ตลาดอินโดนีเซียไม่ได้เพิ่งหอมหวาน
แต่หวานมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จากการเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในอาเซียน
รองจากมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และเป็นคู่ค้าอันดับ 7 ของไทยในโลก
เรื่องราวการส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างไทย-อินโดนีเซีย
จึงเป็นสัมพันธภาพที่ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นมา นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2540
ประเทศไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้าอินโดนีเซียเป็นส่วนใหญ่ โดยในปี 2562
ไทยและอินโดนีเซียมีมูลค่าการค้ารวม 16,330 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไทยส่งออกไปอินโดนีเซียมูลค่า 9,098 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้ามูลค่า 7,232
ล้านเหรียญสหรัฐ
ประเทศอินโดนีเซียมีจำนวนประชากรกว่า 267
ล้านคน เป็นกลุ่มผู้บริโภคชั้นกลางสูงถึง 50% และ 15%
เป็นประชากรที่มีฐานะดีมีกำลังซื้อสูง ตลาดมีความต้องการสินค้าระดับ high end สินค้าทุน และสินค้าอุปโภคบริโภค
โดยธุรกิจค้าปลีกอินโดนีเซียมีมูลค่าสูงถึง 3.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 11.6
ล้านล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี
ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้ตลาดอินโดนีเซียเป็นที่หมายตาทางการค้าจากนานาประเทศ ก็คืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลก เป็นขนาดใหญ่สุดในภูมิภาคอาเซียน และมีการคาดการณ์ว่าในอีก 31 ปีข้างหน้าหรือในปี 2593 เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากประเทศจีน อินเดีย และสหรัฐอเมริกา
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โอกาสของสินค้าและธุรกิจไทยในตลาดอินโดนีเซีย
ชาวอินโดนีเซียมีความนิยมสินค้าและบริการจากประเทศไทยอยู่แล้ว
ทำให้โอกาสในการส่งสินค้า Made In Thailand ไปขายในตลาดอินโดนีเซียมีโอกาสมาก
ภายใต้การใช้ประโยชน์จากการปลอดภาษีนำเข้าในกรอบข้อตกลงอาเซียน (CEPT/AFTA) โดยกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกไปตลาดอินโดนีเซีย ได้แก่
1. สินค้ากลุ่มผลไม้
เป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง
เช่น ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง ส้มโอ ฝรั่ง ชมพู่ จากรสชาติความอร่อยที่แปลกต่างไปจากผลไม้พื้นเมืองของอินโดนีเซีย
จึงทำให้ตลาดผลไม้มีโอกาสมาในตลาดอินโดนีเซีย
2. สินค้าอาหารทุกประเภท
ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำเร็จรูป
เครื่องปรุงรส อาหารกระป๋อง น้ำผลไม้ ของขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ล้วนมีโอกาสในตลาดอินโดนีเซีย หากแต่ต้องผลิตตามมาตรฐานอาหารฮาลาล
มีตราฮาลาลรับรอง เนื่องจากเป็นประเทศมุสลิม
3. ร้านอาหารไทย
เป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความสนใจจากคนอินโดนีเซีย
ภายใต้การดูแลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ซึ่งมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความใช้บริการร้านอาหารนอกบ้าน
หรือบริการจัดส่งอาหารของคนอินโดนีเซียที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ท่ามกลางการเติบโตของชนชั้นกลางและร่ำรวยที่มีเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
4. ร้านเครื่องดื่มไทย
กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน
โดยเฉพาะเครื่องดื่มประเภท ชาเขียว ชาวเย็น กาแฟเย็น แฟรนไชส์เครื่องดื่มแบรนด์ไทย
กำลังบูมในตลาดอินโดนีเซีย รวมถึงร้านเครื่องดื่มอินโดนีเซีย ที่ใช้วัตถุดิบจากไทยก็ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน
5. สินค้าไทยในตลาดออนไลน์
กำลังมาหลังจากระบบการขนส่งของอินโดนีเซียได้รับการพัฒนาให้สะดวก
และรวดเร็วมากขึ้น ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการจัดส่งถูกลง ซึ่งตลาดอินโดนีเซียเป็นตลาดที่เติบโตเร็วและใหญ่สุดในภูมิภาค
ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2565 จะมีผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียใช้ตลาดค้าปลีกออนไลน์
รวม 43.9 ล้านคนหรือเติบโตเท่ากับ 8 เท่าจากปี 2560 จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเข้าถึงสื่อออนไลน์ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
6. บริการด้านโลจิสติกส์
ด้วยประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศหมู่เกาะที่มีขนาดใหญ่
การกระจายสินค้า และขนส่งด้านโลจิสติกส์ จึงยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้สินค้ามีต้นทุนด้านการจัดการขนส่งมากขึ้น
และสินค้าเข้าถึงผู้คนได้น้อยหรือช้าลง และเพื่อเป็นการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของประเทศ
รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกแพคเกจนโยบายฉบับใหม่ฉบับที่ 15 โดยมีสาระสำคัญในการเปิดโอกาสทางธุรกิจของบริษัทโลจิสติกส์
และความสามารถในการแข่งขัน โดยลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ ลดต้นทุนการดำเนินงาน และจำนวนสินค้าที่ถูกกักที่ท่าเรือลง
ซึ่งในอนาคตมาตรการดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ทั้งหมด
รวมถึงช่วยในการพัฒนาบริษัทในประเทศ
และปรับปรุงบรรยากาศในการลงทุนให้มีการลงทุนมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่านโยบายการลงทุนของอินโดนีเซียจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนได้
100% ในเกือบทุกธุรกิจ ทุกพื้นที่ และรัฐบาลส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
แต่การจะเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซียจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลในเชิงลึกประกอบการลงทุน
เนื่องจากกฎหมายและกฎระเบียบบางอย่างของอินโดนีเซียไม่มีความชัดเจนโปร่งใส มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
ระบบราชการมีกระบวนการซับซ้อน และระบบโครงสร้างพื้นฐานยังไม่สมบูรณ์
อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีพื้นที่เป็นหมู่เกาะมากถึง
17,000 เกาะ บนความหลากหลายของชาติพันธุ์ การเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซียจึงจำเป็นต้องเข้าใจข้อกำหนด
กฎระเบียบ วิธีการ และความแตกต่างของประชากรและวัฒนธรรมด้วย จึงจะคว้าโอกาสอันหอมหวานในตลาดที่ใหญ่สุดในอาเซียน
ที่กำลังขยายตัวต่อเนื่องแห่งนี้ได้.
แหล่งอ้างอิง
http://www.thaibizindonesia.com/