กระแสธุรกิจของ Startup ได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่
ซึ่งมีพื้นฐานด้านความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถด้านเทคโนโลยี จึงไม่แปลกเลยที่บุคลากรส่วนใหญ่ในวงการ
Startup จะอุดมไปด้วยนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบใหม่จำนวนมาก ซึ่งมีข้อดีคือความคิดที่ฉีกกรอบและมีพลังอย่างแรงกล้าในการทำงาน ที่มีความชำนาญในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ
อย่างมีประสิทธิภาพ
กระนั้นคนรุ่นใหม่เองก็มีความต้องการในแบบพวกเขา ในฐานะผู้ประกอบการ Startup เองก็ต้องใส่ใจในสิ่งเหล่านั้น และตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการ ซึ่งมันจะแตกต่างกับความต้องการในการทำงานของคนยุคก่อนในหลายๆ และนี่คือ 4 ปัจจัยที่จะทำให้คนเจนใหม่หลงใหลในองค์กร Startup ของคุณ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1.
ไม่ยึดติดกับการทำงานในออฟฟิศ
เทคโนโลยีในโลกนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
เอื้ออำนวยในการทำงานนอกสถานที่มากยิ่งขึ้น ทั้งอินเทอร์เน็ต
ทั้งแอปพลิเคชันสำหรับการสื่อสาร รวมทั้งตัวช่วยในการทำงานต่างๆ
ส่งผลให้คนยุคใหม่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์การทำงานนอกออฟฟิศมากกว่าเดิม
เพราะสามารถบริหารจัดการ Work-Life
Balance ได้เป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องอุดอู้อยู่แต่ในออฟฟิศ
การทำงานในสถานที่ที่มอบความผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่
จะช่วยในเรื่องของกระบวนการคิดสร้างสรรค์ ทำให้พัฒนาผลงานในฐานะ Startup ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
กรณีตัวอย่างเช่น บริษัท IWG ที่เป็นผู้ให้บริการพื้นที่สำนักงานระดับโลกเองยังออกมาบอกด้วยว่า
การทำงานนอกสถานที่นั้นกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
และจะกลายเป็นช่องทางหลักที่มีประสิทธิภาพในอนาคต เนื่องจากทุกวันนี้มีพนักงานกว่า
70% ที่ต้องทำงานนอกสถานที่ ทุกอาทิตย์อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า
1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และยังชี้ให้เห็นด้วยว่า
การทำงานนอกสถานที่ไม่เพียงแต่จะช่วยลดเวลาในการทำงาน
แต่ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รักษาพนักงาน ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
และส่งผลให้พนักงานพอใจในอาชีพของตนอีกด้วย
2.
ทุกอย่างต้องยืดหยุ่นไม่ปิดกั้น
ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น
การเปิดรับเพศทางเลือก การมอบอิสระในการแต่งชุดมาทำงาน
หรือแม้แต่มีความยืดหยุ่นในเรื่องเวลาการเข้างาน ออกงาน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่
Startup ต้องให้ความสนใจ เพราะคนยุคใหม่ค่อนข้างซีเรียสกับมันมาก
และมักจะเลือกว่าจะเข้าสมัครงานกับองค์กรไหนจากปัจจัยเหล่านี้
ดังนั้นในฐานะ Startup ควรมองที่ผลลัพธ์ของเหล่าพนักงานมากกว่าโฟกัสว่าต้องทำตามแบบระเบียบในองค์กร
อะไรที่สามารถยืดหยุ่นได้และไม่เสียงาน ก็ไม่ควรจะปิดกั้นพนักงานของคุณไม่ให้ทำเหมือนอย่างที่บริษัท
SquareSpace
ได้ใช้กลยุทธ์นี้ในการมัดใจกลุ่มพนักงานของพวกเขา ซึ่งวัฒนธรรมองค์กรที่มีความเรียบง่าย
เปิดกว้าง แต่สร้างสรรค์นี้เอง ทำให้ไม่ว่าคุณจะอยู่ในระดับต่ำที่สุด
หรือสูงที่สุดของบริษัท ก็สามารถใกล้ชิด และพูดคุย
เข้าถึงกันได้ง่ายแบบไม่ต้องสำรวมท่าที
ไปจนถึงการมีสิทธิพิเศษดีๆ ที่ยืดหยุ่นต่อการใช้ชีวิตของพนักงาน
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทำงานที่ดูดี มีบริการอาหารฟรี มีห้องครัวให้ใช้
มีการฉลองกิจกรรมต่างๆ ทุกเดือน
ไปจนถึงมีที่สำหรับให้พนักงานพักผ่อนแบบไม่ต้องกลัวว่าจะเปลืองเวลาทำงาน เพราะพวกเขารู้ดีว่าการให้อิสระกับพนักงานอย่างเต็มที่
จะทำให้ Productivity ของงานดีขึ้น
3. สนใจผลลัพธ์ ไม่กังวลวิธีการ
ด้วยความยืดหยุ่นที่โลกในยุคปัจจุบันมอบให้พนักงานยุคใหม่
จึงมักจะไม่อยากทำงานในกรอบตามแบบแผนที่องค์กรยุคเก่าต้องการ
ที่ต้องดำเนินการตามหลักต่างๆ หรือผ่านขั้นตอนมากมายก่อนจะเริ่มต้นทำงานจริงได้
เพราะนอกจากจะเกิดความยุ่งยากแล้ว ยังมีแต่จะทำให้การทำงานล่าช้ายิ่งขึ้นด้วย
ด้วยเหตุนี้การพุ่งเป้าไปที่ผลลัพธ์ความสำเร็จมากกว่าวิธีการที่ทำ
การที่ผู้ประกอบการไปสนใจรายละเอียดมากเกินไปอาจไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น สิ่งสำคัญคือการมอบอิสระให้กับคนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้สร้างสรรค์ผลงานออกมาตามแบบฉบับของพวกเค้าเอง
วิธีนี้จะช่วยให้พวกคนรุ่นใหม่รู้สึกมีความสุขกับการทำงานมากกว่า
แต่เพราะทุกการทำงานนั้นเปรียบเสมือนการแข่งขัน
นั่นหมายความว่า งานต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน เหมือนอย่างที่ NetFlix ทำพวกเขามีวัฒนธรรมองค์กรที่ชัดเจน
และแปลกใหม่กว่าหลายๆ บริษัทบนโลก
ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้พนักงานตัดสินใจด้วยตัวเองได้อย่างมีอิสระ การเปิดเผยข้อมูลเป็นวงกว้างไม่ปิดบังกัน
ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียม แต่ทุกอย่างต้องมีเป้าหมายและวัดผลได้
ที่สำคัญ NetFlix มีมายด์เซ็ตที่ว่า
ทุกคนต้องทำงานโดยแบกรับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำได้ และผลที่จะตามมา
เพราะนั่นจะเป็นเหมือนตัวการในการช่วยพัฒนาตัวเองได้ไวที่สุด
จึงสนับสนุนให้ทุกคนคอมเมนท์กันและกัน ถึงวิธีการทำงาน และผลลัพธ์ของงานนั้นๆ
ที่ออกมา
สุดท้าย NetFlix ยังออกแบบกฎระเบียบไว้ให้น้อยที่สุด
เพื่อมอบอิสระให้กับพนักงานทุกคนได้ทำงานอย่างไม่สนใจวิธีการ
และมองผลลัพธ์เป็นหลัก ไม่สนใจว่าคนจะทำงานมากน้อยแค่ไหน
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นต้องดีที่สุดเสมอ นั่นคือสิ่งที่องค์กรอย่าง NetFlix คาดหวัง
4.
ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน
สิ่งที่คนรุ่นใหม่ไม่พอใจมากที่สุดในการทำงาน
คือการโดนปิดกั้นความสามารถที่อยากจะปล่อยของออกมา หลายต่อหลายครั้งที่คนรุ่นใหม่อยากจะรับงานใหญ่
หรือมีไอเดียดีๆ ที่จะนำเสนออกมา
แต่กลับถูกปิดกั้นเพราะเป็นเพียงแค่พนักงานชั้นต้น เพิ่งเริ่มทำงานมาไม่นาน
สุดท้ายจึงพลาดโอกาสในการพัฒนาฝีมือและสร้างประสบการณ์ไปอย่างน่าเสียดาย
แต่เพราะการทำสตาร์ทอัพคุณต้องใช้งานคนทุกคนอย่างคุ้มค่า
เพื่อพัฒนาโปรดักต์และความสำเร็จขององค์กรไปอย่างรวดเร็ว
การจำกัดสิทธิ์ในการแสดงฝีมือจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไหร่
แต่ควรจะเปิดใจรับฟังทุกความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า
พร้อมวัดค่าของคนที่ผลงานมากกว่าระยะเวลาที่ร่วมองค์กร จุดนี้จะทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกถึงความเท่าเทียม
และมองว่าองค์กรพร้อมจะทำให้พวกเขาเติบโต
บริษัทระดับโลกอย่าง Adobe ได้ทำคือการท้าทายพนักงานให้ริเริ่มโปรเจคต์ใหม่อยู่เสมอ
ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะอยู่ระดับไหนขององค์กรก็ตาม ซึ่ง Adobe
จะคอยสนับสนุนให้พนักงานทำภารกิจที่ท้าทายเหล่านั้นให้สำเร็จลุล่วงไป
โดยมอบความไว้วางใจกับพนักงานอย่างเต็มที่ เพราะพวกเขาเชื่อว่า
องค์กรจะเดินไปได้ต้องเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นการปิดกั้นเล็กๆ น้อยๆ
จะทำให้พนักงานไม่ได้แสดงศักยภาพออกมาแบบครบถ้วน
Adobe จะไม่ใช้หลักการวัดระดับความสามารถพนักงานคนใดคนหนึ่งโดยการจัดอันดับ แต่จะนำเอาหุ้นของบริษัทมาเป็นแรงจูงใจ เหมือนเป็นการวางเดิมพันให้พนักงานทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงรางวัลนี้ไปพร้อมๆ กัน เป็นการกระตุ้นให้พนักงานแสดงความสามารถของตนออกมาแบบไม่มีปิดกั้น และปราศจากความกลัว
ข้อดีของการจ้างคนรุ่นใหม่เข้าทำงาน คือ การที่คุณจะได้คนที่มีความรู้ ความสามารถที่เข้ากับยุคสมัย และนำเสนอสิ่งต่างๆ ในมุมมองที่ต่างออกไป เหมาะกับการทำงานของ Startup อย่างมากเลยทีเดียว