เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเป็นผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่มีชีวิตมีตัวตนอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น หลังการเข้ามาของโรคระบาดโควิด 19 ที่ทำให้เกิดการ Disruption การใช้ชีวิตเข้าสู่เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเลี่ยงไม่ได้ สังคมไทยจึงเดินหน้าเข้าสู่ยุค 4.0 ได้อย่างพร้อมเพียง ทั้งในฝั่งของผู้บริโภคและฝั่งของธุรกิจ ทำให้กระแสการทำตลาดแบบ Digital Market กลายเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไม่พลาดที่จะพัฒนา ปรับเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่ Online Market ที่มีเป้าหมายคือกลุ่มขนาดใหญ่ ที่ใช้ชีวิตแบบมีตัวตนเด่นชัดอยู่บนโลกออนไลน์แบบ Realtime
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
พฤติกรรมการออนไลน์ของคนไทย
จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
(สพธอ.) หรือ ETDA ที่เผยผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยปี
2562 หรือ Thailand Internet User Behavior 2019 โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่กว่า
91.2% ใช้อินเทอร์เน็ตไปกับ Social Media (Facebook, Line, Instagram
TikTok) ซึ่งถือเป็นกิจกรรมยอดฮิต
7 ปีซ้อน รองลงมาคือ ดูหนัง ฟังเพลง 71.2%, ค้นหาข้อมูลออนไลน์ 70.7%,
รับ-ส่งอีเมล 62.5% และการชำระเงินค่าสินค้าและบริการทางออนไลน์ 60.6% ซึ่งปี
2562 เป็นปีแรกที่การชำระเงินติด
1 ใน 5 ของกิจกรรมยอดฮิต สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของ Online
payment services ของไทยที่เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่กิจกรรมออนไลน์ที่กำลังมาแรงและมีการเติบโตเพิ่มขึ้นหากเทียบกับปี
2561 คือการสั่งอาหารออนไลน์ ได้รับความนิยมมากสุด เพิ่มขึ้นจากปี 61 ถึง 15.1%
รองลงมาคือ การชำระค่าสินค้าและบริการ ใช้บริการเพิ่ม 11.4%
และการรับ-ส่งสินค้า/พัสดุ/เอกสารทางออนไลน์ เพิ่มขึ้น 11.0%
เมื่อพิจารณาช่องทางออนไลน์ไหน
ถูกใจคนซื้อ-ขายมากที่สุด พบว่า
ช่องทางที่ผู้ซื้อเลือกใช้เพื่อซื้อสินค้ามากที่สุด คือ e-Marketplace
ได้แก่ Shopee 75.6% รองลงมาคือ Lazada
65.5% และ Social
Media ได้แก่
Facebook Fanpage 47.5% และ Line 38.9% ต่างจากช่องทางที่ผู้ขายนิยมใช้เพื่อขายของออนไลน์มากที่สุด
คือ Facebook Fanpage 64.0% รองลงมาคือ Shopee
43.1% และ LINE
39.5% และยังพบว่า คนไทยนิยมใช้ LINE
ติดต่อสื่อสาร 98.5% รองลงมาคือ Facebook
Messenger, FaceTime และ WhatApp
ขณะที่ปัจจุบัน
TikTok ก็เป็นอีกช่องทางกระแสแรงที่คนไทยโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานสถิติผู้ใช้มากกว่า
50% มีอายุระหว่าง 18-34 ปี นิยมใช้ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยมีการดาวน์โหลดมากกว่า
10 ล้านครั้ง นับเป็นอีกแพลตฟอร์มที่กระแสแรงมาก และปัจจุบันนักการตลาดต่างให้ความสำคัญกับการตลาดใน
TikTok เป็นอย่างมาก
เครื่องมือ
Digital Marketing ที่กำลังมาแรง
นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไม
Digital Marketing มีสำคัญมากต่อการทำธุรกิจในยุคนี้ ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ธุรกิจได้ดีจากอดีตถึงปัจจุบันและกำลังจะส่งผ่านต่อไปสู่อนาคต
โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเน้นการทำคอนเทนต์เพื่อสร้างชื่อเสียงให้คนรู้จัก
หรือการเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมาก มาเป็นความสามารถในการปิดการขายได้ในตัว ผ่านการนำ Sale
และ Marketing มาผสมผสานกัน
เพื่อตีโจทย์ทำการตลาดและขายให้แก่ผู้บริโภคในยุคนี้
ร่วมกันกับข้อมูลของผู้บริโภคที่มี เพื่อนำมาสู่การปรับเปลี่ยนการนำเสนอข้อมูลแบบที่มีทั้ง
Awareness, Engagement และ Conversation สื่อสารแทน Sale
ได้ เป็นการเพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้มีมากขึ้น
บน KPI ที่ต้องประเมินได้จากยอด Like, Share, Comment และ Sale ผ่าน 4 เครื่องมือสำคัญในการทำ Digital
Marketing ยุคต่อไป
ได้แก่
1. Chanel เป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาเป็นอันดับแรก
เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดตามกลุ่มเป้าหมาย โดยมีสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ อาทิ Facebook
(mesenger, Stories), Instagram, Youtube, TikTok, Twister และ Search Engine เป็นช่องทางเชื่อมโยงระหว่างสินค้าหรือบริการกับกลุ่มผู้บริโภค
ซึ่ง Facebook และ Instagram ยังคงได้รับความนิยมในการทำตลาด
จากจำนวนผู้ใช้งานที่มีมาก ตามหลักการตลาดพื้นฐานที่ว่า
"หากตรงไหนมีคนอยู่มากมาย ย่อมมีโอกาสที่คนจะเห็นสินค้าและบริการได้มาก"
2. Content ต้องมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ผ่านการพัฒนาแบบยกระดับไปอีกขั้นด้วยความคิดสร้างสรรค์ ที่จะทำให้เกิดความแตกต่าง
น่าจดจำ และนำโด่งเหนือคู่แข่ง บน KPI ที่มียอดขายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ดังนั้น Content ในยุคนี้จะต้องทำหน้าที่ขายและปิดการขายได้ด้วยในตัว
แต่ยังต้องคงความเป็นประโยชน์สูงสุดที่ผู้บริโภคหรือผู้อ่านจะได้รับเอาไว้ด้วย
ผ่านการประเมินความต้องการของผู้ติดตามรับสารหรือผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย
โดยมีหลักอยู่ที่ต้องนำเสนอในสิ่งที่เขาต้องการรู้ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการบอกเล่า
แบบ 70% ให้ประโยชน์และ 30% เป็นการส่งเสริมการขาย
3. Conversation Marketing สำหรับในข้อนี้เริ่มมีการนำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาคอนเทนต์และการสื่อสารระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคผ่าน
Chatbot กันมากขึ้น ซึ่งยังจัดว่าเป็นก้าวแรกของการเริ่มต้นของการสื่อสารที่ยังคงต้องพัฒนาต่อไป
เนื่องจากการที่คนเข้าถึงธุรกิจได้มากขึ้น ง่ายขึ้น การนำระบบ Chat
โดย Bot เข้ามาช่วยสนับสนุนด้านการตลาด จึงเป็นตัวช่วยลดต้นทุนการจัดการด้าน
Customers Service ได้ไปในตัว
ทำให้สามารถตอบรับเรื่องได้อย่างรวดเร็ว และช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ทันท่วงที
ไม่ว่าจะเป็นการช่วยขาย การช่วยแก้ปัญหา ตอบคำถาม ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า การติดตามการจัดส่ง
ก็สามารถจัดการได้อย่างครอบคลุมทั่วถึงและรวดเร็ว จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ปรับไปสู่การเป็น
The Moment is Now หรือเป็นพฤติกรรมที่ถ้าต้องการอะไรก็ต้องได้มาในทันที
การตลาดที่สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้ผ่านระบบ Chatbot จึงเป็นสิ่งที่จะช่วยคงฐานลูกค้าไว้ได้
และเป็นเทรนด์หนึ่งใน Digital Marketing ที่ต้องให้ความสำคัญ
4. Data Driven เป็นส่วนที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนงานในส่วนของการพัฒนาและการวิจัย
เพื่อนำไปสู่แผนการทำตลาดที่ตอบโจทย์ ตรงจุด
และเข้าถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด Data จึงมีส่วนช่วยทำให้เกิดความเข้าใจพฤติกรรมและเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้
การเล็งเห็นโอกาสที่เกิดจาก Data จึงเป็นวิสัยทัศน์ที่ดีที่จะนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในยุคนี้
โดยสามารถเก็บวิเคราะห์ Data ได้หลายช่องทางจากเครื่องมือ Google
Analytics, Social
Media, Member, Website และอื่นๆ ตามแต่ความสะดวกในการเลือกใช้เพื่อการทำธุรกิจ
เนื่องจาก Data เปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะช่วยชี้ชัดให้ได้ว่าจะต้องดำเนินการทำธุรกิจอย่างไร
กลุ่มเป้าหมายคือใคร มีพฤติกรรมแบบไหน ต้องการสินค้าอะไร และทำให้เกิดภาพที่ชัดเจนกว่าการดำเนินธุรกิจโดยไม่มี
Data เป็นเครื่องมือ
แหล่งอ้างอิง