นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้ประกอบการต้องทำสินค้าและบริการให้มีความแตกต่างจากประเทศคู่แข่ง เพราะถ้าทำได้ ราคาแพงเท่าไร ลูกค้าก็ยอมจ่ายเพื่อซื้อมาบริโภค แต่ถ้าไม่แตกต่าง ลูกค้าหาซื้อได้ทั่วไป ทำให้ไทยแข่งขันได้ยาก หรือถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นก็เหมือนกับสินค้าจีไอ (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) ที่กระทรวงพาณิชย์กำลังส่งเสริมให้มีทุกจังหวัด ซึ่งสินค้าจีไอถือเป็นของดีในแต่ละจังหวัด สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ สินค้าและบริการก็เช่นเดียวกัน ถ้าทำให้แตกต่างได้ก็จะขายได้
โดยเฉพาะถ้าผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ได้ด้วย ก็จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้รวดเร็วขึ้น เพราะแนวโน้มในอนาคตประเทศต่างๆ จะจัดทำ FTA เพื่อเปิดเสรีด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น ผู้ประกอบการไทยจึงต้องเตรียมความพร้อมพัฒนาสินค้าและบริการให้มีมาตรฐาน ใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อน ซึ่งจะทำให้สามารถแข่งขันได้
คำแนะนำดังกล่าวนี้สอดคล้องกับ นายเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ได้กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า ขณะนี้ไทยมี FTA กับหลายประเทศ ซึ่งจะต้องเร่งนำมาใช้ให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาไทยยังใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ รัฐฯ ต้องวางแผนหาทางให้ผู้ประกอบการเข้าไปใช้ประโยชน์ให้ได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ รัฐฯ ต้องช่วยดูแลกรณีมีการทุ่มตลาดของสินค้าจากบางประเทศ โดยต้องตรวจสอบและติดตามอย่างรวดเร็ว เพื่อดูแลอุตสาหกรรมในประเทศไม่ให้ได้รับผลกระทบ ขอให้ดูตัวอย่างจีน ที่นำมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดมาใช้ดูแลผู้ประกอบการไม่ให้ได้รับผลกระทบ