ผู้ผลิตมักมองหาวิธีการลดต้นทุนในภาคการผลิตที่ต่ำแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอยู่เสมอ เพราะการที่คุณสามารถผลิตสินค้าในต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด นั่นเท่ากับเป็นโอกาสในการแข่งขันที่ดีกว่า และอีกนัยหนึ่งคือกำไรที่มากกว่า ดังนั้นวิธีหนึ่งที่มักนิยมใช้คือแนวคิดที่เรียกว่า การประหยัดต่อขนาด หรือ Economies of Scale เรามาดูถึงความหมายและวิธีการที่ธุรกิจของคุณได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้กัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
การประหยัดต่อขนาด คือการลดต้นทุนการผลิตโดยการผลิตสินค้าจำนวนมากพอจนได้ต้นทุนที่ต่ำ
หรือจะบอกว่ายิ่งผลิตมากเท่าใดต้นทุนก็จะยิ่งลดน้อยลง กระนั้นการประหยัดต่อขนาดในการผลิตนั้นคือความแตกต่างระหว่างต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร
ต้นทุนคงที่ไม่เพิ่มขึ้นตามขนาดของการดำเนินการผลิตในขณะที่ต้นทุนผันแปรเป็น
ตัวอย่างเช่นผลิตล้อจักยาน
ซึ่งหากสั่ง OEM หรือจะผลิตเองคราวละมากๆ จนทำให้ต้นทุนในการผลิตเฉลี่ยต่อหน่วยต่ำลงได้
อย่างไรก็ตามการที่ธุรกิจสามารถมีผลได้ต่อขนาดเพิ่มขึ้นหรือเกิดการประหยัดต่อขนาดภายในกิจการ
เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุได้แก่
- การประหยัดจากแรงงาน : ธุรกิจสามารถใช้แรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากการที่แรงงานแบ่งงานกันทำเกิดความชำนาญเฉพาะทางขึ้น จึงผลิตผลผลิตได้เพิ่มมากขึ้นทั้งที่จ้างแรงงานจำนวนเท่าเดิม
- การประหยัดจากการลงทุน : ธุรกิจสามารถประหยัดต้นทุนจากการลงทุนได้
คือเสียดอกเบี้ยให้กับค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนได้ลดลงต่อหน่วยการผลิต
- การประหยัดในการจัดซื้อจัดจ้าง : ธุรกิจสามารถประหยัดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยในการดำเนินการซื้อวัตถุดิบ
การว่าจ้างผู้ผลิตชิ้นส่วน เนื่องจากซื้อหรือว่าจ้างในปริมาณมากจึงได้ส่วนลดเพิ่มขึ้น
- การประหยัดด้านการวิจัยและพัฒนา : เนื่องจากส่วนนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
ดังนั้นหากยิ่งมีการผลิตมากขึ้นก็จะทำให้ค่าใช่จ่ายด้านนี้เฉลี่ยต่อหน่วยผลผลิตลดต่ำลงได้ด้วย
- การประหยัดด้านการใช้ทุน : เกิดขึ้นได้จากการสามารถใช้เครื่องมือเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงได้อย่างคุ้มค่า
เพราะมีการผลิตปริมาณมากๆ และลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตได้
- การประหยัดด้านส่งเสริมการขาย : การผลิตครั้งละมากๆ ทำให้ต้นทุนในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ
เกิดการประหยัดต่อหน่วยการผลิตได้
- การประหยัดด้านการขนส่งและการกระจายสินค้า
: เพราะเมื่อมีการผลิตจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนด้านการขนส่งและการกระจายผลผลิตลดลง
เพราะเมื่อมีผลผลิตที่มากขึ้น ต้นทุนในการดำเนินการด้านนี้ย่อมลดลงได้ หรือแม้แต่การเปลี่ยนรูปแบบจากการใช้บริการขนส่งภายนอกมาเป็นดำเนินการขนส่งและกระจายสินค้าเอง
หากจะทำให้สามารถประหยัดต้นทุนลงได้
การประหยัดจากการใช้ประโยชน์ผลผลิตพลอยได้จากกระบวนการผลิต
หรือ By-products ในบางธุรกิจ การผลิตจำนวนมากทำให้มีส่วนที่เหลือจากการผลิตจำนวนมากเพียงพอที่จะนำมาจำหน่ายหรือนำมาสร้างประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามการผลิตครั้งละมากๆ
ไม่ได้มีเฉพาะด้านดี ตัวอย่างเช่น การผลิตมาก นั่นหมายถึงการลงทุนในเงินจำนวนมาก
ผู้ประกอบการต้องประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบในการระบายสินค้าและเก็บเงินลูกค้า
ที่สำคัญการผลิตครั้งหนึ่งจำนวนมากยังหมายถึงการจัดเก็บและการดูแลรักษา
ตรงนี้ต้นทุนด้านคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์ส่วนหลังบ้านย่อมเกิดขึ้นแน่นอน
ผู้ประกอบการต้องลองชั่งนำหนักให้ดีว่าคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งต้องมองที่ออเดอร์และโอกาสในการระบายสินค้าเป็นหลัก เพราะจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของโควิด-19 ที่รอลุ้นว่าการระบาดระลอกสองจะเกิดขึ้นหรือไม่ ดังนั้นการเก็บเงินสดไว้กับตัว หรือที่เรียกกันว่า Cash is King ย่อมดีที่สุด