บ่อยครั้งที่สมองอ่อนล้าตีบตันคิดอะไรไม่ออก ไม่มีไอเดีย จะให้บีบเค้นออกมาท่ามกลางการหมกมุ่นอยู่กับกองงานตรงหน้านานเกินไป ก็ไม่ช่วยให้สามารถคิดอะไรลื่นไหลได้ดีขึ้น จำเป็นต้องมีวิธีช่วยกระตุ้นสมองให้ผ่อนคลายและเบรกพักสมองหาแรงบันดาลใจ เพื่อทำให้สมองตื่นตัวมีความสดชื่น สามารถคิดงานได้อย่างลื่นไหล ในทุกสาขาอาชีพ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เริ่มรู้สึกว่าคิดงานไม่ออก ให้ลองพิจารณาทำตามแนวทางดังต่อไปนี้ ก็จะช่วยให้เกิดการตื่นตัว มีพล็อตเรื่องในหัว และสามารถกลับมาร่างแผนงาน เขียนบทความ ทำโครงงานวิจัย หรือสิ่งต่างๆ ที่ต้องใช้ความคิดแบบสดใหม่ในทุกวันได้ แบบชนิดที่นิ้วบนแป้นพิมพ์อาจขยับตามไม่ทัน จากไอเดียความคิดที่แล่นเร็วเกินไปเสียอีกด้วย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. หยุดพักเบรกจากกองงานในทันที เพราะการฝืนจมอยู่กับกองงานตรงหน้าทั้งที่สมองเหนื่อยล้า ร่างกายอ่อนเพลียไม่ได้ช่วยให้เกิดการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะการใช้สมองทำงานหนักนานๆ อาจทำให้เกิดสภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัว
แล้วการปล่อยให้สมองเครียดบ่อยๆ ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน
และเรื้อรังจนกลายเป็น Brain Fog หรือภาวะสมองล้าได้
2. เติมสารอาหารให้ร่างกายและสมองกระตุ้นให้ตื่นตัว อาหารดีๆ 1 มื้อ ทำให้คนเรามีความสุขผ่อนคลายได้ 1 ชั่วโมง
เช่นเดียวกันกับการเบรกพักสมองและร่างกายเมื่อความคิดตีบตันคิดอะไรไม่ออก
แล้วหาของอร่อยดีมีประโยชน์ทาน
ก็จะสามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาทและสมองให้ตื่นตัวมีความสดชื่นได้ โดยเฉพาะอาหารประเภทถั่ว
ปลาแซลมอน ผักโขม อะโวคาโด ไข่ โยเกิร์ต ธัญพืชต่างๆ แอปเปิล ช็อกโกแลต แปะก๊วย
และนม เหล่านี้เป็นแหล่งอาหารบำรุงสมองชั้นดี
ที่ทานแล้วจะทำให้เกิดการตื่นตัวช่วยบู๊ตสมองได้
3. หาเรื่องพ็อตและแรงบันดาลใจจากข่าวทั่วไป-ไร้สาระ
แรงบันดาลใจหรือแหล่งสร้างพล็อตงานเขียนชั้นเยี่ยม
คือฟีดข่าวตามหน้าโพสต์เพื่อนๆ หนังสือพิมพ์ หน้าเว็บไซต์ข่าว และความบันเทิง
เหล่านี้จะมีเรื่องราวใหม่ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนเข้ามาให้รับรู้ทุกวัน และเรื่องบางเรื่อง
คำบางคำ หน้าตาคนบางคน หรือแม้แต่ปัญหาที่คนเหล่านั้นกำลังเผชิญอยู่
ล้วนสร้างแรงบันดาลใจในการเขียน กระตุ้นความคิดได้เสมอ
4. ใช้กลิ่น Aroma ช่วยบำบัดอาการสมองตีบตัน ปัญหาส่วนหนึ่งที่ทำให้คิดงานไม่ออก ส่งงานไม่ได้ ร่างโครงการไม่ผ่าน
คือความเครียด ความหมกหมุ่น จดจ่อกับความรับผิดชอบตรงหน้ามากเกินไป
ซึ่งทำให้เกิดความผ่อนคลายได้ ด้วยการใช้กลิ่น Aroma
หรือความหอม กลิ่นหอมมาช่วยได้ โดยการสูดดมน้ำมันหอมละเหยผ่านทางช่องจมูก
จะเดินทางเข้าสู่กระแสเลือดสร้างความรู้สึกให้เกิดขึ้นได้ กระตุ้นได้ทั้งเรื่องของอารมณ์
รสสัมผัส ความต้องการทางเพศ ระบบย่อยอาหาร มีผลกระตุ้นหรือระงับระบบประสาทและสมอง รวมทั้งระบบต่อมไร้ท่อต่างๆ
แล้วแต่โครงสร้างของน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิด
ซึ่งกลิ่นที่เข้ามาในร่างหายจะทำให้สมองปล่อยสารเอ็นโดฟิน ช่วยลดความเจ็บปวด
เอนเคฟาลิน (enkephaline) ช่วยทำให้อารมณ์ดี และซีโรโทนิน (serotonin)
ช่วยให้สงบเยือกเย็นและผ่อนคลาย น้ำมันหอมระเหยจึงถูกนำมาใช้บำบัดโรคที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และจิตใจ
ตลอดจนการหลั่งฮอร์โมนบางชนิดด้วย (หมอชาวบ้าน,2549)
ดังนั้นการวางเตาอะโรมาไฟฟ้าแบบพ่นละอองน้ำไว้บนโต๊ะทำงาน และเปิดให้เครื่องทำงานพ่นความชื้นและน้ำมันหอมระเหยออกมา
จะช่วยให้สมองสดชื่น พร้อมรับมือกับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อย่างได้ผล
โดยเฉพาะกลิ่นตะไคร้, ยูคาลิปตัส, ลาเวนเดอร์, คาโมมายล์, มินต์และกลิ่นกาแฟ
นั้นมีคุณสมบัติช่วยลดความตึงเครียดได้ดีมาก
5. เข้าหาสีเขียวและความสดชื่นของธรรมชาติ
ต้นไม้และธรรมชาติอันเขียวขจีมีพลังงานช่วยบำบัดให้สมองและร่างกายผ่อนคลาย
เกิดความโล่งเบาสบายไป จนถึงช่วยสร้างความคิดและแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้
โดยสีเขียวให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย สร้างสมดุลและปล่อยวาง สนุกสนาน เบิกบานใจ
ซึ่งมีการค้นพบว่าสีเขียวช่วยทำให้ประสาทตาผ่อนคลาย
และช่วยทำให้ความดันโลหิตลดลงได้
อีกทั้งยังป้องกันโรคหัวใจและโรคจากกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ได้ด้วย ดังนั้นการมีสวนถาด
สวนขวด หรือต้นไม้เล็กๆ ติดโต๊ะทำงานไว้ หรือแม้แต่เดินออกไปเจอสีเขียวของต้นไม้ก็จะช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลาย
สมองคลายเหนื่อยล้าและฟื้นตัวมีกำลังพร้อมคิดสิ่งต่างๆ ได้อย่างโลดแล่นขึ้น
ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูสิ ความเพลิดเพลินและผ่อนคลายอาจจะช่วยให้สมองของคุณได้มีการหยุดพักในชั่งเวลาหนึ่ง และเมื่อพร้อมแล้วค่อยกลับมาคิดงานต่อ รับรองต้องได้ไอเดียเด็ดๆ แน่นอน