SME ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ‘บริบูรณ์ฟาร์ม’ ผนึกมหาวิทยาลัยชั้นนำเมืองไทย วิจัยและพัฒนาสารสกัดอะโวคาโด รังสรรค์ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์คนรักษ์สุขภาพ

สร้างโอกาสจากวิกฤตที่ตนเองต้องพานพบของคุณฐิติรัตน์ ศักดาปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริบูรณ์ฟาร์ม จำกัด สู่การเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น ก่อเกิดไอเดียสกัดสารจากอะโวคาโดร่วมกับมหาวิทยาลัยแถวหน้าเมืองไทย วิจัยและพัฒนาให้กลายเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ

ผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่สำคัญได้รับรางวัล Best of the Best จากกิจกรรมพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมต้นแบบอัจฉริยะ (Genius Academy) ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ในการทำการวิจัยต่างๆ อีกด้วย

ซึ่งเส้นทางธุรกิจกว่าจะประสบความสำเร็จจาก SME ที่มุ่งสู่การเป็น Startup ในอนาคต ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และมีความน่าสนใจอย่างไร? เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการและ SME นำไป Business Transformation สู่การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม IDE (Innovation-Driven Entrepreneurship) หรือการประกอบการที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม หรือใช้นวัตกรรมสร้างสรรค์ธุรกิจรูปแบบใหม่ หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเริ่มจากการมีความคิดหรือไอเดียในการผลิตสินค้า หรือบริการที่ผู้บริโภคต้องการอย่างแท้จริง 

คุณฐิติรัตน์ กล่าวว่า บริษัทก่อตั้งมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากปัญหาสุขภาพของตนเอง ร่างกายขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน จึงทำให้ต้องใช้ฮอร์โมนซึ่งผลิตจากเคมีมาทดแทน โดยขณะนั้นยังรับราชการอยู่ที่จังหวัดระยอง หลังจากรับประทานฮอร์โมนติดต่อกันเป็นเวลา 15 ปี แพทย์ได้แนะนำว่าต้องหยุดเพิ่มฮอร์โมนในร่างกายด้วยวิธีนี้เนื่องจากมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น ตนเองจึงต้องหาสารอาหารอื่นๆ เข้ามาช่วย - ทดแทน

จากนั้นตนเองจึงเริ่มเรียนรู้ - อ่านงานวิจัยต่างๆ มากขึ้น เพื่อตามหาสารอาหารที่จะช่วยเราได้บ้าง จนกระทั่งพบข้อมูลที่ระบุว่า ‘อะโวคาโด’ ช่วยตอบโจทย์ตรงนี้ได้ จึงทดลองซื้อมารับประทาน หลังจากทดลองกินไปประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่อไปตรวจร่างกายพบว่าอาการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนหายไป จึงหาวิธีพิสูจน์เพื่อความแน่ใจ

โดยทดลองซื้ออะโวคาโดมารับประทานแล้วก็หยุด ทำสลับกันไปอย่างนี้ประมาณ 3 เดือน จึงได้คำตอบว่าอะโวคาโดน่าจะช่วยได้จริง จึงมีการปรึกษากับเพื่อนๆ ที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนเริ่มเปลี่ยนแปลง ให้มาทดลองรับประทานอะโวคาโดผลปรากฏว่าตอบโจทย์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน

หลังจากมีปัญหาสุขภาพต่อเนื่อง คุณฐิติรัตน์ จึงตัดสินใจเกษียณก่อนกำหนดแล้วย้ายมาอยู่ที่ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา โดยผลไม้ที่ปลูกที่นี่มีรสชาติดี เนื่องจากเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก ดิน - น้ำดี คุณฐิติรัตน์จึงเริ่มทดลองปลูกต้นอะโวคาโด นำสายพันธุ์ต่างๆ มาทดลองปลูกกว่า 10 สายพันธุ์ ต่อมาเกิดแนวคิดขยายช่องทางการจำหน่ายรวมถึงการเพิ่มมูลค่า นำมาสู่แปรรูปอะโวคาโด ซึ่งจากการวิจัยพบว่า วิธีที่ดีที่สุดก็คือการสกัดน้ำมัน จากนั้น ‘บริบูรณ์ฟาร์ม’ จึงได้สั่งซื้อเครื่องจักรจากต่างประเทศเพื่อทดลองสกัดน้ำมัน โดยวิธีการสกัดจะมีอยู่ 3 ประเภทคือ..

1. สกัดร้อน

2. สกัดเย็น

3. สกัดด้วยสารเคมี

โดย คุณฐิติรัตน์ มองว่าสกัดแบบเย็นจะได้คุณค่าสารอาหารดีที่สุดมากที่สุด แต่เมื่อนำเครื่องจักรมาสกัดกลายเป็นการสกัดแบบร้อน สกัดน้ำมันได้เมื่อนำไปวิเคราะห์ผลคือได้สารอาหารค่อนข้างน้อย จึงต้องเริ่มหาองค์ความรู้เพิ่มเติมเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ ก่อนเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน แล้วได้พบกับอาจารย์จากภาควิชาเคมี จากการปรึกษาพูดคุยมีแนวคิดความเห็นตรงกันจึงร่วมกันทำวิจัยเกี่ยวกับการสกัดน้ำมันจากอะโวคาโด หลังจากวิจัยนานเกือบ 3 ปี จึงได้ผลลัพธ์ซึ่งน้ำมันที่ได้นำมาแปรรูปต่อยอด คือ ผลิต ‘อะโวคาโด ออยล์ ซอฟเจล’ ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทจำหน่ายในปัจจุบัน ส่งผลให้ ‘บริบูรณ์ฟาร์ม’ เป็นเจ้าแรกที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้

คุณฐิติรัตน์ เล่าว่า หลังจากได้มีการวิจัยและทดลองผลิตสินค้า จึงเกิดแนวคิดทำธุรกิจจำหน่าย ‘อะโวคาโด ออยล์ ซอฟเจล’ วางแผน Marketing ทั้งการตลาดออฟไลน์และการตลาดออนไลน์เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคทราบว่าใช้แล้วได้ประโยชน์อย่างไร ซึ่งเป็นช่วงประจวบเหมาะกับที่บริษัทได้ส่งพนักงานไปอบรมกับกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม แล้วได้รับรางวัล Best of the Best นำมาสู่การได้รับการสนับสนุนกระบวนการสร้างฐานการผลิตน้ำมันอะโวคาโด ตนเองจึงนำส่วนที่ทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยมาผนวกรวมกัน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับเครื่องหมาย อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)

จากนั้น ‘บริบูรณ์ฟาร์ม’ ได้มีโอกาสไปออกรายการเพื่อนคู่คิดของธนาคารกรุงเทพ ทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เมื่อลูกค้าส่วนใหญ่ซึ่งได้ทดลองใช้แล้วมักจะซื้อซ้ำ ส่วนลูกค้ารายใหม่ก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้บริษัทเติบโตและประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน

หลังจาก ‘บริบูรณ์ฟาร์ม’ ผ่านการประเมินมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) แล้ว บริษัทฯ ดำเนินการเข้าสู่การประเมิน GHPs (Good Hygiene Practice) มาตรฐาน Codex การผลิตอาหารและควบคุมอาหารที่ปลอดภัย โครงการร่วมระหว่างองค์การระหว่างประเทศ FAO และ WHO เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้กำลังจะประเมินมาตรฐานฮาลาล (Halal) เพื่อขยายตลาดกลุ่มลูกค้าอิสลามด้วย

ในเรื่องนี้ คุณฐิติรัตน์ เผยว่า จากการเป็นผู้สกัดน้ำมันอะโวคาโด นำมาสู่การเป็นพันธมิตร (Partner) 11 มหาวิทยาลัยในเมืองไทยร่วมทำวิจัยและพัฒนาโปรเจกต์ต่างๆ เกี่ยวกับอะโวคาโดแบบครบวงจร โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)

ทางบริบูรณ์ฟาร์ม ได้รับการสนับสนุนในโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคม Social Innovation ร่วมกับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีและสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) NIA ในการวิจัยและพัฒนา เพื่อลงรายละเอียดวิเคราะห์ว่า ‘อะโวคาโด ออยล์ ซอฟเจล’ ของเรามีดีอย่างไรทำไมผู้คนสนใจซื้อซ้ำ ซึ่งจากการวิจัยพบว่า การสกัดน้ำมันอะโวคาโดของบริษัท ได้กรดไขมันดีเชิงเดียวไม่อิ่มตัวถึง 80.75% ขณะที่ต่างประเทศสกัดได้เพียง 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ

สำหรับเรื่องนี้ คุณฐิติรัตน์ อธิบายว่า ด้วยความต้องการในผลิตภัณฑ์มากขึ้น จึงส่งผลให้พื้นที่ปลูกอะโวคาโดของ บริษัท บริบูรณ์ฟาร์ม จำกัด เมื่อรวมกับเครือข่ายเกษตรกรจำนวน 10 รายในอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ก็ยังไม่เพียงพอ จึงต้องหาแหล่งปลูกเพิ่มเติมที่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ขณะนี้เกษตรกรในพื้นที่ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นเครือข่ายซึ่งคิดพื้นที่ปลูกรวมกันกว่า 1,000 ไร่ สาเหตุที่เลือกอำเภอเทพสถิตเนื่องจากมีลักษณะภูมิอากาศและภูมิประเทศใกล้เคียงกับอำเภอวังน้ำเขียว รวมถึงการขนส่งสะดวกไม่ไกลจากโรงงานผลิตมากนัก

สำหรับเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมเป็นเครือข่ายต้องมีการตรวจค่าดินต่างๆ รวมถึงปุ๋ยที่ใช้ต้องมาจากซากพืช - สัตว์ และต้องใช้สารสมุนไพร 100% สำหรับไล่แมลงในไร่ปลูกอะโวคาโด โดยเป็นการทำวิจัยร่วมกันระหว่างบริษัท มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ซึ่งการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนเป็นอีกหนึ่งแนวทางสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ให้กับธุรกิจเกิดความมั่นคง สร้างพันธมิตรเพิ่มเติมซึ่งมีเจตนารมณ์ในการปลูกอะโวคาโดเหมือนกัน ร่วมกันผลิตวัตถุดิบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยผลิตสินค้าเกษตรที่มีความปลอดภัยให้กับชุมชนของตัวเองและผู้บริโภคทั่วไป รวมถึงเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่ร่วมเติบโตไปด้วยกัน

จากจุดเริ่มต้นมาจากปัญหาสุขภาพ Pain Point นำมาสู่การหาความรู้ก่อนผลิตเป็นสินค้าให้ได้คุณภาพด้วยงานวิจัย ผนวกกับการสร้างมาตรฐานการผลิตจนเป็นที่ยอมรับ มาสู่ธุรกิจแปรรูปอะโวคาโด แบบครบวงจร แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายแต่คุณฐิติรัตน์ ศักดาปรีชา ก็ไม่ย่อท้อ ในการทำให้ ‘อะโวคาโด ออยล์ ซอฟเจล’ ผลิตภัณฑ์ของบริษัท บริบูรณ์ฟาร์ม จำกัด กลายเป็นที่รู้จักทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ แต่ยังไม่หยุดยั้งในการพัฒนาต่อไป เพื่อ Business Transformation องค์กรจาก SME มุ่งสู่การใช้นวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างตรงจุด

รู้จัก ‘บริษัท บริบูรณ์ฟาร์ม จำกัด’ เพิ่มเติมได้ที่

www.boriboonfarm.com 

https://www.facebook.com/boriboonavocado 

เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปี! ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ บริบูรณ์ฟาร์ม มอบสิทธิพิเศษเพื่อคุณ เพื่อตอบแทนกลับคืนสู่สังคม มอบอาหารเสริม น้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็น ซอฟเจล มูลค่า 1,200 บาท ฟรีสำหรับท่านที่สนใจต้องการทดลองรับประทานเพื่อสุขภาพ จำนวน 500 กระปุก

เพียงแอดไลน์..ก็รับสินค้าฟรีได้ง่ายๆ หมดเขต 30 มิ.ย. นี้

Line OA: @boriboonavocado หรือสแกนคิวอาร์โค้ด

 

เพิ่มเพื่อนเพื่อขอทดลองใช้ฟรี 1 กระปุก (ปล. ค่าจัดส่งและการจัดการ 100 บาท) หรือ

สนใจสั่งซื้อ : โปรโมชั่น : ซื้อ 1 กระปุก แถมฟรี 1 กระปุก จ่ายเพียง 1,200 บาท 

ติดต่อหรือสอบถามเพิ่มเติมโทร. 08-4738-5465