'สังคมสูงวัยจีน' เริ่มตั้งเค้าก่อวิกฤต..ที่แฝงด้วยโอกาส
การมีผู้คนสูงวัยในประเทศจำนวนมากไม่เพียงแค่เป็นสังคมที่มีคนแก่มากขึ้นเท่านั้น
แต่ยังส่งผลต่อสังคม เศรษฐกิจ และการใช้ชีวิตของทุกคนในอนาคต ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
รวมถึงการทำให้อยู่กับการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี
ทั่วโลกเผชิญปัญหานี้ ‘จีน’ ก็เช่นกัน
สถาบันวิจัยผู้สูงอายุของ Renmin University of China และสมาคมประชากรจีน คาดการณ์ว่า ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2564 - 2568
ภายใต้การทำงานของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14
ระยะ 5 ปี
จีนจะมีประชากรผู้สูงอายุอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
มากเกินกว่า 300 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 20
ของจำนวนประชากรทั้งหมด ส่งผลให้แดนมังกรก้าวเข้าสู่การเป็น ‘สังคมผู้สูงอายุระดับ ปานกลาง’
ดังนั้นเมื่อปี 2556 จีนจึงเริ่มผ่อนปรน ‘นโยบายลูกคนเดียว’ และเริ่มดำเนินการ ‘นโยบายลูกคนที่สอง’ อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2559
เพื่อเตรียมตัวในการรับมือกับแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อย่างไรก็ดี
ในช่วงปี 2559 - 2563 ‘นโยบายลูกคนที่สอง’ ไม่ได้รับผลตามที่คาดการณ์ไว้
ก่อนเป็นเหตุผลให้เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2564 จีนอนุญาตให้คู่สามี - ภรรยามีลูกได้สามคน หรือเรียกกันว่าเป็น ‘นโยบายลูกคนที่สาม’ โดยจีนมีมาตรการสนับสนุนต่างๆ เช่น การลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครอบครัว การปรับปรุงกฎระเบียบการลาคลอดบุตรและการประกันคลอดบุตรให้สมบูรณ์แบบ รวมทั้งเพิ่มการสนับสนุนด้านภาษีและที่อยู่อาศัย
ประชากรจีนเพิ่มต่ำสุดใน 60 ปี
ก่อนหน้านี้ ทางการจีนเปิดเผยว่า
ในปี 2564 ประชากรจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเพียง 12 ล้านคน
นับเป็นจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ที่มีตัวเลขต่ำสุดนับจากปี 2504 เป็นต้นมา
จำนวนประชากรที่เพิ่มน้อยลง ไม่เพียงจะกระทบต่อจีนเอง แต่จะมีผลต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลก
แม้เศรษฐกิจแดนมังกรอาจยังเติบโตอยู่แต่ก็จะชะลอตัวลง
การสำรวจประชากรระบุว่า ปี 2564
จีนมีประชากร 1.4 พันล้านคน ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การเพิ่มประชากรมีอัตราเฉลี่ยปีละ
0.53% สัดส่วนประชากรวัยทำงานลดจาก 70% ในปี 2554 มาเหลือ 63.4% ในปีที่แล้ว
ส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวนสูงขึ้น
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
จำนวนประชากรของจีนอาจเพิ่มขึ้นแบบติดลบ ลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น โดยแดนปลาดิบมีจำนวนประชากรมากสูงสุดในปี
2554 เกาหลีใต้ในปี 2562 และสิงคโปร์ในปี 2546 แต่ทั้ง 3
ประเทศนี้กลายเป็นสังคมของคนสูงอายุ ล้วนมีมาตรฐานชีวิตของประชากรในระดับสูง
และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีคุณภาพ
ผลที่ตามมาเมื่อประเทศที่เข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัย
จากแนวโน้มสังคมผู้สูงอายุจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จะส่งผลให้ปัจจัยการผลิตทางด้านแรงงานและการออมลดลง รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณค่าใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการและการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นเพื่อดูแลและปฐมพยาบาลผู้สูงอายุมากขึ้น
ทำให้การลงทุน - รายได้ประชาชาติลดลง
ทั้งนี้การที่แรงงานลดลงอาจแก้ไขโดยการนำเทคโนโลยีเครื่องจักรมาใช้ ทดแทนแรงงานคนหรือใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานมากขึ้น หากไม่มีการเตรียมความพร้อมการจัดสรรทรัพยากรแรงงานที่จะลดลง จะมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมได้
ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ
จีนให้ความสำคัญกับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในประเทศอย่างรวดเร็ว
และเตรียมตัวรับมือ ตั้งแต่เริ่มดำเนินการ ‘นโยบายลูกคนที่สอง’ อย่างเต็มรูปแบบในปี 2559 แต่ยังไม่สามารถบรรลุผลตามที่ คาดการณ์ไว้โดยในการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งที่
7 พบว่าจำนวนประชากรวัยทำงาน (อายุตั้งแต่ 15 - 59 ปี) และอัตราการเจริญพันธุ์ของประชากรจีนลดลงทั้งคู่
นอกจากนี้ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด
19 ทำให้ชาวจีนบางส่วนเป็นกังวลต่อความไม่แน่นอนของการจ้างงานและรายได้ จึงทำให้จำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงไปอีก
ซึ่งในปัจจุบันพบว่า แดนมังกรมีประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 260 ล้านคน
ในที่นี้เป็นประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป จำนวน 190 ล้านคน
การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของจีนเป็นอุปสรรคและปัญหาที่สำคัญในการทำงานของรัฐบาล แต่อย่างไรก็ดียังถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับภาคธุรกิจ
ไม่เพียงแต่ธุรกิจบริการดูแลผู้สูงอายุเท่านั้น ยังเป็นโอกาส ของธุรกิจสินค้าและบริการอื่นด้วย อาทิ
ธุรกิจอาหารเสริม ธุรกิจบริการการแพทย์ ธุรกิจเครื่องสำอาง ธุรกิจ บริการเพื่อความบันเทิง รวมถึงธุรกิจบริการอีคอมเมิร์ซด้วย
ดังนั้นผู้ประกอบการไทยที่อยากเจาะตลาดสูงอายุจีน ควรใช้กลยุทธ์ทางการตลาดยอดฮิตด้วยการร่วมมือกับ
KOL / KOC ที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการผ่านสื่อโซเชียลมีเดียแดนมังกร
เพื่อสร้างการรับรู้และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุชาวจีนได้มากขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น หากสามารถเสนอโปรโมชันทดลองใช้สินค้าฟรี
หรือส่งสินค้าตัวอย่างให้ทดลองใช้ ก่อนชำระเงินสินค้าจริงก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สามารถดึงดูดความต้องการจากผู้สูงอายุจีนได้ดีเช่นกัน
แหล่งอ้างอิง : กรมกิจการผู้สูงอายุ, ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ กรุงปักกิ่ง, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ เมืองชิงต่าว, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
https://www.163.com/dy/article/GQ3IM9BF0534VBC0.html