คู่มือปฏิรูปกงสีโครงสร้างธุรกิจครอบครัวสู่การเติบโตที่ยั่งยืน [2568]
ถอดสูตรธุรกิจแบบกงสี โครงสร้างบริหารธุรกิจแบบครอบครัวที่หลายคนต้องเผชิญปัญหาในการส่งต่อการบริหารจากรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่ พร้อมความท้าทายที่จะทำอย่างไรในการรักษาธุรกิจครอบครัวให้คงอยู่ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่สามารถทำได้ด้วยการเปลี่ยนจาก 'ธุรกิจของครอบครัว' สู่ 'บริษัทของตระกูล' ที่เติบโตอย่างมืออาชีพ... ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะอัปเกรดระบบ 'กงสี' ของคุณให้พร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคต?
โดยบทความนี้คือ แผนที่นำทางฉบับสมบูรณ์ ที่จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวของคุณ เปลี่ยนผ่านจากระบบกงสีแบบดั้งเดิมสู่ 'กงสี' ที่มีโครงสร้างชัดเจน เป็นธรรม และพร้อมส่งต่อความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น"
ถอดรหัส "กงสี ": ทำความเข้าใจปัญหาและความท้าทายของระบบดั้งเดิม
ปัญหาคลาสสิกที่ธุรกิจครอบครัวต้องเจอ:
ปัญหาสุดคลาสสิกของคนที่รับช่วงต่อธุรกิจที่บ้าน คือ โอกาสและการสื่อสารกับคนรุ่นเก่าที่ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งมาพร้อมกับแนวคิดที่ ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบเดิม และมองว่าสิ่งที่ดำเนินมายังดีอยู่?” พร้อมปัญหาอื่น ๆ ที่พบบ่อย ได้แก่
การบริหารงานไม่เป็นทางการ
ไม่มีผังโครงสร้างองค์กร หน้าที่การทำงานที่ชัดเจน
ไม่มีแผนการสืบทอดตำแหน่งที่ชัดเจน
มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์
นิยามของการปฏิรูปกงสีเพื่อความยั่งยืน คืออะไร?
การปฏิรูปกงสีคือ การเปลี่ยนจากระบบที่พึ่งพา "ความสัมพันธ์ส่วนตัว" ไปสู่ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย "โครงสร้างและกติกาที่เป็นธรรม (Governance)" ซึ่งหมายถึง การจัดสรรเงินกองกลางของครอบครัวในรูปแบบใหม่ ที่ผสานทั้งแนวคิดดั้งเดิมและความเป็นจริงในปัจจุบัน เช่น
การจัดทำธรรมนูญครอบครัว : เพื่อบันทึกข้อตกลงของคนในครอบครัวร่วมกัน
การจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง : เพื่อช่วยแยกส่วนที่ชัดเจนว่าส่วนไหนเป็นของบริษัทฯ หรือส่วนไหนเป็นของกงสี
การดึงมืออาชีพภายนอกเข้ามาบริหารจัดการธุรกิจภายในครอบครัว : เพื่อให้การบริหารเป็นไปอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
3 โมเดลหลักในการจัดโครงสร้าง "กงสี"
โมเดลที่ 1: การจัดทำ "ธรรมนูญครอบครัว" (Family Constitution)
ธรรมนูญครอบครัว คือ บันทึกข้อตกลงร่วมกันของคนในครอบครัว ที่เกี่ยวกับการวางแผนและจัดการเรื่องต่าง ๆ ทั้งครอบครัวและธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์ พันธกิจ สิทธิและหน้าที่ในครอบครัว รวมถึงนโยบายการเข้าทำงานของสมาชิกในธุรกิจครอบครัวที่เหมาะกับธุรกิจครอบครัวทุกขนาดไม่ว่าจะเล็ก กลาง ใหญ่ เพราะเป็นการวางรากฐานเพื่อส่งต่อความยั่งยืน
ข้อดี:
ชัดเจนในการบริหารจัดการธุรกิจและทรัพย์สิน
มีจุดยืนร่วมกันนำไปสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างมีทิศทาง
มีแนวทางในการแก้ปัญหาหากมีความขัดแย้งเกิดขึ้น
ข้อเสีย:
ต้องได้รับความร่วมมือจากสมาชิกทุกคน
ไม่มีผลผูกพันกับกฎหมายอื่นๆ เช่น สัญญาผู้ถือหุ้น พินัยกรรม อาจจะไม่มีผลบังคับใช้กรณีเกิดปัญหาในครอบครัว
โมเดลที่ 2: การจัดตั้ง "บริษัทโฮลดิ้งของครอบครัว" (Family Holding Company)
การจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งของครอบครัว เป็นหนึ่งในคู่มือปฏิรูปกงสีที่ทำขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ถือ “เงินกงสี” ที่เปรียบเสมือนกองทุนของครอบครัว หรือ family funds โดยไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของและมีส่วนที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนที่สมาชิกในครอบครัวแต่ละคนแบ่งกันไปบริหารกันเอง ซึ่งจะเหมาะกับครอบครัวที่มีทรัพย์สินจำนวนมากและต้องการวางแผนการจัดการมรดก
ข้อดี:
จัดการทรัพย์สินได้ง่ายและมีระเบียบมากขึ้น
มีสัดส่วนการถือหุ้นชัดเจนและวางแผนส่งต่อมรดกได้ง่าย
จัดการสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ดีขึ้น
เข้าใจวัฒนธรรมองค์กรและคุณค่าขององค์กรเป็นอย่างดี
ข้อเสีย:
ค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างที่สูง
ขาดความเข้าใจในวัฒนธรรมองค์กร
อาจเกิดความขัดแย้งเรื่องค่านิยม หรือการให้ความสำคัญที่อาจไม่สอดคล้องกัน
อาจเกิดความไม่ไว้วางใจจากสมาชิกอื่นๆ ในครอบครัวหากดำเนินการไม่โปร่งใส
โมเดลที่ 3: การดึง "มืออาชีพภายนอก" เข้ามาบริหาร (Professional Management)
การดึง "มืออาชีพภายนอก" เข้ามาบริหารโครงสร้างกงสี คือ การจ้างบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านเข้ามาบริหารจัดการ หรือรับตำแหน่งแทนคนในครอบครัว ซึ่งเหมาะกับธุรกิจครอบครัวที่ต้องการขยายกิจการ ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญมาบริหารจัดการองค์กร หรือธุรกิจที่สมาชิกในครอบครัวไม่มีทักษะ หรือมีความรู้ไม่เพียงพอ หรืออาจต้องการมุมมอง หรือแนวคิดในการบริหารที่แตกต่าง หลากหลายมากขึ้น
ข้อดี:
มีความรู้มีความเชี่ยวชาญและจัดการธุรกิจได้เป็นระเบียบมากขึ้น
ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว มืออาชีพ บนพื้นฐานของข้อมูล
ลดความขัดแย้งจากการใช้อารมณ์ หรือความสัมพันธ์ส่วนตัวภายใน
เพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตาของลูกค้าและพันธมิตร
ข้อเสีย:
ค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างที่สูง
ขาดความเข้าใจในวัฒนธรรมองค์กร
อาจเกิดความขัดแย้งเรื่องค่านิยม หรือการให้ความสำคัญที่อาจไม่สอดคล้องกัน
อาจเกิดความไม่ไว้วางใจจากสมาชิกอื่นๆ ในครอบครัวหากดำเนินการไม่โปร่งใส
Road Map: 5 ขั้นตอนสู่การปฏิรูปธุรกิจครอบครัว (The Transformation Roadmap)
ขั้นตอนที่ 1: เปิดใจและสร้างฉันทามติในครอบครัว (Family Alignment)
ความท้าทายที่สำคัญ คือ การทำให้ทุกคนเปิดใจ จากความเคยชินนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบนความต่างของแต่ละรุ่นที่อาจจะเริ่มจากการจัดตั้ง "สภาครอบครัว" หรือจัดประชุมร่วมกันเป็นประจำเพื่อสร้างพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนพื้นฐานของการแสดงออกอย่างเปิดเผย ซื่อสัตย์ จริงใจ และให้เกียรติกันและกัน อันจะช่วยเปิดโอกาสในการกำหนดทิศทางร่วมกันอย่างต่อเนื่องและมีเป้าหมาย
ขั้นตอนที่ 2: ประเมินสถานะและโครงสร้างปัจจุบัน (Assess Current Structure)
การประเมินสถานะและโครงสร้างปัจจุบัน โดยใช้ข้อมูลในการแสดงผล เช่น การวิเคราะห์ SWOT การวิเคราะห์ 5C หรือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม PESTLE เป็นตัวเลือกที่ดีในการช่วยประเมินให้ทราบถึงสถานการณ์ของธุรกิจในปัจจุบัน ทั้งทางการเงิน ผลประกอบกิจการ หรือปัจจัยต่าง ๆ ในธุรกิจเพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อนในการปรับปรุงแก้ไข รวมถึงการตรวจสอบโครงสร้างที่จะช่วยให้เห็นภาพการบริหารงานว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ อะไรควรเก็บรักษา อะไรควรปรับปรุงเพื่อช่วยในการวางแผนเส้นทางใหม่เพื่อไปถึงเป้าหมายธุรกิจ
ขั้นตอนที่ 3: ออกแบบโครงสร้างและกติกาใหม่ (Design New Governance)
คู่มือปฏิรูปกงสี คือ การเปลี่ยนโครงสร้างกงสีจากระบบที่พึ่งพาความสัมพันธ์ส่วนตัว ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยโครงสร้างและกติกาใหม่ที่เป็นธรรมซึ่งอาจจะอาศัยโมเดลกงสี เข้ามามีส่วนในการเปลี่ยนแปลง ด้วยการเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแนวคิดการทำงานแบบครอบครัวสู่การทำงานแบบบริษัทฯ ที่ไม่ลบความเชื่อแบบเดิม แต่จัดการใหม่ให้มืออาชีพมากขึ้นด้วยตัวโครงสร้างที่อาจจะพิจารณาความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน การแบ่งแผนก การมอบหมายงาน การควบคุมงานและสายบังคับบัญชาที่มีบทบาทและหน้าที่ชัดเจน เป็นระบบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ลดความขัดแย้ง สร้างความสามัคคี และต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
ขั้นตอนที่ 4: สื่อสารและนำไปปฏิบัติ (Communicate & Implement)
เมื่อมีการออกแบบโครงสร้างและมีกติกาที่ชัดแล้ว ต้องสื่อสารออกไปให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวทราบอย่างเปิดเผยตรงไปมา ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบนโยบาย พันธกิจ วิสัยทัศน์ โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ที่มีการกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน เพื่อให้ทุกคนนำไปปฏิบัติตามได้และยังเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมเสนอและตัดสินใจเรื่องที่สำคัญ โดยใช้การประชุมกรรมการ ผู้ถือหุ้น หรือสภาครอบครัว เพื่อลดช่องว่างประเด็นที่อ่อนไหวและหลังการประชุมทุกครั้งต้องเปิดเผยข้อมูลผลการหารือ มติที่ประชุมและจัดทำเอกสารรายงานการประชุมที่เป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน
ขั้นตอนที่ 5: ทบทวนและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ (Review & Adapt)
การรายงานผล การทบทวนและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ เป็นกระบวนการที่ธุรกิจครอบครัวสามารถนำมาปรับใช้ได้ โดยต้องมีการประเมินผลตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น ทุกสัปดาห์ ทุกไตรมาส เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ตกลงกันในที่ประชุม สภาครอบครัวนั้นมีความเหมาะสม ทันสมัย มีประสิทธิภาพ
Case Study: ตัวอย่างธุรกิจครอบครัวไทยที่ปฏิรูปสู่ความสำเร็จ
อาณาจักรเซ็นทรัลกรุ๊ป ตระกูล ‘จิราธิวัฒน์’ ต้นแบบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจภายใต้ธรรมนูญครอบครัว
‘จิราธิวัฒน์’ จากจุดเริ่มต้นธุรกิจนำเข้าแมกกาซีนจากต่างประเทศ สู่การขยายทำเทรดดิ้งสินค้า จนกลายมาเป็นอาณาจักรเซ็นทรัลกรุ๊ปที่ยังแตกแขนงธุรกิจอื่น ๆ อีกหลากหลายและเป็นหนึ่งในต้นแบบของการปฏิรูปการทำงานแบบระบบกงสี เพราะตอนนี้ในรุ่นที่ 3 มีสมาชิกครอบครัวรวมกันมากถึง 200 คน หากเปรียบก็คงเสมือนหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่ต้องการวางระบบธุรกิจครอบครัวอย่างมีแบบแผน
ผ่าน “ธรรมนูญครอบครัว” ด้วย 3 แนวคิดสำคัญ ได้แก่ การแบ่งธุรกิจและครอบครัวออกจากกัน จัดตั้งระบบคณะกรรมการในการสื่อสารช่วยตัดสินใจและลดความขัดแย้งระหว่างกันภายในครอบครัว พร้อมกติกาครอบครัวชัดเจน ซึ่งจะละเมิดมิได้ หากมีสมาชิกคนใดฝ่าฝืนกฏที่ตั้งไว้ก็จะบทลงโทษเพื่อรักษาสมดุลระหว่าง ธุรกิจ กับ ความสัมพันธ์ในครอบครัว โดยใช้เหตุผล กฎกติกามากำกับและยังมีการประเมินผลตลอดเวลา
‘Hermès’ แบรนด์หรูที่เกือบสูญเสียอำนาจตระกูลให้ LVMH ที่กลับมายืนอย่างสง่าด้วยบริษัทโฮลดิ้ง 51
กรณีศึกษาจากแบรนด์หรูระดับโลก Hermès กับการเกือบสูญเสียอำนาจควบคุมธุรกิจของตระกูลให้กับ LVMH ที่เข้ามาซื้อหุ้น Hermès จากบริษัทลูกและสถาบันต่าง ๆ มานานหลายปีจนได้สัดส่วนหุ้นสูงถึง 23% ซึ่งทำให้สัดส่วนหุ้นของตระกูล Hermès ที่มีในแต่ละบุคคลของครอบครัวลดลง
นำไปสู่การระดมความคิด รวมพลังคนในตระกูลในการหาแนวทางที่จะยังคงดำเนินกิจการของครอบครัวต่อไปได้โดยไม่ให้ตกไปอยู่ในอำนาจของคนอื่น ด้วยการปฏิรูประบบกงสีที่แยกกันถือหุ้น สู่การรวมอำนาจไว้ที่ศูนย์กลางด้วยกงสี ผ่านมติในการก่อตั้งบริษัทโฮลดิ้ง H51 ที่เปรียบเสมือนกองทุนของครอบครัวซึ่งรวมกันได้ถึง 50.2% เกินครึ่งของหุ้นทั้งหมดเพียงเล็กน้อย แต่อำนาจในการตัดสินใจก็ยังเป็นของตระกูล
พร้อมการทำสัญญาร่วมกันว่าจะไม่ขายหุ้น Hermès เป็นเวลา 20 ปี (พ.ศ.2574) ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีของตระกูลที่ทุกคนยังคงมองเห็นประโยชน์ส่วนรวมร่วมกัน และยอมปรับเพื่อไปต่อด้วยระบบกงสีที่มีโครงสร้างและกติกาที่เป็นธรรม เพื่อทำให้กิจการของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปได้และเติบโตอย่างยั่งยืนเพราะไม้ที่รวมกันเป็นมัด ไม่อาจหักได้ง่าย
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ควรเริ่มพูดคุยเรื่องการปรับโครงสร้างกงสีเมื่อไหร่?
เมื่อมีสัญญาณว่า 1.โครงสร้างกงสีแบบเดิมในการบริหาร ไม่ตอบสนองต่อการเติบโตของธุรกิจ 2.สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปไม่ตอบโจทย์กับการเปลี่ยนแปลงยุคใหม่ 3.เมื่อมีแนวคิดการขยายกิจการ หรือการหาผู้รับมอบธุรกิจครอบครัว
ธรรมนูญครอบครัวมีผลทางกฎหมายหรือไม่?
ธรรมนูญครอบครัว เป็นระบบกงสีที่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เนื่องจาก เป็นเพียงข้อตกลงร่วมกันภายในครอบครัวเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการและตัดสินใจร่วมกัน
ถ้าสมาชิกรุ่นเก่าไม่เห็นด้วย ควรทำอย่างไร?
รับฟังอย่างตั้งใจ ลองฟังมุมมอง หรือเหตุผล ไม่เข้าไปเปลี่ยนแปลงทันที แต่ทำแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราสามารถบริหารงานต่อได้ พร้อมชี้ให้เห็นถึงจุดดีและจุดด้อยด้วยชุดข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อให้คนรุ่นเก่ามองเห็นผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างชัดเจน
บทสรุป: จากธุรกิจครอบครัวสู่ครอบครัวเจ้าของธุรกิจที่ยั่งยืน
ระบบกงสี หรือระบบธุรกิจครอบครัว มีจุดแข็งในด้านความมั่นคงเพราะเป็นสมบัติของตระกูลที่ทุกคนต่างต้องการช่วยประคับประคอง ที่มาพร้อมความท้าทายในการส่งต่อที่มักพบปัญหาความเห็นที่ไม่ตรงกัน หรือขาดความโปร่งใส ไม่เป็นทางการ ทำให้บริหารได้ยาก แต่ทำได้ด้วยการคู่มือปฏิรูปแบบกงสี ที่ผสานทั้งแนวคิดดั้งเดิมและความเป็นจริงในปัจจุบันด้วยโมเดลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธรรมนูญครอบครัว บริษัทโฮลดิ้ง หรือจ้างมืออาชีพภายนอกมาช่วยบริหารเพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้ธุรกิจของครอบครัวเติบโตต่อไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ข้อมูลอ้างอิง
Family Vs Business “ทำที่บ้าน” คอมมูนิตี้ที่เหล่าผู้ประกอบการรุ่นสองและสามมาแลกเปลี่ยนน้ำตาและประสบการณ์ สืบค้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จาก https://readthecloud.co/tamteebaan/
ธรรมนูญครอบครัว คืออะไร สำคัญอย่างไร? สืบค้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จาก https://www.bangkokbanksme.com/en/family-constitution
ตั้งบริษัทโฮลดิ้ง เพื่อถือหุ้นบริษัทแทนชื่อตัวเอง วิธีนี้มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร สืบค้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จาก https://flowaccount.com/blog/
การสื่อสารกับธรรมาภิบาลในธุรกิจครอบครัว สืบค้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จาก https://www.brandage.com/article/19338
5 ขั้นตอนสำคัญ ที่ช่วยให้ธุรกิจครอบครัวเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล สืบค้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จาก https://www.live-platforms.com/th/education/article/379-5-steps-digital-transformation-for-family-business
‘ธุรกิจครอบครัว’ มักอยู่ไม่เกิน 3 ชั่วคน? เปิดกรณีศึกษาตระกูลดังในเอเชีย สืบค้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จาก https://www.bangkokbiznews.com/world/1154858
กลยุทธ์การปรับตัวตามประเภทของโครงสร้างธุรกิจครอบครัว ตอนที่ 1 สืบค้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จาก https://live-platforms.com/
Holding Company โครงสร้างใหม่เพื่อปกป้องธุรกิจครอบครัวในระยะยาว สืบค้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จาก https://www.bangkokbanksme.com/en/sme-series-holding-company
3 ขั้นตอนที่ต้องทำ ก่อนตัดสินใจปรับโครงสร้าง 'ธุรกิจครอบครัว' ด้วยการควบรวมกิจการ สืบค้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จาก https://www.bangkokbanksme.com/en/3step-family-business
ทายาท VS เถ้าแก่ จะทำงานร่วมกันได้อย่างไรไม่ให้ขัดแย้งกัน สืบค้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จาก https://www.facebook.com/SET Thailand