงเริ่มต้นเท่านั้นยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากที่รออยู่
2. ขาดบุคลากรด้าน AI : การอัพสกิลบุคลากรในองค์ให้สามารถทำงานโดยใช้
AI เป็นอีกสิ่งที่
SME ควรพิจารณา เนื่องจากจะเป็นต้นทุนที่มีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ในการที่จะสามารถเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่การปรับใช้
AI ได้
และหากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการหรือการใช้คำปรึกษาคน (ในตอนนี้)
ยังมีศักยภาพเหนือกว่า AI
3. ไม่มีการเก็บข้อมูล : หลายคนอาจสับสนว่า AI ทำงานอย่างไร ซึ่งต้องบอกก่อนว่า AI คือซอฟต์แวร์ชนิดหนึ่งที่พัฒนาขึ้นให้สามารถประมวลผล
วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ ดังนั้นข้อมูลหรือ Big Data คือส่วนสำคัญที่ต้องมี
และต้องมีความหลากหลาย ที่สำคัญยังต้องมีการทำงานร่วมกับ ML
(Machine Learning) หรือการเรียนรู้ของเครื่อง
ดังนั้นการจะมีการประมวลผลที่แม่นยำแค่ไหนก็ยังขึ้นอยู่กับ Big
Data และ
ML ด้วย
4. ขาดการแผนงานด้านการส่งเสริม
AI : จะเพื่อการขายสินค้าหรือบริการ
วัตถุประสงค์หลักของคนทำธุรกิจคือการประกอบธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโต นั่นหมายความว่าต้อง
‘สร้างรายได้’ ดังนั้นการใช้งาน AI เพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้กับธุรกิจย่อมต้องประกอบด้วยแผนงานที่ชัดเจน
และหากธุรกิจคุณยังไม่มีสิ่งนี้ก็อาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการลงทุนด้าน AI
5. ยังมองไม่เห็นโอกาสสำหรับธุรกิจ : ไม่ว่าจะเป็น Netflix,
Amazon ,Alibaba ,Apple, Microsoft หรือบริษัทสตาร์ทอัพที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วชนะคู่แข่งในตลาดได้
เพราะธุรกิจเหล่านี้มองเห็นโอกาส และใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนเสริมที่สำคัญในการรุกตลาดและก้าวล้ำหน้าคู่แข่ง
ซึ่งที่ผ่านมา AI เป็นอีกเทคโนโลยีที่ถูกนำมาเพิ่มแต้มต่อในการทำธุรกิจให้เหนือกว่าคู่แข่ง
แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเพียงเพราะปรับใช้เทคโนโลยีก็ชนะได้ ยังต้องประกอบด้วยเป้าหมาย
ทีม ข้อมูล พฤติกรรมตลาด และโอกาสทางธุรกิจด้วย หลายๆ
ครั้งที่มองเพียงว่าแค่เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีก็พอแล้ว ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง
ด้วยเหตุปัจจัยเหล่านี้ SME ที่กำลังมีแนวคิดว่าจะนำ AI มาปรับใช้สำหรับธุรกิจ อาจจะต้องทบทวนอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ธุรกิจต้องการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ใช่ AI หรือไม่ แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี แต่เวลา ความเหมาะสม และความจำเป็น ยังคงเป็นสิ่งที่ SME รายเล็กควรพิจารณาให้มาก
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<