Webinar หรือ Web
based seminar เป็นระบบโปรแกรมที่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับการสัมมนาออนไลน์
และไม่ใช่เรื่องใหม่เพิ่งเกิดขึ้นเพราะมีใช้กันมานานหลายปีแล้ว แต่เป็นหัวข้อที่น่าสนใจในปัจจุบัน
หลังวิถีชีวิตในการทำงานกำลังจะเปลี่ยนไปจากเดิม การจัดประชุม - สัมมนาในแบบเดิมเริ่มหายไป
เพราะต่อจากนี้การจะไปการจัดการประชุมที่มีคนมารวมตัวกันมากนับร้อยชีวิตอาจเกิดขึ้นได้ยากไปจนถึงอาจไม่เกิดขึ้นได้เลย
โดยเฉพาะท่ามกลางเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลก การหันมาศึกษาเรียนรู้ และเข้าถึงเทคโนโลยีที่จะนำไปช่วยในการขับเคลื่อนธุรกิจเดินหน้าเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และ New normal จึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไทยควรเร่งเรียนรู้ เพื่อให้ทันกระแสโลกและดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
คุณสมบัติอันโดดเด่นของ Webinar
Webinar โปรแกรมช่วยจัดการสัมมนาออนไลน์
ที่ใช้เป็นช่องทางการแบ่งปันความรู้สู่ผู้ฟังหรือกลุ่มเป้าหมาย
ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เปิดให้บริการฟรี (อาจมีค่าบริการเพิ่มเติมจากฟังก์ชันเสริมที่เพิ่มขึ้น)
เช่น WebEx, Joinwebinar, Gotomeeting, Trendmicro รองรับอุปกรณ์ที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ทุกชนิด ทั้ง PC, Laptop, Tablet,
Smart Phone ในหนึ่งห้องสัมมนาสามารถรองรับจำนวนคนได้ 100-200 คนต่อครั้ง
โดยที่ผู้เป็นวิทยากรนำเสนอสามารถแชร์หน้าจอของตัวเอง
เปิดสไลด์ หรือ Demo ไปพร้อมกับโต้ตอบแบ่งปันความรู้กับผู้เข้าฟังสัมมนาได้ด้วย
ให้อารมณ์ความรู้สึกที่ชัดเจนเสมือนการจัดสัมมนาจริงๆ
นอกจากนี้ยังสามารถปรับใช้เพื่อการประชุมทีม, ประชุมฝ่าย หรือประชุมพนักงานทั้งบริษัทได้ในจำนวนดังกล่าวด้วย
โดยใช้อุปกรณ์ ดังนี้
- อุปกรณ์สำหรับวิทยากร ได้แก่
Computer, Internet, ไมโครโฟน, โทรศัพท์บ้าน/มือถือ,
ลำโพง
- อุปกรณ์สำหรับผู้ฟังสัมมนา ได้แก่
Computer, Internet, ลำโพง
รูปแบบของ Webinar จะเป็นการเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์
โดยที่ผู้จัดสร้างและกำหนดกิจกรรมสัมมนาไว้ จากนั้นเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าร่วมได้ตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น
และอาจมีบางโปรแกรมที่ไม่กำหนดจำนวนผู้พูดได้ด้วย
อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ โดยมีความพิเศษและแตกต่างไปจาก
Web-conference ทั่วไปตรงที่จะต้องปล่อยผ่านสัญญาณเสียงไปยังห้องสัมมนาเสมือน
ผ่านการเชื่อมต่อด้วยระบบโทรศัพท์เพียงเท่านั้น ไม่สามารถส่งผ่านสัญญาณภาพและเสียงทางอินเตอร์เน็ตได้เลย
ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการลดปัญหาเรื่องของคุณภาพของไฟล์เสียง
ที่อาจเกิดความไม่คมชัดหรือความล่าช้าจากการส่งสัญญาณทุกอย่างผ่านช่องทาง Internet
ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงผ่านโทรศัพท์พื้นฐานหรือมือถือ ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายให้ต้องกังวลกับการใช้งานโปรแกรมเหล่านี้
โดยวิทยากรสามารถนำเสนอการจัดสัมมนาของตัวเองได้
2 รูปแบบ คือ แบบ Streaming
หรือแบบ VDO ก็ได้ตามความต้องการ ซึ่งการถ่ายทอดแบบ
VDO จะไม่สามารถสนทนาตอบโต้ระหว่างผู้รับฟังหรือผู้บรรยายได้
o
สะดวก ใช้งานง่าย
จะทำที่ไหนก็ได้
o
ประหยัดกว่าค่าเช่าพื้นที่จัดสัมมนาจริง
o
เหมาะสมสำหรับการนำมาใช้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
o
เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกมุมโลก
o
สามารถปรับใช้ในรูปแบบของการประชุมคนกลุ่มใหญ่ในองค์กรได้
o Presentation ชัดเจนมากทั้งไฟล์ภาพและเสียง
o มีความปลอดภัยในระดับสูง
o
ใช้การ Remote ผ่าน Admin ในการจัดสัมมนาบรรยายผ่านทางโทรศัพท์ได้
แม้ตัวจะไม่อยู่ที่หน้าจอคอมหลัก
o สามารถบริหารจัดการรูปแบบและกำหนดสิทธิ์ผู้เข้าร่วมประชุมได้หลากหลาย
o คนในองค์กรที่ได้รับมอบหมายสามารถเข้าถึงพื้นที่
Webinar เพื่อการใช้งาน
เตรียมการและบริหารข้อมูลจากที่ไหนก็ได้ทั่วทุกมุมโลก แค่เพียงมี ID Account และ Password
o ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
โดยที่ไม่ต้องออกมาผจญกับรถติด, โควิด-19 และค่าใช้จ่ายจิปาถะ
ข้อจำกัดของการใช้
Webinar
o อาจมีค่าใช้จ่ายแบบรายเดือนเกิดขึ้นในฟังก์ชั่นที่เปิดให้บริการ
นอกเหนือจากฟังก์ชั่นที่กำหนดให้ใช้งานฟรี ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของผู้ให้บริการแต่ละรายด้วย
o ไม่สามารถรองรับจำนวนคนที่มากกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนด
เพราะอาจบริหารจัดการลำบาก
เทคนิคการใช้
Webinar จัดสัมมนาออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ
1. หัวข้อเจ๋งจริง : หัวข้อเรื่องที่ใช้ในการจัดทำสัมมนาต้องเป็นข้อมูลความรู้ที่โดน
ปัง ดัง อยู่ในกระแสความสนใจของผู้คน จึงจะกระตุ้นให้คนเข้ามามีส่วนร่วมในการสัมมนาได้มาก
โดยที่ไม่ปล่อยให้งานกร่อย ไร้คนฟัง เนื่องจากการจัดงานสัมมนาผ่าน Webinar นั้นไม่สามารถจะกระตุ้นความสนใจของผู้คนได้ด้วยของฟรี หรือเบรกอาหารว่างดีๆ
ที่จะทำเหมือนจัดสัมมนาปกติได้ ดังนั้นจงมั่นใจว่าเนื้อหาที่นำมาจัดสัมมนาออนไลน์ทั้งในแบบฟรีหรือเสียค่าบริการนั้นต้องมีความเจ๋งจริงๆ
จนผู้คนอยากเข้ามาฟัง
2. อย่าแทรกการขายของโดยตรง : การแทรก Session ในส่วนของการโฆษณาหรือการขายผลิตภัณฑ์โดยตรงจะทำให้คนฟังหมดความสนใจ
ไม่อยากฟังสัมมนาต่อจนจบ พบว่าคนส่วนมากจะออกไปจากห้องสัมมนา เมื่อมี Session
การขายคั่นกลางเกิดขึ้น หากแต่ถ้าเป็น Session ที่ให้ความรู้ไปพร้อมกับสอดแทรกการขายหรือโฆษณาผลิตภัณฑ์จะมีคนอยู่ฟังต่อเนื่องจนจบมากกว่า
3. ทีมงาน
Admin ต้องพร้อมตอบคำถาม
:
ต้องเตรียมทีมงาน Adminให้พร้อมรองรับการซัก-ถามผ่านช่องทางการแชทหรือแชร์ข้อมูลของ Webinar
เอาไว้ให้ดี เพราะบางทีอัตราการซักถามก็มีเข้ามาสูงมากจนน่าตกใจ
ทั้งๆ ที่ในการสัมมนาตามปกติมักจะไม่ค่อยมีผู้เข้าฟังกล้าซักถาม
แต่ในช่องทางการสัมมนาออนไลน์จะเกิดการซักถามกันมากกว่า อาจเพราะไม่ต้องเปิดหน้า
เห็นตัวตนจริงแค่ทักทายผ่านระบบก็สามารถเคลียร์จบทุกข้อกังขาได้ ดังนั้นการมีทีมงานที่เข้าใจหัวข้อการสัมมนาแบบทะลุทุกช่องทางและเป็นมือเกรียนคีย์บอร์ด
จะช่วยให้การสัมมนาออนไลน์เป็นไปอย่างลื่นไหล คลายข้อสงสัยของผู้เข้าฟังได้ทันท่วงทีและไม่เปิดโอกาสให้เกิดการเซ็งหนีหายออกไปจากห้องสัมมนา
4. เลือกวิทยากรดี
เท่ากับนำเสนอแบรนด์ได้ดี : การเลือกวิทยากรมาบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือในนามแบรนด์ตัวเอง
จะต้องเลือกคนดูคนที่เหมาะสมและมีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่บรรยายด้วย
หากเป็นคนที่เข้าถึง เข้าใจ และ Expert ในหัวข้อที่บรรยาย
นั่นจะเท่ากับว่าวิทยากรได้สร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำเหนือคู่แข่งไปอีกขั้นให้แก่แบรนด์
ไปจนถึงสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้เกิดขึ้นกับแบรนด์ได้ด้วย
เพราะวิทยากรที่เก่ง มีบุคลิกดี จะดึงดูดผู้ฟังได้มาก
และได้รับความไว้วางใจจากผู้ฟังมากตามไปด้วย
5. Demo เปิดตัวต้องกระแทกใจ : การทำ Demo โฆษณาหัวข้อการสัมมนาที่จะเกิดขึ้นต้องดึงดูด แบบกระแทกใจ ชนิดที่เห็นแล้วอยากเข้าไปนั่งฟังสัมมนา ณ เวลานั้นทันที จะดึงดูดคนเข้าฟังได้มาก แต่ก็ไม่ควรทำเนื้อหา Demo ออกมาแบบฉีกไปจากเนื้อหาหลักของหัวข้อการสัมมนาเพื่อสร้างความคาดหวังมากเกินไป เพราะสมัยนี้การทำลายชื่อเสียงนั้นทำได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว Demo ที่ดีควรดึงดูด เร้าใจ ให้น่าติดตามเนื้อหาเต็มและคุมภาพรวมเนื้อหาทั้งหมดด้วย