Solo Economy เจาะตลาดคนโสด กลุ่มกำลังซื้อสูงที่ธุรกิจห้ามพลาด
ภาพจำของครอบครัวแบบเดิม ๆ กำลังเปลี่ยนไป เมื่อครัวเรือนที่อาศัยอยู่คนเดียว (Single Person Household) กลายเป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุดในสังคมเมือง นี่ไม่ใช่แค่เทรนด์ทางประชากรศาสตร์ แต่คือการกำเนิดของ “Solo Economy” โอกาสทางการตลาดที่หลายแบรนด์ยังไม่มองเห็น
การที่กลุ่มคนเหล่านี้อาศัยอยู่คนเดียว ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่มีใคร แต่เรียกว่าเป็นการเลือกใช้ชีวิตในรูปแบบที่เหมาะกับตัวเอง โดยมักมีกำลังซื้อสูงและมีพฤติกรรมเฉพาะตัว “บทความนี้จะพาคุณเข้าใจผู้บริโภคกลุ่มนี้ พร้อมถอดรหัสโอกาสทางธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณเข้าไปนั่งในใจของพวกเขาได้สำเร็จ

Solo Economy คืออะไร? ทำความเข้าใจปรากฏการณ์ “หนึ่งคน หนึ่งครัวเรือน”
Solo Economy คือแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างครัวเรือนที่เปลี่ยนไปในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งอัตราครัวเรือนคนเดียวกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากรายงานของ Visa Consulting & Analytics ระบุว่า ครัวเรือนคนเดียวทั่วโลกจะเติบโตขึ้นประมาณ 35% ในช่วงทศวรรษนี้ (จากปัจจุบันไปจนถึง 2030) จนมีจำนวนรวมมากกว่า 580 ล้านครัวเรือน คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมดทั่วโลก นับเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สะท้อนถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบคนเดียว
ทำความรู้จักกลุ่ม SINK (Single Income, No Kids) ให้มากขึ้น
ขึ้นชื่อว่าคนโสด ไม่จำเป็นต้องหมายถึงคนที่ยังไม่มีแฟน เพราะการอยู่คนเดียวสำหรับพวกเขาอาจเป็นทางเลือก (Choice) มากกว่าจะยึดติดกับคำว่าสถานะ (Status) เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า SINK (Single Income, No Kids) คือ ผู้ที่มีรายได้คนเดียวและไม่มีภาระเรื่องลูก พวกเขามองว่าการอยู่คนเดียวเปิดโอกาสให้ใช้ชีวิตตามใจตัวเองได้มากกว่า นอกจากนี้ พวกเขายัง
ให้ความสำคัญกับอิสระมากกว่าการปรับตัวให้เข้ากับใคร
ความปลอดภัยและความสบายใจต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ใช่การลงทุนในสิ่งของใหญ่ ๆ
มองว่าเรื่องสุขภาพจิตและความสุขเป็นสิ่งที่ต้องดูแลและลงทุน
ยอมจ่ายเพื่อประสบการณ์ ความสะดวกสบาย และการดูแลตัวเอง
ตลาดคนโสดมักมีลักษณะการใช้จ่ายที่แตกต่างจากครัวเรือนทั่วไป ดังนี้
ข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า เทรนด์ Solo Economy กำลังกลายเป็นเสาหลักใหม่ของเศรษฐกิจโลก ไม่ใช่แค่ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) อีกต่อไป แต่เป็น Mainstream Lifestyle ที่ธุรกิจไม่อาจมองข้ามได้อีกแล้ว

เจาะตลาดคนโสด! เผย 4 หมวดธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงสุด
การจะทำธุรกิจกับคนโสดให้สำเร็จ จำเป็นต้องมองให้ลึกเกินกว่าแค่รายได้หรือเพศ เพราะสิ่งที่กระตุ้นการใช้จ่ายของพวกเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับความจำเป็นมากเท่าความต้องการที่จะใช้ชีวิตให้ดีขึ้นในแบบของตัวเอง พวกเขาเป็นกลุ่มที่มีรายได้ต่อหัวสูง ใช้เงินอย่างมีเหตุผล และพร้อมจ่ายในสินค้าหรือบริการที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น สะดวกขึ้นมากกว่าเดิม และตอบโจทย์การอยู่คนเดียวโดยไม่รู้สึกขาดอะไร
1. ที่อยู่อาศัยและของใช้ในบ้าน (Housing & Home Goods)
หนึ่งในตลาดที่เติบโตควบคู่ไปกับเทรนด์ Solo Economy คือ ที่อยู่อาศัยสำหรับหนึ่งคน ซึ่งเป็นการออกแบบวิถีชีวิตใหม่ที่ผสมผสานความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายเอาไว้ในพื้นที่จำกัด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และของใช้ในบ้านจึงต้องปรับดีไซน์และบริการให้ตอบโจทย์กลุ่มนี้โดยเฉพาะ
คอนโดมิเนียมขนาดกะทัดรัดแต่ฟังก์ชันครบครัน รองรับการอยู่อาศัยระยะยาวของคนคนเดียว
เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชัน เช่น เตียงพับได้ โต๊ะที่เก็บของได้ หรือชั้นวางของติดผนัง
เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับครัวเรือนเดี่ยว เช่น ตู้เย็นมินิ ไมโครเวฟขนาดกะทัดรัด เครื่องซักผ้าแบบตั้งโต๊ะ
บริการแม่บ้านหรือทำความสะอาดรายครั้ง เพื่อช่วยจัดการภาระงานบ้าน
2. อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage)
สำหรับคนโสด มื้ออาหารคือช่วงเวลาของการดูแลตัวเอง ทั้งในเชิงกายและใจ เทรนด์ Solo Dining และ Single-serving Food กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหาร โดยธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสามารถตอบโจทย์ได้ด้วยการพัฒนาเมนูและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้
ร้านอาหารที่มีที่นั่งสำหรับคนเดียว เช่น เคานต์เตอร์บาร์ โต๊ะเล็ก หรือมุมส่วนตัวที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยและไม่เขิน
ชุดอาหารสำเร็จรูป (Ready-to-eat) สำหรับ 1 ที่
สินค้าขนาดเล็ก เช่น นมกล่องขนาดมินิ ผลไม้หั่นขนาดหนึ่งที่ (single portion) หรือกาแฟดริป 1 ซอง
3. การท่องเที่ยวและประสบการณ์ (Travel & Experiences)
“คนเดียวก็เที่ยวได้” ไม่ใช่แค่คำพูดให้กำลังใจ แต่คือแนวโน้มที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจริง โดยกลุ่ม Solo Traveler พวกเขามักเป็นคนวัยทำงานที่ต้องการเวลาคุณภาพ (Me Time) เพื่อพักสมองจากชีวิตเมืองที่เร่งรีบ โอกาสในการทำธุรกิจกับคนโสดในหมวดนี้ ได้แก่
ทริปทัวร์สำหรับ Solo Traveler ที่มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถเข้าร่วมกิจกรรมแบบกลุ่มเล็กได้โดยไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
เวิร์กช็อปหรือคลาสเรียนเฉพาะทาง เช่น ศิลปะ ดนตรี ถ่ายภาพ หรือทำอาหาร ที่เปิดรับผู้เรียนเดี่ยว
กิจกรรมสันทนาการที่ไปคนเดียวได้โดยไม่เขิน เช่น คาเฟหนังสือ คาเฟแมว กิจกรรมปั่นจักรยาน หรือ Yoga Retreat
4. สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Wellness)
อีกหนึ่งหมวดสำคัญคือ “สุขภาพ” เพราะตลาดคนโสดให้ความสำคัญสูงสุด เพราะไม่มีคนดูแลเมื่อป่วย พวกเขาจึงมักลงทุนกับการป้องกัน และมองการดูแลตัวเองเป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ใช่กิจกรรมพิเศษ ธุรกิจในกลุ่มสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีจึงมีโอกาสเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะในหมวดบริการและผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล
แพ็กเกจฟิตเนสส่วนตัว หรือโปรแกรมออกกำลังกายออนไลน์แบบ Coaching รายบุคคล
ประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์เทรนด์คนโสด ซึ่งเป็นแผนที่มีความยืดหยุ่นและออกแบบให้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีภาระครอบครัว
บริการดูแลสัตว์เลี้ยง เพราะสัตว์เลี้ยงกลายเป็น “เพื่อนร่วมชีวิต” ที่คนโสดจำนวนมากพร้อมทุ่มเททุกอย่างให้
ผลิตภัณฑ์ Self-care และ Self-reward เช่น สกินแคร์ระดับพรีเมียม เทียนหอม เครื่องหอมบำบัด หรือบริการสปา
ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีไม่ได้เป็นเพียงความต้องการส่วนบุคคลอีกต่อไป แต่กลายเป็น “แรงขับทางเศรษฐกิจ” สำคัญของเทรนด์ Solo Economy ที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

กลยุทธ์การตลาดเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ Solo Economy
1. เลิกสื่อสารด้วยความ “เหงา” แต่เน้น “ความเป็นอิสระ” (Celebrate Independence)
สิ่งสำคัญอันดับแรกที่แบรนด์ต้องทำความเข้าใจก่อนจะทำธุรกิจกับคนโสด คือ คนโสดไม่ได้หมายความว่าต้องเหงา ดังนั้น การสื่อสารทางการตลาดที่ใช้โทนสงสารหรือพยายามปลอบใจ เช่น “ไม่ต้องเหงาอีกต่อไป” อาจทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกถูกตัดสินหรือถูกมองข้ามคุณค่าความเป็นตัวเองได้
ในทางกลับกัน หากแบรนด์สามารถสื่อสารถึงความภูมิใจในความเป็นอิสระได้อย่างชาญฉลาด จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและทรงพลังยิ่งขึ้น เช่น “อยู่คนเดียว...แต่มีทุกอย่างที่ต้องการ” หรือ “ใช้ชีวิตในแบบที่คุณอยากเป็น”
2. นำเสนอความสะดวกสบายเป็นจุดขายหลัก (Convenience is Key)
ชีวิตของคนโสดมักเต็มไปด้วยภารกิจที่ต้องจัดการด้วยตนเอง ตั้งแต่ทำอาหาร ซักผ้า ไปจนถึงการดูแลสุขภาพ ดังนั้น กลยุทธ์สำคัญคือการนำเสนอสินค้าและบริการที่ช่วยลดภาระในชีวิตประจำวัน และตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น บริการส่งถึงบ้านที่ตั้งเวลาและตัดรอบอัตโนมัติ ระบบจ่ายเงิน-สั่งซื้อของออนไลน์ที่ไม่ซับซ้อน หรือบริการ Subscription ที่สมัครง่าย ไม่ต้องผูกมัดสัญญาระยะยาว
3. สร้างคอมมิวนิตีเพื่อรวมกลุ่มคนที่มีความสนใจเหมือนกัน (Build a Community)
แม้จะอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนโสดต้องการตัดขาดจากโลก พวกเขายังมองหาความเชื่อมโยงกับผู้คนรอบตัว เพียงแต่ไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่ผูกมัด นี่คือโอกาสทองของแบรนด์ในการสร้างคอมมิวนิตีที่เปิดพื้นที่ให้ผู้บริโภคกลุ่ม Solo Economy ได้แลกเปลี่ยน แบ่งปัน และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโดยไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง เช่น การสร้างกลุ่มออนไลน์เพื่อรวมคนที่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน การจัดอีเวนต์หรือเวิร์กช็อปสำหรับกลุ่ม Solo หรือการสนับสนุน User-generated Content ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้แชร์มุมมองหรือวิถีการใช้ชีวิตคนเดียวในแบบของตัวเอง
4. ออกแบบขนาดที่พอดีสำหรับหนึ่งคน (Single-Serving Products)
สำหรับเทรนด์ Solo Economy แล้ว การซื้อสินค้าขนาดใหญ่หรือแบบครอบครัวไม่ใช่ทางเลือกที่คุ้มค่านัก ทั้งในแง่ราคา การเก็บรักษา และปริมาณที่เกินจำเป็น การออกแบบสินค้าสำหรับเทรนด์คนโสดจึงควรเน้นความพอดีและความยืดหยุ่น เช่น บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก (Single-serving) ที่เหมาะกับการบริโภคครั้งเดียว สินค้าเวอร์ชันทดลอง หรือสินค้าปรับแต่งได้ที่ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกขนาด ส่วนผสม หรือรูปแบบได้เองตามใจชอบ
Case Study: แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการเจาะกลุ่มตลาดคนโสด
แม้แนวคิดเรื่อง Solo Economy จะดูเป็นเทรนด์ใหม่ในบางประเทศ แต่ในหลายตลาดได้พัฒนาไปไกลจนกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักของกลยุทธ์การทำธุรกิจกับคนโสดแล้วจริง ๆ โดยตัวอย่างจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต่อไปนี้ได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การตลาดเพื่อคนโสดสามารถสร้างทั้งยอดขายและภาพลักษณ์แบรนด์ที่ยั่งยืนได้ในเวลาเดียวกัน
MUJI ปรมาจารย์ด้านสินค้าสำหรับชีวิตคนเดียวที่เรียบง่ายและมีคุณภาพ
MUJI เป็นหนึ่งในแบรนด์ญี่ปุ่นที่เข้าใจเทรนด์การอยู่คนเดียวอย่างลึกซึ้ง โดยไม่ต้องสื่อสารถึงสถานะของลูกค้าแบบตรง ๆ ปรัชญาของแบรนด์ที่ยึดแนวคิด “No-brand Quality Goods” ทำให้สินค้าทุกชิ้นของ MUJI ไม่ได้เน้นชื่อหรือภาพลักษณ์ แต่เน้นคุณค่าในการใช้ชีวิตจริง ซึ่งตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดคนโสดที่ต้องการความเรียบง่ายและใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัด
สินค้าของ MUJI ได้รับการออกแบบให้มีฟังก์ชันที่พอดีต่อการใช้งานของคนคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นขนาดเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือของใช้ในครัวเรือนที่เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดในคอนโดมิเนียมหรืออะพาร์ตเมนต์ขนาดเล็ก ดีไซน์เน้นความเรียบง่าย สบายตา และจัดเก็บได้ง่าย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกถึงความเป็นระเบียบในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ MUJI ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์ภายในร้าน โดยจัดวางพื้นที่ที่เปิดกว้างและเงียบสงบ ให้ลูกค้าสามารถเลือกชมสินค้าได้อย่างเป็นส่วนตัวโดยไม่รู้สึกว่าถูกเร่งรัดหรือถูกรบกวน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนที่ชอบใช้เวลาคนเดียวให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ MUJI จึงถูกมองว่าเป็นแบรนด์แห่งคุณภาพชีวิตที่ตอบโจทย์ผู้คนทุกช่วงวัยที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบและมีสมดุล
ธุรกิจร้านอาหารในเกาหลีใต้ ที่ทำให้การกินข้าวคนเดียวกลายเป็นวัฒนธรรมปกติ
เมื่อจำนวนคนโสดและผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียวเพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจร้านอาหารในเกาหลีใต้ที่แต่เดิมเคยเน้นการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นหลัก ก็เริ่มออกแบบพื้นที่ที่คำนึงถึงลูกค้าที่มากินคนเดียวมากขึ้น พื้นที่เคานต์เตอร์บาร์หรือโต๊ะเดี่ยวถูกจัดวางให้มีระยะห่างพอเหมาะ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนตัว ไม่ต้องเผชิญสายตาคนอื่น บางร้านใช้พาร์ติชันหรือฉากกั้นเตี้ยระหว่างที่นั่ง เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัวและผ่อนคลาย
สิ่งที่น่าสนใจคือ ร้านอาหารเหล่านี้ไม่ได้เพียงตอบโจทย์ลูกค้าในเชิงฟังก์ชัน แต่ยังสร้างพื้นที่แห่งความสบายใจ (Comfort Zone) สำหรับผู้บริโภคที่เลือกจะใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทำให้อุตสาหกรรมร้านอาหารในเกาหลีใต้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในหมู่คนวัยทำงานและคนรุ่นใหม่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเทรนด์ Solo Economy (FAQ)
ตลาด Solo Economy จะเป็นแค่เทรนด์ชั่วคราวหรือไม่?
Solo Economy ไม่ใช่กระแสชั่วคราว แต่เป็นโครงสร้างใหม่ของสังคมเมืองใหญ่ด้วยปัจจัยทางสังคม เช่น อายุเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ความล่าช้าในการแต่งงาน การทำงานทางไกล ฯลฯ ทำให้เทรนด์คนโสดมีโอกาสกลายเป็น New Mainstream มากกว่ากระแส
ธุรกิจแบบ B2B จะสามารถเข้าถึงตลาดคนโสดได้อย่างไร?
แม้เป็นธุรกิจ B2B ก็ยังมีโอกาสเจาะตลาดคนโสด โดยสามารถจับมือเป็นพาร์ตเนอร์กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยขนาดเล็กสำหรับคนโสด หรือทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการจัดส่งแบบ Single-serving และ Fulfillment สำหรับแบรนด์
ทำอย่างไรให้การตลาดของเราไม่ดูเหมือนกำลังตอกย้ำความโสดของลูกค้า?
แนะนำให้ใช้ภาษาเชิงบวก เน้น “ชีวิตที่เป็นอิสระ” มากกว่าจะพูดถึงความโดดเดี่ยว ไม่มีใคร และต้องไม่ส่งเสริมหรือการเหมารวม (Stereotype) ว่าคนโสดต้องเป็นคนเหงาเท่านั้น
บทสรุป: Solo Economy ไม่ใช่แค่ Niche Market แต่คือ New Mainstream
ในโลกที่โครงสร้างครัวเรือนเปลี่ยนไป เทรนด์ Solo Economy กลายเป็นเส้นทางการเติบโตระยะยาวสำหรับแบรนด์ยุคใหม่ คือ เข้าใจว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่เป็นโสดเอง อยากได้ความสะดวกสบาย ต้องการประสบการณ์ที่ดี และให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง หากเริ่มสำรวจโอกาสในตลาดคนโสดตั้งแต่วันนี้ แบรนด์ของคุณอาจกลายเป็นผู้เล่นอันดับต้น ๆ ที่ครองใจกลุ่มกำลังซื้อสูงในทศวรรษหน้า เพราะ “ชีวิตคนโสด” ไม่ใช่ทางเลือกรอง แต่คือวิถีชีวิตที่มีคุณค่า หากแบรนด์เข้าใจและเคารพพวกเขาอย่างแท้จริง ก็จะอยู่ในใจผู้บริโภคไปได้อีกยาวนาน
ข้อมูลอ้างอิง
Growth in single-person households is reshaping global travel. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 จาก https://www.mckinsey.com/capabilities/operations/our-insights/the-contact-center-crossroads-finding-the-right-mix-of-humans-and-ai.
More businesses catering to the high purchasing power of singles. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 จาก https://www.nationthailand.com/blogs/business/investment/40038584.
Soaring ‘solo economy’ a challenge for Thai policymakers. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 จาก https://www.nationthailand.com/thailand/economy/40033375.
Global household trends: converging sizes, divergent structures. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 จาก https://www.niussp.org/family-and-households/global-household-trends-converging-sizes-divergent-structures/.

