หัวหน้าหลายๆ คนมักจะไม่เคยสำรวจพฤติกรรมตัวเองว่าเรามีข้อด้อยตรงไหน เพราะเขาเหล่านั้นจะได้รับแต่คำชมจนเคยชิน และไม่มีใครกล้าที่จะตำหนิ หรือพูดข้อเสียของเขาออกมาให้รับรู้ ทำให้พฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเองก็สร้างความรำคาญใจให้ลูกน้องอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ ส่งผลให้คุณกลายเป็นหัวหน้าที่ไม่สมบูรณ์แบบในสายตาลูกน้อง แถมยังแอบคิดว่าคุณไม่มีศักยภาพมากพอ ซึ่งถ้าหากสามารถแก้ไข 5 เรื่องจุกจิกเหล่านี้ไปได้ จะทำให้คุณเป็นหัวหน้าที่มีคุณภาพ และเป็นที่รักของลูกน้องทุกคนอย่างแน่นอน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. สั่งประชุมพร่ำเพรื่อไม่มีรูปแบบชัดเจน
การประชุมบ่อยๆ
หลายคนอาจคิดว่ามันจะช่วยให้งานเดิน ทำให้ทุกคนได้ระดมความคิด
และสามารถพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นได้อย่างที่คาดหวัง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่หัวหน้าต้องการ
แต่ในความเป็นจริงการจัดประชุมเป็นประจำ หรือพร่ำเพรื่อแบบไม่มีระบบ ไม่มีแบบแผน ไม่มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี
มีแต่จะทำให้เสียเวลาในการทำงานมากขึ้นไปอย่างน่าเสียดาย
พนักงานทุกคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง
การประชุมทำให้เขาสูญเสียเวลาในการทำงานตรงนั้นลง
ยิ่งถ้าคุณจัดประชุมบ่อยครั้งเข้า ยิ่งทำให้เขาเสียเวลา
และอาจต้องมาทำงานล่วงเวลาด้วยก็ได้ ซึ่งไม่มีพนักงานคนไหนต้องการ
และนี่อาจเป็นตัวการที่ทำให้ลูกน้องไม่ชอบคุณเช่นกัน
2. ต่อว่าพนักงาน แต่ไม่เคยชื่นชม
เมื่อพนักงานทำผิด
คุณมักจะตำหนิพวกเขาทันทีหรือไม่ การตำหนิไม่ใช่เรื่องผิด แต่สิ่งที่ผิดคือ การที่คุณตำหนิต่อหน้าพนักงานคนอื่น
หรือต่อหน้าคนจำนวนมาก เพื่อสร้างความอับอาย
เพราะจะทำให้พนักงานรู้สึกโดนทำร้ายจิตใจ และไม่มีความมั่นใจในการทำงานอะไรอีกเลย
รวมถึงอาจเกิดความบาดหมางในใจที่มีต่อคุณด้วย นอกจากนี้ถ้าคุณเก่งแต่ตำหนิ
แต่ไม่เคยเอ่ยปากชมเองก็จะทำให้พนักงานรู้สึกไม่มีความสุข
ไม่สบายใจที่จะอยู่ใกล้คุณ หรือทำงานร่วมกับคุณเหมือนกัน
เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็มีแต่เสมอตัว หรือไม่ก็โดนต่อว่าเท่านั้น
แต่ไม่เคยได้รับคำชมจากคุณเลย
3. รับรู้ทุกปัญหาแต่กลับมองข้าม
การเป็นหัวหน้า นั่นคือต้องเป็นที่พึ่งพาของลูกน้องทั้งหลายได้
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องอะไรก็ตาม หัวหน้าต้องสามารถแก้ไขหรือช่วยเหลือเขาได้
โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กร ซึ่งถ้าคนเป็นหัวหน้ารับรู้ทุกอย่างดีแต่ไม่เคยแก้ไข
ไม่เคยทำให้มันถูกต้องเลย พนักงานทั้งหลายก็จะมองว่าไม่ยุติธรรม
หรือทำงานกับหัวหน้าแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะสร้างความปวดหัวหรือลำบากให้กับพวกเขามากกว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปัญหาที่เกิดจากคนทำงานด้วยกัน พนักงานทะเลาะกัน หรือการเมืองภายใน
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องรีบแก้ไข
เพื่อให้พนักงานทุกคนอยากทำงานร่วมกับคุณและเข้าใจว่าคุณเป็นธรรมกับทุกอย่างจริงๆ
4. ไม่ให้คำตอบในเรื่องสำคัญสักที
ทุกๆ
องค์กรจะต้องเคยมีปัญหาใหญ่เข้ามาให้ได้ตัดสินใจกัน
ซึ่งอำนาจตัดสินใจปัญหาเหล่านี้มาจากหัวหน้าโดยตรงแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
และการตัดสินใจในเรื่องราวเหล่านั้นล่าช้าก็จะยิ่งทำให้พนักงานทำงานยากเข้าไปใหญ่
ซึ่งเรื่องนี้อาจดูเผินๆ เหมือนเป็นปัญหาเล็กน้อย
แต่ในความจริงมันกลับสร้างความวุ่นวายในการทำงานให้พนักงานไม่น้อย
เพราะสุดท้ายพอคุณตัดสินใจเสร็จ คนที่จะเริ่มทำงานต่อก็คือลูกน้อง
และนั่นเท่ากับเขาเหลือเวลาในการทำงานน้อยลง ถ้าคุณตัดสินใจได้ไวขึ้น เขาก็มีเวลาเยอะ
งานที่ได้ก็จะออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะฉะนั้นต่อให้คุณจะงานยุ่งแค่ไหน
แต่ก็ควรจะวางตารางให้กับเรื่องที่มันส่งผลกระทบกับใครหลายๆ คนด้วย
เคลียร์งานที่มันเกี่ยวข้องกับคนหมู่มากก่อน แล้วค่อยดำเนินการอื่นๆ ก็ยังได้
5. มอบหมายงานที่มากเกินไป
แน่นอนว่าการจ้างงานพนักงานในตำแหน่งหน้าต่างๆ
แล้วก็หวังว่าเขาจะทำงานอย่างคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
แต่อย่าลืมว่าพนักงานไม่ใช่หุ่นยนต์ การทำงานที่มากมายโดยได้เงินเดือนเท่าเดิม
มีแต่จะทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดีกับคุณมากขึ้นเท่านั้น
นอกเสียจากว่าคุณจะมอบหมายงานและจ่ายมันตามผลงานจริง อย่างการจ้างงานฟรีแลนซ์
หรือการมีคอมมิชชั่นให้พวกเขาด้วย แบบนั้นจะยิ่งสร้างความดีใจ
เพราะถ้าเขาได้ทำงานเยอะ ก็เท่ากับพวกเขามีรายได้มากขึ้นเช่นกัน
ปัญหาจุกจิกเหล่านี้ถ้าไม่มีใครบอก คุณอาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังมีพฤติกรรมแบบนั้นอยู่ เพราะฉะนั้นใครที่กำลังสงสัยว่าพนักงานชื่นชอบ หรือรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ก็ลองสังเกตตัวเองดูว่าว่ามีนิสัยจุกจิกเหล่านี้มั้ย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องบุคลากรทำงานในภายหลัง