ภายหลังจากที่ต้องเผชิญกับปัญหากุ้งตายด่วน (Early Motality Syndrome : EMS) ไทยต้องสูญเสียตำแหน่งแชมป์ส่งออกกุ้งที่ครอบครองมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 2555 ผลพวงจาก EMS ทำให้ผลิตกุ้งไทยที่เคยทำได้ 600,000 ตัน ลดลงไปเกินครึ่ง การฟื้นตัวกลับมาเป็นไปอย่างยากลำบาก ซ้ำการส่งออกยังต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งคู่แข่งที่หันมาเลี้ยงเพิ่ม และปัญหาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่า
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ล่าสุดการส่งออกกุ้งในปี 2562 จากสมาคมกุ้งไทย คาดว่าจะมีปริมาณ 160,000-165,000
ตัน ลดลง 5% จากปีก่อน และมีมูลค่า 50,000-55,000 ล้านบาทลดลง 11% จากปีก่อน ขณะนี้ผ่านมา 10 เดือนแรก
(ม.ค. – ต.ค.) 2562 ไทยส่งออกปริมาณ 135,249 ตัน ลดลง 6% จาก ช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 ที่ส่งออกปริมาณ 143,129 ตัน ด้านมูลค่า 40,185 ล้านบาทลดลง 12%จาก ช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 ที่ส่งออก มูลค่า 45,545 ล้านบาท
แม้ว่าตลาดส่งออกหลักจะยังเป็นสหรัฐฯ ปริมาณ
36,740 ตัน รองลงมาคือ ญี่ปุ่น 32,816 ตัน
และเป็นที่น่าสังเกตว่า ล่าสุด "จีน" ขยับแซงสหภาพยุโรป(อียู)
ขึ้นมาเป็นตลาดอันดับ 3 มีปริมาณ 22,034 ตัน ขณะที่ตลาดอียูถดถอยลงหลังจากไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี (จีเอสพี)
ทำให้กุ้งแช่แข็งและกุ้งแปรรูปต้องเสียภาษีในอัตรา 12% และ 20%
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ
เหตุใดผู้บริโภคจีนซึ่งโดยปกตินิยมรับประทานอาหารทะเลสดมากๆ จึงหันมาบริโภคกุ้ง
ท.พ.สุรพล ประเทืองธรรม
นายกกิตติมศักดิ์ และที่ปรึกษาสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่า
ในส่วนของจีน แม้ว่าจะผลิตได้เองแต่ก็มีอัตราการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าหากคนจีนรับประทานกุ้งเพิ่มคนละ
1 กก.จะต้องการนำเข้ากุ้ง 1.4 ล้านตัน ถ้ารับประทาน 2 กก.ต่อคน จะนำเข้าเพิ่มเป็น 2.8 ล้านตัน
และเป็นที่น่าสังเกตว่า ปัจจุบันเอกวาดอร์ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก
ยังส่งมาขายที่จีนสัดส่วน 60%
ดังนั้นอนาคตกุ้งไทยยังไปได้
เพราะมีการคาดการณ์ว่าความต้องการกุ้งโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 11.5 ล้านตัว ในปี 2030 จากปัจจุบันทั่วโลกผลิตได้ 5.5 ล้านตัน
สำหรับภาพรวมการผลิตและบริโภคกุ้งในตลาดจีนเมื่อปี 2561 ตามข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมือง เซี่ยเหมิน ระบุว่า ในขณะที่ปริมาณการผลิตกุ้งทั่วโลกเพิ่มขึ้น 5 ล้านตัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม อินเดีย เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย และไทยเพิ่มขึ้นหมด แต่ในจำนวนนี้มีประเทศจีนที่อัตราการผลิตเพิ่มขึ้น 26% โดยเฉพาะการผลิตกุ้งขาวในภาคใต้และภาคเหนือ ซึ่งโดยเฉพาะการเลี้ยงกุ้งในภาคเหนือมีความโดดเด่นทางนิเวศวิทยาพื้นที่เลี้ยงจึงเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคใต้ก็มีความเชี่ยวชาญในการเลี้ยงกุ้งมากขึ้น
Cui He ประธานสมาคมด้านการแปรรูปและการตลาดผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของจีน
กล่าวว่า สถานการณ์อุปทานกุ้งขาวในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 2.2
ล้านตันในปี 2561 โดยเพาะเลี้ยงในจีน 1.3 ล้านตัน ปริมาณจับได้ในจีน 0.2 ล้านตัน
และยังมีการนำเข้า 0.65 ล้านตัน
โดยเฉพาะกุ้งขาวแช่แข็งนำเข้าได้เปรียบด้านการแข่งขัน
อย่างไรก็ตามจีนไม่เพียงบริโภคภายใน
แต่ยังได้มีการส่งออกไปอีก 0.16 ล้านตัน
ซึ่งยังน้อยกว่าการนำเข้าถึง 4 เท่า
โดยเป็นการส่งออกเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
ขณะที่ Wang Lei นักวิจัย สถาบันสมุทรศาสตร์สถาบันวิทยาศาสตร์จีน กล่าวว่า ชาวจีนบริโภคกุ้งเพิ่มขึ้น
แต่ปริมาณการผลิตกุ้งในจีนยังไม่แน่นอน ส่งผลให้การขยายตลาดยังมีช่องว่าง
จึงคาดว่าในอนาคตราคากุ้งในจีนจะปรับตัวสูงขึ้น เพราะไม่ต้องเกรงว่าจะไม่มีตลาด
แต่เกรงว่าอุปทานไม่พอ เนื่องจากกำลังผลิตกุ้งจีนยังขยายตัวได้ช้า ทั้งนี้คาดว่าในปี
2564 ปริมาณการผลิตกุ้งขาวทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 5.3 ล้านตัน แต่กุ้งขาวในจีนจะเพิ่มขึ้น 1.5
ล้านตันเท่านั้น ดังนั้นจึงยังต้องนำเข้ากุ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตามองต่อไปว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งของไทยอาจจะได้รับอานิสงค์จากตลาดกุ้งจีนที่กำลังเปิดกว้างในครั้งนี้