จากที่เคยนำเสนอเรื่องการแข่งขันในตลาดส่งออกของทุเรียนไทย
ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะสูญเสียความเป็นอันดับ 1
ในด้านการเป็นผู้ส่งออกทุเรียนให้กับมาเลเซีย ซึ่งมีสายพันธุ์ทุเรียน “มูซันคิง”
ที่เริ่มตีตลาดส่งออกจีนและเฉือนส่วนแบ่งตลาดทุเรียนไทยไปบ้างแล้ว
ทั้งมาเลเซียยังมีนโยบาย ‘โค่นปาล์มปลูกทุเรียน’ ในหลายพื้นที่ กับนับเป็นคู่แข่งที่น่าจับตาสำหรับตลาดส่งออกทุเรียน
แต่ต้องไม่ลืมด้วยว่าในประเทศ CLMV ก็มีการปลูกทุเรียนเช่นกัน แต่ประเทศที่แข่งขันได้และน่าจับตามากที่สุดคือ เวียดนามซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศจีน ทำให้การส่งออกทุเรียนจากเวียดนามไปจีนทำได้สะดวกและรวดเร็ว และที่สำคัญในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เกษตรในเวียดนามต่างแห่แหนปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองกันเป็นจำนวนมาก
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
จากสถิติของกระทรวงเกษตรของเวียดนามที่ระบุว่า
ในปี 2561 เวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนมากกว่า 2 แสนไร่ โดยพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกมากที่สุดคือบริเวณภาคใต้
ได้แก่ จังหวัดเตี่ยนซาง จังหวัดเบ๋นแจ จังหวัดหวิงล็อง
และพื้นที่ในบริเวณที่ราบสูงตะวันตก เช่น จังหวัดเลิมด่ง จังหวัดดั้กลัก
โดยเฉพาะใน อําเภอดะฮวาย (Da Huoai) จังหวัดเลิมด่ง
บริเวณที่ราบสูงตะวันตกเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสําหรับการผลิตและส่งออกทุเรียนของเวียดนาม
อําเภอดังกล่าวมีพื้นที่ปลูกทุเรียนมากกว่า 16,875 ไร่ ปลูกสายพันธุ์ที่นิยมปลูก
อาทิ สายพันธุ์หมอนทองไทย สายพันธุ์ Do
Na และสายพันธุ์ R16 โดยในปีนี้สามารถเก็บผลผลิตได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกันยายน
ด้วยปริมาณผลผลิตรวมมากกว่า 30,000 ตัน
ด้านสายพันธุ์ทุเรียนที่ได้รับความนิยมเพาะปลูกในเวียดนามมีทั้งสายพันธุ์จากไทย
ได้แก่ ชะนี หมอนทอง และก้านยาว
นิยมปลูกในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงใต้และที่ราบสูงตะวันตกของเวียดนาม
รวมถึงสายพันธุ์ท้องถิ่น ได้แก่ สายพันธุ์ Do Na สายพันธุ์ R16 สายพันธุ์ Chuong Bo สายพันธ์ Kho qua และสายพันธุ์ Cai Mon
ตั้งเป้าผลผลิตปีละ 3.3 แสนตัน
จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ของเวียดนามที่คาดการณ์ว่า
เวียดนามสามารถผลิตทุเรียนได้ประมาณ 330,000 ตันต่อปี
โดยพื้นที่ที่มีผลผลิตมากที่สุด คือ บริเวณภาคตะวันออกเฉียงใต้
การบริโภคทุเรียนภายในประเทศคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 40 และส่งออก ร้อยละ 60
ของปริมาณที่ปลูกได้ โดยทุเรียนส่วนใหญ่ที่วางขายในตลาดทั่วไปมาจากจังหวัดด่งนาย
จังหวัดเตี่ยนซาง จังหวัดเบ๋นแจ และจังหวัดหวิงล็อง
ทั้งนี้เมื่อในเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา ราคาจําหน่ายทุเรียนสดหน้าสวนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.8 – 3.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อ กิโลกรัม (65,000 – 75,000 เวียดนามด่ง) และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นจากการกว้านซื้อทุเรียนของนายหน้า ส่งผลให้ราคาทุเรียนบางพื้นที่เพิ่มสูง อาทิ อําเภอดะฮวาย จังหวัดเลิมด่ง จําหน่ายทุเรียนหน้าสวนราคาตั้งแต่ 3.4 – 6.1 ดอลลาร์สหรัฐ (80,000 – 140,000 เวียดนามด่ง) ทั้งนี้ เวียดนามส่งออกทุเรียนไปยังจีนเป็นหลัก รองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
ใช้ชื่อ ทุเรียนพันธุ์หมอนทองของไทย
ส่งขายจีน
นายเลือง หง็อก จุง เหลิบ ผู้จัดการฝ่ายขายบริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร Cat Tuong และอดีต หัวหน้าฝ่ายวิจัยการตลาดของสถาบันวิจัยผลไม้ภาคใต้เวียดนามเปิดเผยว่า
แม้เวียดนามยังไม่มีใบอนุญาตส่งทุเรียนไปยังจีน
แต่ที่ผ่านมาเวียดนามส่งออกทุเรียนส่วนหนึ่งไปยังจีน
โดยบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งทางบกผ่านบริเวณชายแดนเวียดนาม – จีน
อาศัยการใช้ชื่อทุเรียนพันธุ์หมอนทองของไทย
ขณะที่
รายงานการสํารวจลงพื้นที่ของสํานักข่าวท้องถิ่น Dan Viet ที่ระบุว่า
ปัจจุบันจีนเข้มงวดการตรวจสอบผลไม้นําเข้าไปยังจีนมากขึ้น
ส่งผลให้เวียดนามต้องใช้วิธีการลักลอบขนส่งทุเรียนผ่านช่องทางที่ไม่ใช่ช่องทางหลัก
อาทิ การขนส่งโดยรถบรรทุกขนาดเล็ก
และใช้แรงงานแบกหามตามเส้นทางเลียบภูเขาในบริเวณด่านชายแดนเตินแท็ง (Tan Thanh) โดยปริมาณการซื้อขายคาดว่าหลายร้อยกิโลกรัมต่อวัน
เวียดนามนําเข้าทุเรียนจากไทยและกัมพูชาเป็นหลัก
โดยอาศัยการขนส่งผ่านบริเวณชายแดน กรมศุลกากรไทยรายงานว่า ปี 2561
เวียดนามนําเข้าทุเรียนสดจากไทยมูลค่ารวม 308 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเกือบร้อยละ
30 ของมูลค่าการนําเข้าผลไม้ทั้งหมดของเวียดนามจากไทย
ถึงตรงนี้ คงบอกไม่ได้แล้วละว่า
ในอนาคตทุเรียนหมอนทองไทย จะใช่ของจริงแท้จริงหรือไม่
และที่สำคัญหากเกษตรกรชาวสวนทุเรียนของไทย ไม่มีการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพทุเรียนให้ดีขึ้น
ผู้ส่งออกไม่รักษาคุณภาพและจรรยาบรรณในการทำธุรกิจโดยส่งทุเรียนอ่อนไปขายจีนบ่อยเข้า
ไม่แน่ในอนาคตใกล้ๆ นี้
ตลาดส่งออกทุเรียนไปจีนจะโดนทุเรียนเวียดนามเฉือนส่วนแบ่งไปอีกไม่น้อย
อ้างอิง : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย