จับสัญญาณ! เข็มฉีดยา-หลอดฉีดยา มาแรงรับกระแสวัคซีนโควิด 19
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ทั่วโลกมีแนวโน้มติดเชื้อโรคเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้แต่ละประเทศต้องเฝ้าระวังและป้องกันเข้มข้น เพราะยังไม่มีวัคซีนยับยั้งเชื้อโรคร้ายดังกล่าวได้ กลายเป็นโอกาสทองของผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนอุปกรณ์ด้านความสะอาด สุขอนามัย ฯลฯ กลายเป็นสิ่งจำเป็นและยังเป็นสินค้าที่ต้องการทั่วโลกมหาศาล ดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสนี้เตรียมความพร้อม เพิ่มกำลังการผลิตสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
จากข้อมูลของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าในช่วง 6 เดือน (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2563
ประเทศไทยส่งออกสินค้าเข็มฉีดยาและหลอดฉีดยาสู่ตลาดโลก คิดมูลค่ารวมทั้งสิ้น 199.8
ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 10.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562
แบ่งเป็นการส่งออกเข็มฉีดยาโลหะ คิดมูลค่า 62.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 4%
เข็มฉีดยาอื่นๆ คิดมูลค่า 134.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 14%
และหลอดฉีดยาแบบมีหรือไม่มีเข็มคิดมูลค่า 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการส่งออกไปประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี
(เอฟทีเอ) คิดมูลค่ารวม 86.3 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 43%
ของการส่งออกเข็มและหลอดฉีดยาทั้งหมดของไทยขยายตัว 8%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562
ขณะเดียวกันทั่วโลกเริ่มสำรองสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์กลุ่มที่ใช้ในการฉีดวัคซีน
เช่น เข็มฉีดยา หลอดฉีดยามากขึ้น และมีแนวโน้มเพิ่มทวีคูณมากขึ้นอีก หากมีการคิดค้นวัคซีนสำหรับการรักษาโควิด
19 ได้แล้วเพราะทั่วโลกยังต้องใช้เข็มฉีดยา หลอดฉีดยาฉีดประชากร
ซึ่งตรงจุดนี้ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและส่งออกเข็มฉีดยาทำด้วยโลหะเป็นอันดับ
1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และเป็นอันดับที่ 6 ของโลก
อีกทั้งยังเป็นผู้ส่งออกเข็มฉีดยาและหลอดฉีดยาเป็นอันดับที่ 11 ของโลกอีกด้วย
โอกาสทองไทยทั่วโลกตุนอุปกรณ์แพทย์รับวัคซีนโควิด
19
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
เชื่อว่าชาติมหาอำนาจทั้งชาติตะวันออกและตะวันตกจะประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนโควิด
19 ออกมาใช้กับประชากรได้อย่างแน่นอน ทำให้หลายประเทศเริ่มกักตุนอุปกรณ์ทางการแพทย์รับวัคซีนโควิด
19 ซึ่งผู้ประกอบการไทยเร่งยกระดับมาตรฐานสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล ตลอดทั้งเพิ่มไลน์กำลังการผลิตสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดโลก
และเร่งขยายการส่งออกไปต่างประเทศที่ประเทศไทยได้ลงนามสัญญาการค้าเสรี (เอฟทีเอ)
เนื่องจากประเทศคู่เอฟทีเอของไทยที่มีอยู่ทั้ง 18 ประเทศ ไม่เก็บภาษีนำเข้าจากไทย
ทั้งสินค้าประเภทเข็มฉีดยาและหลอดฉีดยา รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกรายการ
ส่งผลให้สินค้าของไทยได้เปรียบด้านราคาเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่ประเทศต่างๆ จะทยอยลดเลิกอุปสรรคด้านภาษีในสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ในระยะยาวด้วย
ตลาดทั่วโลกมีความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์เป็นจำนวนมากเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งสัญญาณดังกล่าวบ่งชี้ว่ามีอนาคตสดใสเลยทีเดียว
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
วิวัฒนาการและความหวังในการผลิตวัคซีนต้านโควิด 19
เจาะกระแส Digital Healthcare ธุรกิจมาแรงรับ New Normal