เจาะตลาดสินค้าออร์แกนิคในสหรัฐฯ

SME Go Inter
31/10/2019
รับชมแล้วทั้งหมด 4469 คน
เจาะตลาดสินค้าออร์แกนิคในสหรัฐฯ
banner

อาหารออร์เเกนิค (Organic Food) ในสหรัฐฯ เป็นตลาดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง สมาคมการค้าสินค้าออร์แกนิค (Organic Trade Association) ได้รายงานว่า ในปี 2561 ยอดจำหน่ายสินค้าออร์แกนิคมีมูลค่ารวม 52.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึง 6.3% และยอดขายได้เพิ่มขึ้นทุกปีตั้งเเต่ปี 2543 ที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (U.S. Department of Agriculture: USDA) ได้เริ่มออกมาตราฐานการผลิตอาหารออร์เเกนิค

จากผลสำรวจของสมาคมการค้าสินค้าออร์แกนิคเกี่ยวกับพฤติกรรมและทัศนคติของชาวอเมริกันต่อการบริโภคสินค้าออร์แกนิค ในปี 2560 ยังพบว่า กลุ่มลูกค้าหลักของสินค้าออร์แกนิคคือกลุ่มวัยรุ่นในศตวรรษที่ 21 หรือกลุ่มผู้บริโภคมิลเลียนเนียล (Millennials) และในการสำรวจเดียวกันยังพบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคสินค้าออร์แกนิคกับการเลี้ยงดูบุตรที่พ่อแม่สมัยใหม่นั้นนิยมเลือกสินค้าที่ปลอดการใช้สารเคมี ฮอร์โมน หรือยาฎิชีวนะ ให้กับลูกและครอบครัว 

โดยกลุ่มมิลเลียนเนียลกำลังจะเป็นกลุ่มที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และในอีก10-15 ปีข้างหน้า 80% ของกลุ่มมิลเลียนเนียลเป็นพ่อหรือแม่ นั้นหมายความว่าตลาดสินค้าออร์แกนิคอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงและจะเติบโตอย่างมาก

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 


ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวอเมริกันเชื่อถือในสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์ USDA Organic เพราะคือตราที่บอกว่าสินค้าผ่านการรับรองจากหน่วยงานของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ และเป็นตราสัญลักษณ์เดียวที่บ่งบอกว่าสินค้านั้นไม่มีการดัดแปลงพันธุกรรม (non-GMO) ไม่มียาฆ่าแมลง การย้อมสี หรือการใช้สารกันบูด

จากผลสำรวจผู้บริโภค 39% ของชาวอเมริกันกล่าวว่า อาหารที่ทานในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นอาหารออร์เเกนิค ในขณะที่ 61% ระบุว่าทานอาหารออร์เเกนิคบ้างเป็นบางครั้ง ในรายงานจาก Pew Research Center ระบุว่าผู้บริโภคอาหารออร์เเกนิคส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูงขึ้นไป เนื่องจากชาวอเมริกันหันมาใส่ใจด้านอาหารการกินโดยเฉพาะอาหารที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีใด ๆทั้งสิ้น นักธุรกิจเเละนักลงทุนจึงหันมาทำธุรกิจเชิงอาหารเพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น

โดย 6 % ของอาหารที่ขายทั้งหมดในสหรัฐฯ เป็นอาหารออร์แกนิค ตลาดสินค้าอาหารออร์แกนิคที่มีมูลค่าสูงสุด คือผักและผลไม้ มีมูลค่า 17.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 รองลงมาคือนมและผลิตภัณฑ์จากนม  นอกจากนี้ ในด้านเครื่องดื่มออร์แกนิค อย่างเช่น น้ำผลไม้สด นมอัลมอนด์ นมถั่วเหลือง นมมะพร้าว นมข้าว และนมที่ไม่ได้มาจากสัตว์ ก็เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ผลสำรวจของสมาคมการค้าสินค้าออร์แกนิค ยังระบุว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารเด็กแรกเกิดและอาหารเด็กว่าจะต้องซื้อที่เป็นสินค้าออร์แกนิค และยังมองว่ามีความสำคัญมากกว่าการซื้อผักและผลไม้ที่เป็นออร์แกนิคอีกด้วย

สำหรับสินค้าออร์แกนิคจะเข้าตลาดสหรัฐฯ ต้องได้มาตรฐาน USDA organic เท่านั้น  ตามมกฎของ USDA ต้องทำการขอใบรับรองจากผู้ที่สามารถออกใบรับรองให้ได้ตามกฎหมาย  (Certifying agent) เพื่อให้สามารถปิดฉลากอย่างถูกกฎหมายว่าเป็นสินค้าออร์แกนิคได้ โดยการขอประกาศนียบัตรรับรองสินค้าออร์แกนิคตามมาตรฐาน USDA สามารถทำได้ 2 วิธีการ ดังนี้

 

1.  การขอมาตรฐานของ USDA

ผู้ประกอบการจะต้องขอใบรับรองจากหน่วยงานที่ได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก USDA ให้เป็นตัวแทนในการตรวจสอบและออกใบรับรองตามมาตรฐานของ USDA  ซึ่งหน่วยงานที่สามารถให้การตรวจสอบรับรองสินค้าจากไทย ณ ปัจจุบัน ได้แก่

หน่วยตรวจรับรองที่อยู่ในประเทศไทย

BAC (BioAgriCert)

CERES (Certification of Environmental Standards)

CUC (Control Union Certifications)

OMIC (Overseas Merchandise Inspection Co.,Ltd)

 

หน่วยตรวจรับรองจากต่างประเทศที่สามารถดำเนินการในประเทศไทย

ACO (Australian Certified Organic)

ECO (Ecocert Cert S.A.) / IMO (Institutee for Marketecology)

ONE (OneCert, Inc.)

BCS (Kiwa BCS Oko-Garantie GmbH)

 

2.  การขอตามมาตรฐานระดับนานาชาติ

USDA ได้ทำข้อตกลงความเทียบเท่าด้านอินทรีย์ (Organic equivalency) ไว้กับบางประเทศ เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มการเข้าถึงตลาดสินค้าออร์แกนิคทั่วโลก โดยในข้อตกลงระบุไว้ว่า สินค้าออร์แกนิคที่ได้รับการรับรองจากประเทศหนึ่งสามารถนำไปขายในอีกประเทศหนึ่งในฐานะสินค้าออร์แกนิคได้เช่นกัน ในปัจจุบัน USDA รับรองความเทียบเท่าด้านออร์แกนิคกับของแคนาดา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสวิสเซอร์แลนด์

ไทยยังไม่ได้ทำข้อตกลงความเทียบเท่าด้านอินทรีย์กับสหรัฐฯ โดยตรง แต่สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท) ของไทยได้ทำข้อตกลงความเทียบเท่าด้านอินทรีย์กับแคนาดาเอาไว้ ผู้ประกอบการที่สนใจจะนำเข้าสินค้าสู่ตลาดออร์แกนิคสหรัฐฯ จึงสามารถใช้ช่องทางการได้รับการรับรองโดยแคนาดา เพื่อให้ได้การรับรองโดย USDA ของสหรัฐฯ โดยไม่ต้องมีการตรวจประเมินเพิ่ม ยกเว้นในกรณีของผลผลิตจากสัตว์เกษตรอินทรีย์ที่จะต้องมีการตรวจเรื่องการใช้ยาปฏิชีวนะเพิ่ม


กฎระเบียบการนำเข้าสินค้าออร์แกนิค

นอกเหนือจากตรามาตรฐาน USDA Organic แล้ว กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ บริหารจัดการสินค้าออร์แกนิคในตลาดสหรัฐฯ ภายใต้ National Organic Program (NOP) NOP กำหนดกฎระเบียบและมาตรฐานปฏิบัติสำหรับสินค้าออร์แกนิคที่ขายในสหรัฐฯ สินค้าที่จัดเป็นออร์แกนิคต้องเป็นสินค้าไม่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมหรือฆ่าเชื้อโรคโดยการฉายรังสี หากเป็นพืชผักก็ต้องปลูกด้วยดินที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยมูลสัตว์ เนื้อสัตว์และไข่ต้องมาจากสัตว์ที่ไม่ใช้ฮอร์โมนช่วยในการเติบโตและไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ยกเว้นการให้อาหารเสริมประเภทวิตามินหรือแร่ธาตุ รวมทั้งต้องได้รับการเลี้ยงดูด้วยอาหารสัตว์ที่เป็นออร์แกนิคด้วย

นอกเหนือจากกฏระเบียบที่ NOP กำหนด การนำสินค้าออร์แกนิคประเภทต่าง ๆ เข้าไปขายในตลาดสหรัฐฯ ยังคงต้องปฏิบัติตามกฏที่เกี่ยวข้องที่หน่วยงานอื่นกำหนดไว้ควบคู่กัน อาทิเช่น ผู้ประกอบการจะต้องทำตามกฎระเบียบของ NOP ว่าด้วยเรื่องมาตรฐานการปิดฉลากสินค้าออร์แกนิค ควบคู่ไปกับระเบียบการทำฉลากหรือบอกส่วนประกอบสินค้าอาหารขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (U.S. Food and Drug Administration: USFDA) หรืออย่างเช่นการนำเข้าเครื่องสำอางออร์แกนิค ก็จะต้องมีกระบวนการผลิตที่เป็นออร์แกนิคตามกฏของ NOP ขณะที่ยังคงต้องสอดคล้องกับระเบียบของ USFDA ควบคู่กันไป

สำหรับผู้สนใจที่จะเปิดตลาดสินค้าออร์แกนิคในสหรัฐฯอเมริกา วิธีที่นิยมทำกันมากที่สุด คือการออกงานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งสามารถพบปะตัวแทนหรือผู้นำเข้าโดยตรง

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดสินค้าออร์แกนิค กฎระเบียบสินค้าออร์แกนิค และการขอใบอนุญาต เพิ่มเติมได้ที่

https://www.thaitradeusa.com/home/wp-content/uploads/2018/03/TTCLA_MarketReport_Organic_Feb2018.pdf

อ้างอิง : สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส 


Vegan – มังสวิรัติ และ Flexitarian ความเหมือนที่แตกต่าง 

กระแสมังสวิรัติและโปรตีนทางเลือกในอเมริกาเหนือ


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ตลาดอาหารวีแกน เทรนด์โลก โตแรง! โอกาสทองของผู้ส่งออกไทย ที่ต้องรีบคว้า

ตลาดอาหารวีแกน เทรนด์โลก โตแรง! โอกาสทองของผู้ส่งออกไทย ที่ต้องรีบคว้า

เทรนด์การรับประทานอาหารแบบเนื้อไร้เนื้อ ยังคงเป็นแนวโน้มการบริโภคที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  จากกระแสการหันมาดูแลสุขภาพ…
pin
6260 | 17/01/2023
ไทย หนึ่งในเป้าหมาย! จีนเล็งลงทุนเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ผู้ประกอบการ SME ปรับตัวไวได้ประโยชน์มหาศาล

ไทย หนึ่งในเป้าหมาย! จีนเล็งลงทุนเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ผู้ประกอบการ SME ปรับตัวไวได้ประโยชน์มหาศาล

ขณะนี้ โลกของเราได้เข้าสู่ยุคระบบเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy : DE) ซึ่งหลอมรวมเทคโนโลยีดิจิทัลให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้คน ส่งผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลได้กลายเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทย…
pin
2016 | 21/12/2022
โอกาสมาแล้ว! ดีมานด์มันสำปะหลังจีนโตแรง เกษตรกรไทยลุยรุกส่งออกแดนมังกร ชิงส่วนแบ่งตลาดก้อนยักษ์

โอกาสมาแล้ว! ดีมานด์มันสำปะหลังจีนโตแรง เกษตรกรไทยลุยรุกส่งออกแดนมังกร ชิงส่วนแบ่งตลาดก้อนยักษ์

อีกหนึ่งโอกาสเกษตรกรไทย! คาดการณ์ความต้องการมันสำปะหลังช่วง 6 เดือนหลังของปี 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดทั้งปีไทยส่งออกกว่า 11 ล้านตัน…
pin
5023 | 23/10/2022
เจาะตลาดสินค้าออร์แกนิคในสหรัฐฯ