แม้ข้อมูลจากรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
(สศอ.) รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
(MPI) เดือนมีนาคม 2563 ที่ระบุว่าดัชนีการผลิตหดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.25 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์ภัยแล้ง
ในขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ไตรมาสแรกปี 2563 แม้หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.63 แต่การจำหน่ายมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนกุมภาพันธ์ร้อยละ 3.49 โดยผู้ประกอบการในบางอุตสาหกรรม อาทิ อาหารแปรรูป ได้ปรับเพิ่มการผลิตสินค้าให้เข้ากับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมีนาคม ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ร้อยละ 1.87 อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ร้อยละ 67.22
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
(MPI) ไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4 ปี 2562 ร้อยละ 5.22 โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Hard
disk drive ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นหลังทั่วโลกใช้นโยบาย work
from home และอุตสาหกรรมอาหารเกือบทุกประเภทที่มีการผลิตเพิ่มขึ้น
ยกเว้นอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งจึงมีปริมาณอ้อยเข้าโรงงานลดลง โดยมีดัชนีผลผลิตหดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 68.93
นอกจากนี้ยังมีความต้องการอาหารจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะอาหารพร้อมทาน
ทำให้การส่งออกอาหารกลับมาขยายตัวเป็นเดือนแรกในรอบ 8 เดือน โดยการส่งออกอาหารเดือนมีนาคมขยายตัวร้อยละ 0.8
อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนมีนาคม 2563 ได้แก่ น้ำตาลจากภาวะภัยแล้ง รถยนต์และเครื่องยนต์จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
และสำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวดีในเดือนมีนาคม ได้แก่ Hard disk
drive ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.18 มีคำสั่งผลิตและส่งมอบเพิ่มขึ้นหลังห่วงโซ่อุปทาน
(Supply chain) ในประเทศจีนมีปัญหา
และการปิดฐานการผลิตที่ประเทศมาเลเซียและฟิลิปปินส์ก่อนหน้านี้
รวมถึงผู้ผลิตได้ปรับแผนเร่งผลิตและส่งออกให้มากขึ้นผ่านทางเรือเนื่องจากเที่ยวบินขนส่งสินค้าลดลง
เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.25 ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากประเทศญี่ปุ่น
เวียดนาม และอินโดนีเซีย เนื่องจากประเทศคู่แข่งขาดชิ้นส่วนในการผลิต ในขณะที่ตลาดภายในประเทศอยู่ในระดับทรงตัว
การแปรรูปและการถนอมผลไม้และผัก ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.22 จากผลิตภัณฑ์กะทิเป็นหลักที่ปีนี้มีวัตถุดิบมะพร้าวจำนวนมาก
รวมถึงการขยายศูนย์กระจายสินค้าและการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายจึงมีการเร่งการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการ
ขณะที่เภสัชภัณฑ์
เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.70 จากผลิตภัณฑ์นาเม็ด ยาแคปซูล และยาครีม
โดยยาเม็ดและยาแคปซูลได้ผลิตตามคำสั่งขององค์การอาหารและยา (อย.)
เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโควิด (ยารักษาตามอาการและยาฆ่าเชื้อ)
ให้ผลิตเก็บเป็นสต็อกอย่างน้อย 3 เดือน รวมถึงยารักษาโรคความดัน
เบาหวานและลดไขมันตามคำสั่งซื้อจากโรงพยาบาลที่เปลี่ยนจำนวนการให้ยาผู้ป่วยตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
อาหารทะเลแช่แข็ง ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.75 จากผลิตภัณฑ์จากปลาแช่แข็งและเนื้อปลาบด ตามความต้องการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการอยู่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ภายใต้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ความต้องการสินค้าในตลาดโลกได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก
อุตสาหกรรมบางสาขามีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
อุตสาหกรรมอาหารบางสาขา และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ส่งสัญญาณแสดงให้เห็นถึงการเตรียมผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มขึ้น
ทำให้ภาพรวมการนำเข้ารวม (ไม่รวมทองคำ)
ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.49 และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.72
ทั้งนี้ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับแผนการผลิตให้เข้ากับสถานการณ์โลกปัจจุบัน รวมถึงการปรับเปลี่ยนตัวสินค้าให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป