เทรนด์วีแกน ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริโภคสินค้าที่ไม่มีส่วนผสมของวัตถุดิบที่มาจากสัตว์
และไม่มีการใช้สัตว์ในกรรมวิธีการผลิตใดๆ
กำลังเป็นกระแสหลักของผู้บริโภคในหลายประเทศ
ซึ่งเกิดจากความตระหนักรู้มากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบ ทั้งทางสุขภาพ ทางสิ่งแวดล้อม
และทางศีลธรรม ที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ เทรนด์วีแกนไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในอุตสาหกรรมอาหารเท่านั้น
แต่รวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่นอย่างสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ ดูแลร่างกาย
และสินค้าแฟชั่นอีกด้วย
ข้อมูลจาก The Vegan Society ได้เผยว่า แนวโน้มความนิยมการเป็นวีแกนจากทั่วโลกเพิ่มสูงมากถึง 987% จากปี 2560 โดยในปี 2561 ยอดขายของอาหารวีแกนเติบโตสูงถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้บริษัทวิจัยตลาด Markets and Markets ได้คาดการณ์อีกว่า ตลาดวีแกนจะเติบโตขึ้นสูงถึง 200,000 ล้านบาทภายในปี 2566
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยปัจจุบันพบว่าแนวโน้มการบริโภคอาหารมังสวิรัติในสหราชอาณาจักรที่มีประชากรชาววีแกนมากที่สุดในโลก
มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 350% ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา
ขณะที่ในยุโรปประชากรมังสะวิรัติมากที่สุดคือ เยอรมนี และสเปน ตามลำดับ
ขนาดตลาดสินค้าวีแกนที่เติบโตขึ้นมาอย่างมากนี้
เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคต่อสินค้าทางเลือกสำหรับวีแกนที่เพิ่มขึ้น
ในขณะที่ความต้องการในผลิตภัณฑ์จากสัตว์นั้น มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ
โดยแนวโน้มที่สำคัญ มีดังต่อไปนี้
1.
ผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์มีแนวโน้มจะถูกใช้แทนที่เนื้อสัตว์จากฟาร์ม ผลการศึกษาของสถาบัน Heinz Lohman ชี้ชัดว่าความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสัตว์ปีกมีแนวโน้มที่จะตกต่ำลง
สืบเนื่องจากผู้บริโภคใส่ใจในประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น โดยได้มีการทำแบบสำรวจผู้บริโภคจำนวน
2,009 รายที่ระบุถึงประเด็นดังกล่าว ผลปรากฏว่า ร้อยละ 12–18 ของผู้ร่วมทำแบบทดสอบ
ระบุว่าต้องการให้มีสินค้าทางเลือกสำหรับวีแกนมากขึ้น
ทั้งในรูปแบบสินค้าที่ทำจากพืช (plant-based food) และเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องทดลอง
(clean meat) และร้อยละ 25
คาดการณ์ว่าอุปสงค์สำหรับอาหารวีแกนจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับผลการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ
โดยร้อยละ 38 ของผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมสัตว์ปีกเชื่อว่า ภายใน 10 ปี
เนื้อสัตว์ สังเคราะห์จากห้องทดลองจะถูกใช้แทนที่เนื้อสัตว์จริงๆ ไปในที่สุด
ตัวอย่างสินค้าผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ที่กำลังเป็นที่นิยม ได้แก่
โปรตีนจากข้าวสาลี (Seitan) โปรตีนจากถั่วเหลือง
เนื้อสังเคราะห์จากผักในรูปแบบสินค้าต่างๆ เช่น Beyond Sausage ไส้กรอกที่ทำจากโปรตีนถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว น้ำบีทรูท และ Big
Vegan TS Burger เนื้อเบอร์เกอร์สังเคราะห์
ซึ่งมีจัดจำหน่ายทั้งในซูเปอร์มาเก็ตและแบรนด์ฟ้าสต์ฟู้ดอย่าง McDonalds
2.
นมวัวกำลังจะถูกแทนที่ด้วยนมจากพืชเป็นหลัก จากข้อมูลระบุว่า การบริโภคนมวัวของคนทั่วโลกเริ่มลดลง
โดยเลือกไปใช้สินค้าทางเลือกแทน
ด้วยเหตุผลที่คำนึงถึงสุขภาพและสวัสดิภาพของสัตว์เป็นหลัก ผลการสำรวจของ Nielsen เสริมว่า เครื่องดื่มที่ทำจากพืชมีโอกาสเพิ่มจำนวนขึ้นถึงร้อยละ
50 ของจำนวนสินค้าในตลาดผลิตภัณฑ์นมชนิดต่างๆ
ตัวอย่างสินค้าผลิตภัณฑ์ทดแทนนมวัวที่กำลังเป็นที่นิยม ได้แก่ นมจากสมุนไพร
นมถั่วเหลือง
3. เครื่องสำอางจากธรรมชาติกำลังเป็นที่จับตามอง ความตระหนักรู้ต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพของสัตว์ส่งผลต่อการเติบโตของตลาด
เครื่องสำอางวีแกนเช่นกัน ผลการศึกษาแนวโน้มของงานแสดงสินค้า Vivaness ในปี 2018 ได้ระบุว่า แนวโน้มการบริโภคแบบวีแกนนั้นมีส่วนช่วยให้อัตราการซื้อสินค้าเครื่องสำอางจากธรรมชาติ
(natural cosmetic) สูงขึ้นร้อยละ 10 โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการใช้วัตถุดิบจากสัตว์หรือใช้สัตว์ในการทดลอง
ซึ่งถือเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุดในการเลือกซื้อเครื่องสำอาง ตัวอย่างสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางวีแกนนั้นมีหลากหลายชนิด
เช่น สบู่จากพืช คลีนซิ่ง ออยล์ที่ทำจากน้ำมันจากถั่ว เป็นต้น
นอกจากนี้
เทรนด์วีแกนประเทศในทวีปเอเชียเองก็เติบโตรวดเร็วไม่แพ้ตะวันตก
โดยเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่เป็นประเทศเกษตรกรรม
มีทั้งพืชเศรษฐกิจและวัตถุดิบสำคัญสำหรับการทำอาหารมังสวิรัติ
ซึ่งจากผลสำรวจของบริษัทวิจัยการตลาดระดับโลกอย่าง Mintel ก็ได้พบว่าประชาชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีชาววีแกนหน้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง
440% ในช่วงระยะเวลาเพียง 4 ปี ตั้งแต่ 2555–2559
ในขณะเดียวกันประเทศไทยก็มีอัตราการเติบโตของการบริโภคอาหารมังสวิรัติอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2562 ประเทศไทยมีประชากรวีแกนสูงถึง 2.3 ล้านคน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดวีแกนขยายตัวเพิ่มขึ้น มาจากการขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภควีแกนด้วยเหตุผลต่างๆ อาทิ เพื่อสุขภาพ เพื่อสิ่งแวดล้อม หรือต่อสู้เพื่อสิทธิสัตว์ รวมไปถึงกลยุทธ์การเจาะตลาดแบบเฉพาะเจาะจง ผ่านทางสื่อ อินเตอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย ซึ่งตลาดนี้แม้จะเป็นกลุ่มนีชมาร์เก็ต แต่ก็ถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและยอมจ่ายในราคาที่สูงกว่าสินค้าท้องตลาดทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นตลาดที่ผู้ผลิตสินค้าต่างๆ หมายตาและรุกตลาดนี้เพิ่มมากขึ้น
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
‘วีแกน’ เจาะตลาด Niche Market ทางเลือกผู้ผลิตอาหารไทย
สตาร์ทอัพฝรั่งเศส เพาะเลี้ยงแมลงป้อนอุตสาหกรรมอาหารสัตว์