ถึงแม้การ Work from Home จะเป็นเหมือนกระแสใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในบ้านเรา
แต่ในต่างประเทศนั้นมองเห็นและให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มานานแล้ว
ซึ่งหลังจากที่ไวรัสโควิด-19 ทำพิษให้ทุกบริษัทต้องปรับเปลี่ยนตัวเองไปทำงานที่บ้านแทน
ก็มีทั้งผลดี ผลเสียต่างๆ ตามมาให้ได้เห็นหลังจากทดลองใช้งานจริง
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการ Work from Home ถ้าจัดสรรสิ่งต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ ลงตัว และพร้อมสำหรับมันล่ะก็ สิ่งนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้องค์กร Happy และพนักงานเองก็มีความสุข ที่มีความยืดหยุ่นในการทำงาน ส่งผลให้งานออกมาดี แถมรู้สึกรักงานที่ทำมากกว่าที่เคย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
WFH ช่วยให้พนักงานมีอิสระ ลดความเครียด
จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ได้ทำการศึกษาพนักงานกว่า
47,264 คน พบว่า การทำงานที่บ้านช่วยส่งเสริมความสุขให้กับพนักงานได้มากมายหลายด้าน
และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพราะพวกเขาจะมีสมาธิจดจ่อกับการทำงานมากกว่าปกติ
ไม่มีสิ่งใดมารบกวน หรือชวนคุยเหมือนกับการเข้าออฟฟิศ
หลายคนอาจมองว่า
ทำงานที่บ้านไม่มีเจ้านายจู้จี้ สามารถเล่น หรือทำในสิ่งอื่นๆ ได้ตลอดเวลา
แบบนี้งานจะไม่เสียเหรอ?
ตรงนี้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วยเช่นกัน
ส่วนใหญ่ถ้ามีการกำหนดเดดไลน์ได้ชัดเจนว่างานจะต้องส่งเมื่อไหร่
ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานในการบริหารจัดการการทำงานของตัวเองต่อไป
พวกเขาจะรู้สึกถึงการมีอิสระ และจัดสรรเวลางานได้เป็นอย่างดี
แม้คนเราจะมีเวลาเท่ากัน แต่วงจรชีวิตของมนุษย์เราต่างกัน
บางคนอาจชอบการทำงานตอนเช้า เพื่อให้มีเวลาเหลือช่วงเย็น
ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวได้เต็มที่ ในขณะที่บางคนชื่นชอบการทำงานยามดึก
ที่ทุกสิ่งรอบตัวเงียบสงบ และมีสมาธิจดจ่อกับการทำงานโดยไม่มีสิ่งใดรบกวน
ซึ่งการให้ Work from Home จะเท่ากับการเลือกเวลาทำงานของพนักงานไปในตัว
(นอกเสียจากว่างานนั้นจะต้องติดต่อกับคนหลายคน
ก็อาจจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้)
WFH ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น
13.5%
นอกจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์จะยืนยันเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว
มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเองก็เคยตีพิมพ์การวิจัยของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่อง Work from Home ด้วยเช่นกัน
ว่ามันช่วยให้ทำงานได้สำเร็จลุล่วงมากกว่าการที่ถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตแบบเข้าออฟฟิศอย่างเห็นได้ชัด
โดยทำการจัดแบ่งพนักงานออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อวัดประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งกลุ่มแรกคือ
กลุ่มที่ต้องเข้าออฟฟิศ มาทำงานปกติ และอีกกลุ่มคือกลุ่มที่ Work from Home
ผลปรากฏว่า
พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านนั้นทำงานได้สำเร็จมากกว่าพนักงานอีกกลุ่มถึง 13.5%
เลยทีเดียว
ที่สำคัญยังมีการยืนยันจากงานศึกษาชิ้นอื่นๆ
เพิ่มเติมอีกต่างหากว่า การที่พนักงานได้ทำงานที่บ้าน แบบ Work from Home 3-4 วันต่ออาทิตย์
จะช่วยให้เขารู้สึกมีส่วนร่วมกับงานมากขึ้นถึง 33% สูงกว่าพนักงานที่เข้าออฟฟิศเสียอีก
นั่นเพราะพวกเขาได้จดจ่อกับงานตัวเอง และหน้าที่ที่ทำอย่างเต็มที่ เหมือนเป็นความรับผิดชอบของตัวเองโดยตรง
แบบที่ไม่ได้ฝืนใจทำ หรือโดนบังคับ
ทัศนคติการมาทำงานที่แตกต่างกัน ระหว่างการที่ต้องตื่นเช้าเพราะมีกฎระเบียบบังคับเอาไว้
กับการที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระด้วยใจตัวเอง
สองสิ่งนี้ส่งผลต่อกระบวนการคิดและการทำงาน ให้ออกมามีผลดีอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
WFH ประหยัดต้นทุนให้บริษัทได้
นอกจากนี้การ Work from Home ยังเป็นเหมือนการช่วยลดภาระต้นทุนของบริษัทโดยตรงอีกต่างหาก
ซึ่งถ้าไม่มีพนักงานเข้าออฟฟิศ ก็จะไม่เสียค่าน้ำ ค่าไฟ
และต้องคอยจ้างแม่บ้านมาดูแลทุกวัน
หรือถ้ามองให้ลึกกว่านั้นก็จะลดอัตราการสึกหรอของอุปกรณ์เครื่องใช้ในสำนักงานทุกอย่างได้อีกเช่นกัน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การลดลงของมันในแต่ละวัน
เมื่อคิดคำนวณออกมาเป็นรายปีจะเห็นได้เลยว่าค่าใช้จ่ายของคุณลดลงไปเยอะมากจริงๆ
นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างจากการ Work from Home ของประเทศอเมริกาให้เห็นอีกด้วยว่า
บริษัทส่วนใหญ่จะอนุญาตให้พนักงาน Work from Home ได้จริง
แต่จะแลกมาด้วยการหักรายได้จากพนักงาน 8% จากเงินเดือน
เพราะถือว่าเป็นการลดต้นทุนในการใช้ชีวิตของพนักงานไปในตัว ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง
ไม่ต้องเสียเวลาเหนื่อยรถติด หรือไม่ต้องเสียแม้แต่ค่าซื้อชุดใหม่ๆ ใส่มาทำงาน
ทุกอย่างเป็นรายจ่ายที่พนักงานต้องแบกรับทั้งสิ้น
การ Work from Home ที่แลกกับการหัก % ที่ไม่ได้เยอะตรงนี้ จะทำให้พนักงานรู้สึกคุ้มค่ามากกว่า และไม่รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ พร้อมทั้งคุณเองก็ได้ประหยัดต้นทุนบริษัทไปในตัว เป็นสถานการณ์ win-win ที่ได้ประโยชน์และสร้างความสุขให้กันทั้งสองฝ่าย
Work from Home อาจจะไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน จนกระทั่งไม่ต้องเปิดสำนักงานของตัวเอง เพราะสุดท้ายยังไงคุณก็ยังจำเป็นต้องมีออฟฟิศ มีวันที่ต้องเข้าใช้ออฟฟิศอยู่ดี เพียงแต่อาจจะบาลานซ์การทำงานให้มันง่ายขึ้น โดยการเริ่มจากปรับการทำงานธรรมดาๆ ให้ Work from Home อาทิตย์ละ 1-2 วัน การเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ตรงนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้องค์กรคุณได้รับผลกระทบไปในทางที่ดีขึ้น เห็นผลลัพธ์ของงานที่มีประสิทธิภาพในเวลาอันรวดเร็ว