ปัจจุบันผู้บริโภคญี่ปุ่นมีความใส่ใจในสุขภาพและความปลอดภัยกันมากยิ่งขึ้น
พร้อมกับกระแส ECO /Ecology หรือนิเวศวิทยา
และ LOHAS (Lifestyles of Health & Sustainability) จึงมีความสนใจและความต้องการสินค้าประเภทออร์แกนิค
และการใช้ชีวิตด้วยสินค้าออร์แกนิค ( Organic Life Style) เพิ่มมากขึ้น
ตั้งแต่สินค้าอาหาร เสื้อผ้า ข้าวของ เครื่องใช้ รวมไปถึงสินค้าเครื่องสําอางด้วย
ตลาดสินค้าเครื่องสําอางออร์แกนิค และเครื่องสําอางธรรมชาติในญี่ปุ่น
จากสถิติล่าสุดที่ได้มีการสํารวจโดยบริษัท Yano Research
Institute เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 ในปี
2017 มูลค่าตลาดสินค้าเครื่องสําอางออร์แกนิค และเครื่องสําอางธรรมชาติ
1.29 แสนล้านเยน (ประมาณ 3.87 หมื่นล้านบาท)
โดยมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นกว่าร้อยละ 5 ในทุกปี
ซึ่งจะเห็นได้ว่าบริเวณจําหน่ายเครื่องสําอางในห้างสรรพสินค้าแทบทุกแห่งในญี่ปุ่น จะมีมุมเครื่องสําอางออร์แกนิคหรือเครื่องสําอางธรรมชาติ นอกจากนั้นยังมีการจัดสัมมนา งานแสดง/จําหน่ายสินค้า เครื่องสําอางออร์แกนิคอยู่บ่อยครั้งยิ่งขึ้น โดยเป็นที่คาดกันว่าสินค้าเครื่องสําอางออร์แกนิคจะเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีแนวโน้มความต้องการของตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นในอนาคต
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เครื่องสำอางออร์แกนิค – เครื่องสำอางธรรมชาติ ต่างกันอย่างไร
เครื่องสําอางออร์แกนิค (Organic Cosmetics) หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “organic-cosme”
หมายถึง ผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่มีส่วนผสมซึ่งได้จากวัตถุดิบที่เป็นอินทรีย์
หรือออร์แกนิค โดยในกระบวนการทุก ขั้นตอนตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงการการผลิตจะต้องปราศจากการใช้สารเคมีโดยสิ้นเชิง
ในขณะที่เครื่องสําอางธรรมชาติ (Natural Cosmetics) เป็นเครื่องสําอางที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ
ซึ่งอาจไม่ใช่ออร์แกนิคก็ได้ แต่ปัจจุบันเนื่องจากภายในญี่ปุ่น
วัตถุดิบอินทรีย์หรือออร์แกนิคยังมีไม่มาก
การผลิตสินค้าเครื่องสําอางออร์แกนิคยังมีข้อจํากัด
เครื่องสําอางธรรมชาติจึงได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในระดับใกล้เคียงกันกับเครื่องสําอางออร์แกนิค
นอกจากนั้นยังมีคําเรียกสินค้าที่คล้ายคลึงกันอื่นๆ
ได้แก่ Botanical Cosmetics หมายถึง เครื่องสําอางที่มีส่วนผสมที่เป็นพืช
โดยเป็นพืชอินทรีย์หรือไม่ก็ตาม และอาจมีส่วนผสมมาจากพืชทั้งหมด 100% หรือมีส่วนผสม หลักบางส่วนที่มาจากพืชก็ได้ ความแตกต่างกับ Natural
Cosmetics คือ Natural Cosmetics อาจมีส่วนผสมที่ไม่ใช่พืช
เช่น น้ำผึ้ง น้ำมันม้า (horse oil) ฯลฯ ก็ได้
สําหรับ Mineral Cosmetics เป็นเครื่องสําอางที่มีส่วนผสมทั้งหมดมาจากแร่ธาตุธรรมชาติ
เช่น Titanium Oxide, Zinc Oxide, Iron Oxide, แร่ไมก้า Mica1
ฯลฯ โดยมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถล้างออกได้เพียงแค่ด้วยสบู่
พัฒนาการของเครื่องสําอางออร์แกนิคในญี่ปุ่น
แต่เดิมเครื่องสําอางที่ผลิตจําหน่ายในญี่ปุ่น
ปกติมีส่วนผสมที่เป็นสารเคมีไม่มากก็น้อย ต่อมาในช่วงประมาณปี 1970 ได้เกิดกรณีที่ผู้บริโภคประสบปัญหาผิวหนังเสีย เนื่องจากสารเคมีในเครื่องสําอาง
ผู้บริโภคจึงเริ่มมี ความต้องการเครื่องสําอางที่ใช้สารเคมีน้อยหรือปราศจากสารเคมี
ในปี 1980 รัฐบาลญี่ปุ่นได้กําหนดให้สินค้าที่มีส่วนผสม 102
ประเภท ซึ่งอาจก่อให้เกิดภูมิแพ้จะต้องมีการระบุบนฉลาก
แต่ส่วนผสมอื่นๆ นอกเหนือจากนั้นไม่จําเป็นต้องระบุ
ในปี1998
ได้เริ่มมีสินค้าที่เรียกว่า เครื่องสําอางปราศจากสารเติมแต่ง (Non-additive
cosmetics) ออกจําหน่าย แต่เนื่องจากในกฎหมายของญี่ปุ่นยังไม่มีข้อกําหนดเกี่ยวกับสารเติมแต่งในเครื่องสําอาง
ดังนั้น จึงทําให้เกิดความเข้าใจผิดในกลุ่มผู้บริโภคกับคําเรียกดังกล่าว
เนื่องจากบางสินค้าอาจมีส่วนผสมสังเคราะห์ (synthetic ingredient) อยู่ด้วย และต่อมาในปี 2001 ได้มีกฎหมายกําหนดให้สินค้าประเภทเครื่องสําอางต้องระบุส่วนผสมทั้งหมดที่ใช้
ในปีเดียวกันองค์กร NGO ชื่อ ISISGAIANET ได้ออกจําหน่ายหนังสือเรื่อง “Organic Cosme” ซึ่ง เป็นครั้งแรกที่ได้มีการให้ข้อมูลที่ละเอียดและชัดเจนเกี่ยวกับสินค้าเครื่องสําอางออร์แกนิคแก่ผู้บริโภค จากนั้นจึงเริ่มมีผู้สนใจและต้องการสินค้าเครื่องสําอางออร์แกนิคกันมากขึ้นเรื่อยมา ในปี 2007 ได้มีการก่อตั้งสมาคม เครื่องสําอางออร์แกนิคญี่ปุ่น (Japan Organic Cosmetics Association : JOCA) ซึ่งจัดว่าเป็นองค์กรที่เป็นแกนหลักของอุตสาหกรรมและธุรกิจเครื่องสําอางออร์แกนิคในญี่ปุ่น
มาตรฐานสินค้าเครื่องสําอางออร์แกนิคในญี่ปุ่น
ในปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานร่วมของทุกประเทศสําหรับเครื่องสําอางออร์แกนิค
แต่ละประเทศต่างก็มีการกําหนดมาตรฐานของตนเอง ในโซนยุโรป ได้แก่ ECOCERT ของฝรั่งเศส BDIH ของเยอรมัน และมาตรฐานร่วมของยุโรป คือ COSMOS และ NATRUE ในขณะที่สหรัฐฯ
มีมาตรฐาน USDA Organic สําหรับในญี่ปุ่นแม้ว่ายังไม่มีมาตรฐานที่กําหนดตามกฎหมาย
แต่มีมาตรฐานที่กําหนดโดยสมาคมเครื่องสําอางออร์แกนิคญี่ปุ่น (JOCA)
ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรอิสระภาคเอกชนของญี่ปุ่น ที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมเครื่องสําอางออร์แกนิคและเครื่องสําอางธรรมชาติ
ปัจจุบันมีสินค้าที่ได้รับเครื่องหมายรับรอง JOCA แล้ว 37
บริษัท (ณ มิถุนายน 2019)
ตามมาตรฐาน Standards for JOCA Recommended Products ได้มีการกําหนดเกณฑ์สําหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็น
“เครื่องสําอางออร์แกนิค” 7 ไว้ดังนี้
- จะต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือส่วนผสมที่สกัดจากน้ำมัน
- ส่วนผสมที่ใช้ควรต้องสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
(Biodegradable) และต้องไม่ส่งผลต่อความสมดุลของระบบนิเวศ
(ecological balance) เช่น พืช ดิน แร่ธาตุ
- ต้องไม่ใช้ส่วนผสมที่สร้างขึ้นใหม่ซึ่งถูกดัดแปรงจากส่วนประกอบดั้งเดิมที่มีในธรรมชาติ
และ หรือไม่เคยมีอยู่ในธรรมชาติ
- พึงประสงค์ให้ใช้พืชที่เติบโตเองในธรรมชาติ
หรือพืชที่ปลูกโดยไม่ใช้ยาฆ่าศัตรูพืชและปุ๋ยเคมีไม่ว่าจะมี ใบรับรองหรือไม่ก็ตาม
- ไม่ใช้ส่วนผสมซึ่งโครงสร้างดั้งเดิมถูกทําให้ย่อยสลายโดยใช้แรงดัน
และ หรืออุณหภูมิสูง รวมทั้งส่วนผสมสังเคราะห์ที่ไม่ได้มีในธรรมชาติ
แม้ว่าจะสกัดได้จากพืชก็ตาม
- สินค้าที่ผลิตขึ้นขั้นสุดท้ายจะต้องผลิตจากส่วนผสมตามธรรมชาติ
100% เท่านั้น
- การละลายให้เข้ากับน้ำ (Emulsification) จะต้องทําโดยอาศัยส่วนผสมตามธรรมชาติเท่านั้น
โดยต้องไม่ใช้สาร ลดแรงดึงผิวสังเคราะห์ (Synthetic surfactant)
- สารทําความสะอาด (Cleaning agent) จะต้องผลิตโดยใช้ส่วนผสมตามธรรมชาติเท่านั้น
โดยปราศจากสารลด แรงดึงผิวสังเคราะห์
- จะต้องใช้ส่วนผสมตามธรรมชาติเท่านั้น
โดยปราศจากสารสังเคราะห์ใดๆ ทั้งสิ้น ในการให้คุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค (antiseptic) หรือกันบูดเสีย(preservative property)
- จะต้องใช้วิธีการสกัด ปรุงแต่ง
ฟอกขาว และการสกัดสารสกัดจากพืช (extract)จะต้องไม่ใช้ตัวทําละลาย สังเคราะห์ (Synthetic solvent)
- ตัวทําละลายที่ใช้ในการสกัดสารสกัดจากพืช
จะต้องผลิตจากส่วนผสมตามธรรมชาติ เช่น น้ำ น้ำมันพืช กลีเซอรีน (glycerin) หรือ fermented brew ethanol) ห้ามไม่ให้ใช้น้ำมัน และ หรือส่วนผสมที่ได้จากน้ำมัน (BG)
- จะต้องไม่พบส่วนผสมหลงเหลือ (Carryover ingredients) ในสารสกัดจากพืช ยกเว้นหากเป็นสารธรรมชาติโดย
สมบูรณ์
ทั้งนี้คำว่า “ส่วนผสมตามธรรมชาติ
หรือ Natural ingredients” สําหรับเครื่องสําอาง
หมายถึงส่วนผสมที่ ปลอดภัยและบริสุทธิ์ ดังนั้นจะต้องปราศจากสารใดๆ ที่เป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์
เช่น Aconite ฯลฯ นอกจากนั้นจะต้องไม่ใช่เพียงแต่ผลิตจากพืชวัตถุดิบธรรมชาติ
แต่จะต้องคํานึงไปถึงโครงสร้างโมเลกุลดั้งเดิมของส่วนผสมนั้น ว่าจะต้องไม่ถูกทําลายไปโดยกระบวนการจัดการทางเคมี
และห้ามการใช้ส่วนผสมต่อไปนี้ เนื่องจากได้มาจากการฆ่าสัตว์เพื่อเอาจากกระดูกสันหลัง เช่น น้ำมันปลาวาฬ (whale oil), น้ำมันม้า (horse oil), กรดไฮยาลูนิค (hyaluronic acid) ที่ได้จากหงอนไก่ (Rooster combs) และน้ำมันตับปลาฉลาม (squalene from sharks) แต่สําหรับ Lanolin ที่ได้จากขนแกะโดยไม่ได้มีการฆ่าสัตว์ อนุญาตให้ใช้ได้ตามมาตรฐานของ EU ว่าด้วยการคุ้มครองดูแลสวัสดิการสัตว์
โอกาสของผู้ส่งออกไทย ตลาดเครื่องสำอางออร์แกนิค/ธรรมชาติ
ตลาดสินค้าเครื่องสําอางออร์แกนิคและเครื่องสําอางธรรมชาติในญี่ปุ่น มีการประมาณว่าจะเป็นตลาดที่ยังคงขยายตัวต่อไปในอนาคต ในขณะที่ไทยมีศักยภาพในการพัฒนาและผลิตสินค้าประเภทนี้ ผู้ผลิตผู้ส่งออกไทยที่มุ่งเป้าส่งออกไปยังญี่ปุ่น ควรต้องศึกษามาตรฐานของเครื่องสําอางออร์แกนิค ซึ่งกําหนดโดย JOCA ดังที่กล่าวข้างต้น ซึ่งแม้ว่าจะ เป็นมาตรฐานที่มิได้บังคับใช้ทางกฎหมายแต่เป็นที่ยอมรับของอุตสาหกรรมดังกล่าวรวมทั้งจากผู้บริโภคในญี่ปุ่น
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
โอกาสเครื่องสำอางไทยเจาะตลาดเมียนมา
ตลาดเครื่องสำอางอินโดนีเซียโตสวนกระแส