สงครามความงาม! เมื่อร้านมัลติแบรนด์รุ่นเล็กท้าชิงข้ามรุ่น
จากการสำรวจของ
Ecommerce IQ ในปี 2018 พบว่าขณะนี้ผู้บริโภคนิยมซื้อเครื่องสำอางผ่านช่องทางค้าปลีกมากกว่าออนไลน์
เหตุผลหลักเพราะออนไลน์จับต้องหรือทดลองใช้สินค้าไม่ได้ (35.8%) กลัวโดนหลอก
(22.6%) และชอบซื้อของในร้านมากกว่า (20.1%) สอดคล้องกับการเติบโตของร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ซึ่งสะท้อนจากรายได้ที่พุ่งต่อเนื่อง
ส่งผลให้เกมการแข่งขันในตลาดค้าปลีกเครื่องสำอางดุเดือดขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าในช่องทางออฟไลน์หรือออนไลน์ ที่แม้จะยังมีสัดส่วนการขายน้อยแต่เล็งเห็นได้ถึงความสำคัญ โดยเฉพาะกับผู้บริโภคยุคใหม่ การปรับรูปเกมการตลาดของ ‘วัตสัน’ แบรนด์ที่ปักหลักมานานและ ‘อีฟแอนด์บอย’ แบรนด์ใหม่ที่มาแรงใขขณะนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
12 ปีทำกำไรเฉียด 600 ล้าน
ในปี
2561 อีฟแอนด์บอยร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์สัญชาติไทยมีรายได้ 2,846 ล้านบาท มีกำไร 581 ล้านบาทจากปี
2560 ซึ่งมีกำไร 156 ล้านบาทแล้วคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง
370% และเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่เข้าสู่ตลาดคือ 8 ปีถือว่าเป็นความสำเร็จที่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้เพราะความกล้าที่จะวางยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ
เพื่อให้เจาะเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน
ยุทธศาสตร์หลักคือ
“ราคา” โดยตั้งราคาขายต่ำกว่าช่องทางขายเครื่องสำอางอื่นๆ เนื่องจากกำหนดกำไรที่ 15% ขณะที่เคาน์เตอร์แบรนด์กำหนดอัตรากำไรที่ 30% ขณะเดียวกันเลือกที่จะสร้างปริมาณ (Volume) ในการขายให้ได้มาก
เพื่อชดเชยกับการทำกำไรต่อหน่วยได้ต่ำ ซึ่งกลยุทธ์นี้ทำให้อีฟแอนด์บอยเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายระดับกลางได้ง่าย
รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีกำไรซื้อสูง แต่ต้องการความคุ้มค่าหรือเพื่อที่จะซื้อเครื่องสำอางตามต้องการได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ความต้องการใช้เครื่องสำอางยุคนี้
มีความซับซ้อนขึ้นและต้องใช้ไอเทมต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นครีม เมคอัพ ที่ต้องผสมผสานหลายขั้นตอน
อีฟแอนด์บอย จึงตอบโจทย์นี้ด้วยสินค้ากว่า 1,000
แบรนด์ตั้งแต่ Mass Brand จนถึง Prestige Brand และมีวาไรตี้สินค้าตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า นอกจากนี้ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อซึ่งอาจไม่แน่ใจในสินค้าว่า
“จริงหรือปลอม” ด้วยการให้แบรนด์ติดต่อกับผู้ซื้อโดยตรง เพื่อยืนยันรวมถึงการร่วมกับแบรนด์เพื่อเปิด
Shop in Shop สร้างมั่นใจ
ขณะที่ช่องทางขายเป็นอีกกลไกที่ทำให้อีฟแอนด์บอยโดยขณะนี้มี 11 สาขา ความโดดเด่นแต่ละสาขามีพื้นที่กว้างขวางมาก เช่น สาขาสยามสแควร์ วัน มีพื้นที่กว่า1,500 ตร.ม. หรือแฟชั่นไอร์แลนด์มีพื้นที่ 1,000 ตร.ม. เป็นต้น
จับตาอีฟแอนด์บอย
ปรับเกมรุก
กว่า
10 ปีในธุรกิจร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์แม้ว่าจะจะประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีสะท้อนจากฐานลูกค้าสะสมราว
2 ล้านคนและเป็นกลุ่มที่มีการแอคทีฟถึง 1 ล้านคน อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วมาก
แบรนด์ในตลาดก็เปลี่ยน บริบทของสังคมเปลี่ยน
ความสำเร็จที่ผ่านมาจึงไม่อาจการันตีถึงความยั่งยืนทางธุรกิจได้
เช่นกลยุทธ์ราคาที่ทำให้อีฟแอนด์บอยแข็งแกร่งมาถึงขณะนี้ แต่ก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จของอนาคต
เพราะความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน มุ่งไปที่การหาอะไรที่เหมาะกับตัวเองและดีที่สุด
แพงแค่ไหนก็พร้อมจ่าย ตรงนี้มีผลต่อการปรับยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญของอีฟแอนด์บอย
นอกจากนี้ได้เลือกที่จะปรับโฟกัสด้านการขยายสาขา
โดยวางแผนช่วงปี 2563-2565 อีฟแอนด์บอยต้องเปิดสาขาใหม่ให้ครบ
11 แห่ง ซึ่งเมื่อเทียบกับ 15 ปีที่ผ่านมามีการจำนวนสาขารวม
11 แห่ง แต่ 3
ปีจากนี้ต้องมีสาขาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว
ขณะเดียวกันจะมุ่งไปที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้มากขึ้น
เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยหลายๆ ประการ อาทิ 5 G หรือความคุ้นและเชื่อมั่นในอีฟแอนด์บอยที่มีมากขึ้น
และพร้อมจะใช้บริการผ่านช่องทางที่สะดวกมากขึ้น จากเวบไซต์ ไลน์ และเฟซบุ๊ก ซึ่งมีการติดตาม1.4
ล้านคน ไอจียอดติดตาม 8.7 แสนคนและทวิตเตอร์
และขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะเปิดจำหน่ายในอีคอมเมิร์ซ มาร์เก็ตเพลสในปีนี้ รวมทั้ง “แอปพลิเคชั่น” เครื่องมือทางการตลาดชิ้นสำคัญที่สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ 24 ชั่วโมง
วัตสันรายได้พุ่งแตะระดับ
16,000 ล้าน
วัตสันเป็นแบรนด์แรกในตลาดค้าปลีกประเภทความงามและสุขภาพ
เริ่มเปิดสาขาแรกในปี 2539 สำหรับซิกเนเจอร์ของวัตสันกว่า
2 ทศวรรษที่ผ่านมา คือร้านเครื่องสำอางและเวชภัณฑ์ขนาดเล็กพื้นที่ราว
250 ตร.ม. จัดเรียงสินค้าเต็มพื้นที่โดยส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ระดับกลาง
ราคาไม่สูง
ปัจจุบันมีสินค้าถึง
5,000 SKU ซึ่งจะมี Own Brand ถึง
700 - 800 SKU ซึ่งจะขายเฉพาะที่วัตสันจะสลับปรับเปลี่ยนตลอด
เพื่อสร้างความแตกต่างและช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อที่วัตสัน รวมถึงการใช้แคมเปญราคา
เช่น โปรโมชั่น 1 แถม 1หรือชิ้นที่สอง 1
บาทซึ่งยังมีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นแรงซื้อ
ปัจจุบันวัตสันมีสาขา
560 แห่งมากที่สุดในตลาดร้านค้าปลีกความงาม กลยุทธ์ต่างๆ
เหล่านี้ทำให้รายได้ของวัตสันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีรายได้รวมกว่า 16,190 ล้านบาทจากปี 2560 มีรายได้รวม14,667 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามวัตสันให้ความสำคัญอย่างมากกับการปรับกลยุทธ์การทำการตลาด
เพื่อให้ทันกับกระแสดิจิทัลดิสรัปต์ ซึ่งมีผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างช่องทางวัตสันออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
ขณะเดียวกันสาขายังมีความจำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนอีกไม่ต่ำกว่า 50 สาขา ทั้งนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ O+O (Online + Offline) ที่ต้องเชื่อมช่องทางหน้าร้านและออนไลน์ได้แบบไร้รอยต่อ
เปิดประสบการณ์
ดิจิตอล
ในปีที่ผ่านมาวัตสันได้นำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ
ให้กับผู้ซื้อมากขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าที่ตรงกับความต้องการมากขึ้นและในเวลาที่เร็วขึ้น
ที่สำคัญคือได้ความสนุกเริ่มจากการนำแนวคิด “เจนเนอเรชั่นที่ 8 หรือ G8 เข้ามาให้บริการ ซึ่งจะทำให้การเลือกซื้อเครื่องสำอางสะดวกและง่ายขึ้น
ด้วยเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ที่ผู้ซื้อสามารถทดลองสีและนำเครื่องสำอางมาใช้บนใบหน้าได้
เสมือนจริงผ่านจอทัชสกรีนในบริการที่เรียกว่า Style Me
รวมถึง Try Me ที่จะเป็นมุมสินค้า ซึ่งติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อทำให้โฆษณาที่ปรากฏบนจอตรงกับสินค้าที่ลูกค้ากำลังเลือกหยิบ
และพื้นที่ Makeup Station ให้ทดลองสินค้าตัวอย่างพร้อมกระจก
ไฟ เก้าอี้ และอุปกรณ์เช็ดทำความสะอาด ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะทำให้การตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ลดเวลาการเลือกซื้อสินค้าลงมีโอกาสซื้อสูงขึ้น โดย G8
จะให้บริการระยะแรก 3 สาขาคือ สยามสแควร์ ไอคอนสยาม และเดอะ
มอลล์ บางกะปิ
เทรนด์การให้บริการที่ต้องตอบโจทย์ให้ลึกมากขึ้นอย่าง
G 8 จะมีผลให้วัตสันมีแนวโน้มต้องใช้พื้นที่ของร้านมากขึ้น
จากปกติเฉลี่ย 250 ตร.ม. ต่อสาขา จากนี้ต้องการพื้นที่ 400-500 ตร.ม.ต่อสาขา ซึ่งจะเลือกเจาะเฉพาะเป็นรายทำเลที่มีศักยภาพ
ล่าสุดวัตสันได้ร่วมกับลอรีอัล ให้บริการทดลองหน้าบนแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ Watson ด้วยผลิตภัณฑ์กว่า 300 รายการ อาทิเช่น ลิปสติก มาสคารา อายแชโดว์ ที่แต่งสีคิ้ว และรองพื้น โดยสามารถลองแต่งหน้าได้ตามที่ต้องการ โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้แต่งหน้าแต่ละแบบ สามารถจัดส่งถึงบ้านได้หรือจะเลือกซื้อได้จากร้านวัตสันสาขาใกล้บ้าน