อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีความได้เปรียบในการเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมของประเทศไทย เป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง พร้อมเส้นทางคมนาคมที่สะดวกและหลากหลาย โดยเฉพาะเส้นทางทางน้ำมีท่าเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งถูกพัฒนาให้เหมาะแก่การขนส่งสินค้าทั้งภายในและต่างประเทศ ในเขตเทศบาลนครแหลมฉบังซึ่งเป็นเทศบาลรูปแบบพิเศษ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ศรีราชา
มีเนื้อที่กว่าหกพันไร่ จัดตั้งขึ้นรองรับการพัฒนาสู่การเป็นเมืองท่าพาณิชย์
ซึ่งจากการจัดอันดับ พบว่าท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือสำคัญอันดับที่ 16 ของโลก
นอกจากนี้มีเส้นทางเชื่อมต่อกับทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 หรือมอเตอร์เวย์
กรุงเทพฯ-ชลบุรี สามารถเดินทางสู่กรุงเทพมหานครเพียง 105 กิโลเมตร
รวมถึงเส้นทางทางอากาศอยู่ใกล้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาเพียง 68 กิโลเมตร
หรือจะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ไม่ไกลนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ที่ผ่านมา ศรีราชา ถูกนำไปผนวกกับพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(EEC) โดยพยายามผลักดันตามแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศยุคอุตสาหกรรม
4.0 มีจุดมุ่งหมายพัฒนาตลาดและฐานการผลิตของไทย สู่การกระจายสินค้า การบริการ
รวมถึงการลงทุน และแรงงานได้อย่างเสรี
โดยตั้งเป้าให้เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสต์ติก
และการคมนาคมในระดับภูมิภาค ASEAN สามารถดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรม Super Cluster จากต่างชาติ
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกหนึ่งที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ส่งผลให้เกิดโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมหลายโครงการด้วยกันในแถบภาคตะวันออก
นำร่องใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา
ทั้งนี้จากแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
ส่งผลให้เกิดการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ
ทั้งการพัฒนาคมนาคมระบบรางด้วยรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง
และรถไฟรางคู่สายชายฝั่งทะเลตะวันออก โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
อู่ตะเภา –สุวรรณภูมิ และดอนเมือง
นอกจากนี้ยังก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์
พัทยา-มาบตาพุด พร้อมพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังเฟส 3
เพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสต์ติก ส่วนการคมนาคมทางอากาศ
มีแผนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเพื่อการพาณิชย์เต็มรูปแบบ ซึ่งแผนพัฒนาทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ
คาดว่าจะแล้วเสร็จไล่เรียงกันในปี 2560 – 2568 หากโครงการสำเร็จลุล่วงตามแผน
ศรีราชา จะกลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญยิ่งของภาคตะวันออกของไทย
จากสถิติจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ปี พ.ศ. 2560 จำนวนแรงงานเฉพาะในเขตอำเภอศรีราชา
พบว่ามีจำนวนกว่า 180,000 ราย
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนแรงงานสูงที่สุดในจังหวัดชลบุรี มีโรงงานในศรีราชากว่า 1,300 แห่ง
จากการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้าสู่พื้นที่นี้เอง
ที่ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายราย เริ่มพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ตอบรับดีมานด์ที่มีอยู่ในพื้นที่
โดยเฉพาะกลุ่มดีมานด์ที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ แรงงานผู้เชี่ยวชาญ
ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในบริษัทแม่
ซึ่งมีฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก
โดยจำนวนแรงงานชาวญี่ปุ่นที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย พื้นที่ศรีราชาอยู่ที่ราว 8,000 คน หากรวมจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่ย้ายมาอยู่ด้วย จะอยู่ที่ราว 10,000 – 15,000 คน นับว่าเป็นสถิติที่สูงมาก โดยลักษณะการพำนักนั้นเป็นแบบระยะสั้นและระยะยาว จนที่ผ่านมาศรีราชาถูกขนานนามว่า ‘Little Osaka’ เนื่องจากมีทั้งร้านอาหาร คอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล และโรงเรียนสอนภาษาที่รองรับความต้องการพื้นฐาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ
สำหรับ ศรีราชา ในมุมของ EEC อาจถูกเรียกว่าเมืองหลวงของอุตสาหกรรมใน EEC เพราะสภาพปัจจุบันเป็นศูนย์การลงทุนด้านพาณิชยกรรม
ค้าปลีก โรงแรม ที่อยู่อาศัยแนวตั้ง
และกิจกรรมเศรษฐกิจสนับสนุนหน่วยกระจายสินค้าของแหลมฉบังและการพาณิชยกรรมเพื่อการส่งออกของพื้นที่ภาคตะวันออกอยู่แล้ว
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้นับเป็นฐานทางกายภาพและฐานทางเศรษฐกิจสำคัญ ที่จะทำให้ศรีราชาเป็นศูนย์เศรษฐกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตระดับสูงในอนาคต
ด้วยเหตุนี้จากศักยภาพของศรีราชา ภายใต้การเกิดขึ้นของการลงทุนใน EEC ศรีราชาจะกลายเป็นเมืองที่มีขีดความสามารถในทุกด้าน ดังนั้นสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มที่กำลังมองหาทำเลทองสำหรับทำธุรกิจในชลบุรี
เป็นไปได้ที่จะมองข้าม อ.พนัสนิคม มองข้ามบ้านบึง หรือแม้แต่พัทยา
แต่จะมองข้ามโอกาสในศรีราชาอีกไม่ได้อีกต่อไป
อ้างอิง : สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(สกพอ.)
: DDproperty