ที.เอส. เปเปอร์ทิ้ว ผู้ผลิตแกนกระดาษ TOP 5 เมืองไทย จากแรงบันดาลใจต่อยอดสู่ธุรกิจ ‘หลอดกระดาษรักษ์โลก’ เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม
ด้วยความที่กิจการทางบ้านทำแกนกระดาษมายาวนานเกือบ 40 ปี เมื่อทายาทธุรกิจรุ่นที่ 2 อย่าง คุณนภัสนลิน วีรณรงค์ชยกุล หรือคุณเปิ้ล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอส. เปเปอร์ทิ้ว จำกัด นักบริหารคนรุ่นใหม่ที่หวังแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากขยะพลาสติก จึงนำแรงบันดาลใจมาต่อยอดธุรกิจผลิตหลอดกระดาษที่มีความโดดเด่น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
คุณนภัสนลิน วีรณรงค์ชยกุล หรือคุณเปิ้ล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอส. เปเปอร์ทิ้ว จำกัด เล่าถึงเส้นทางธุรกิจผลิตหลอดกระดาษรักษ์โลก ว่า ครอบครัวเราเริ่มต้นจากธุรกิจผลิตแกนกระดาษ ที่ดำเนินกิจการมายาวนานเกือบ 40 ปี ซึ่งนอกจากการทำธุรกิจครอบครัว (Family Business) แล้ว เรายังใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม
โดยหนึ่งในกิจกรรมที่ครอบครัวเราทำร่วมกันมาตลอดหลายปี คือ การออกทริปจิตอาสาเก็บขยะตามสถานที่ต่าง ๆ และหนึ่งในนั้น คือ การเก็บขยะในท้องทะเล ทำให้เห็นปัญหาของขยะพลาสติกที่ปลิวลงสู่ทะเลจำนวนมาก ซึ่งประเทศไทยมีขยะพลาสติกปลิวลงสู่ท้องทะเลเป็นอันดับ 6 ของโลก ซึ่งมีผลต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศน์ในทะเล และกว่าพลาสติกเหล่านั้นจะย่อยสลายก็ต้องใช้เวลานานถึง 450 ปีเลยทีเดียว
คุณนภัสนลิน วีรณรงค์ชยกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอส. เปเปอร์ทิ้ว จำกัด
คุณนภัสนลิน เล่าว่า วันหนึ่งครอบครัวได้ไปออกทริปเก็บขยะที่ทะเลเกาะยอ อ.สัตหีบ กัน เป็นวันที่เปลี่ยนมุมมองและเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดในการผลิตหลอดกระดาษของตน เมื่อได้พูดคุยกับชาวประมงบนเรือ เขาให้แง่คิดว่า
“ต่อให้พาคนทั้งโรงงานมาเก็บขยะในท้องทะเลทุกวัน ขยะในทะเลไม่มีวันหมดไป วันนี้เก็บจนไม่เหลือขยะสักชิ้นเดียว แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ขยะบนบกก็ปลิวลงมาสู่ทะเลอีก วนเวียนอย่างนี้ไม่มีวันหมด ถ้าอยากลดขยะไปลดขยะบนบกแทนจะดีกว่า”
จุดเริ่มต้นจากแรงบันดาลใจ สู่ธุรกิจหลอดกระดาษรักษ์โลก
จากคำพูดวันนั้น ทำให้ คุณนภัสนลิน กลับมาคิดว่าช่วยลดขยะพลาสติกที่จะปลิวลงสู่ทะเลอย่างยั่งยืนกว่านี้ได้อย่างไร ขณะที่คิดสายตาก็ไปสะดุดกับแกนกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงลองเอาสก็อตเทปสี ๆ มาพันรอบแกนกระดาษ แล้วเกิดไอเดียว่าถ้าหากย่อส่วนแกนกระดาษให้เล็กลงเป็นหลอดสำหรับดูดน้ำแทนหลอดพลาสติก น่าจะช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติกได้ดีกว่า จึงจุดเริ่มต้นของการทำหลอดกระดาษ ที่ต่อยอดจากธุรกิจผลิตแกนกระดาษมาสู่ธุรกิจหลอดกระดาษของ บริษัท ที.เอส. เปเปอร์ทิ้ว จำกัด
คุณนภัสนลิน บอกด้วยว่า การที่ทำธุรกิจหลอดกระดาษ จุดเริ่มต้นไม่ได้ทำเพราะหวังผลกำไร แต่ทำเพราะมองเห็นปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหานั้น คิดแค่ว่าด้วยประสบการณ์ที่ทำแกนกระดาษอยู่แล้ว ถ้าแค่ย่อส่วนลงก็เป็นหลอดกระดาษได้ จึงหาเทคโนโลยีเพื่อผลิตหลอดกระดาษคุณภาพสูงพร้อมเดินเครื่องผลิตทันที
ความฝันกับความจริง ไม่ใช่สิ่งเดียวกันเสมอไป
ตอนนั้น คุณนภัสนลิน คิดเพียงว่าทุกคนน่าจะอยากใช้หลอดกระดาษ เพราะช่วยลดขยะและปัญหาสิ่งแวดล้อมลงได้ แต่เมื่อทดลองผลิตและนำไปเสนอขายให้ลูกค้าปรากฏว่าถูกปฏิเสธทั้งหมด เนื่องด้วยลูกค้าอาจจะยังมองไม่เห็นความสำคัญ หรือมองเห็นความสำคัญแต่ด้วยต้นทุนที่สูงไป ลูกค้าจึงรับไม่ไหว
“เราย้อนกลับมาคิดว่าสิ่งที่เราคิดว่าใช่ ทำไมลูกค้าจึงไม่เห็นด้วยกับแนวคิดเรา จึงหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ พบว่าทั่วโลกกำลังหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น จึงถามตัวเองว่าจะหยุดหรือเดินหน้าต่อดี คำตอบเราคือความมุ่งมั่นอยากช่วยโลกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นแค่คนตัวเล็กๆ และเป็นแค่สิ่งเล็กน้อยเท่านั้น แต่เราก็ยังอยากเป็นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น”
เริ่มจากศูนย์ ทำด้วยใจรักษ์โลก ผลพลอยได้เป็นกำไร
คุณนภัสนลิน มองว่า เมื่อตลาดยังไม่เปิดใจ ยังไม่มีใครใช้ไม่เป็นไร ทำเองใช้เองกับคนรอบข้างก็ได้ ด้วยกระบวนการผลิตแกนกระดาษและหลอดกระดาษไม่ได้ต่างกันมากนัก เพียงปรับเล็กน้อยเท่านั้น
“เรามีแค่ความรู้ในการผลิตหลอดกระดาษ แต่ไม่มีฐานลูกค้าเลย เพราะลูกค้าหลักๆ เราคือแกนกระดาษ ลูกค้ากลุ่มนี้จึงต้องหาใหม่โดยเริ่มต้นจากศูนย์ เราไม่มีเซลขายมีแค่ Facebook Page ที่ไม่ใช่การขาย แต่ใช้เป็นช่องทางสื่อสารให้ข้อมูล โดยใส่ Passion ของเราเข้าไป ปรากฏว่า มีลูกค้าสั่งมา 5,000 หลอด เราก็ดีใจว่าในที่สุดก็มีคนเห็นด้วยกับเราแล้ว ทำให้เรามีกำลังใจ จึงเริ่มติดต่อลูกค้าที่เป็นโรงแรมตามชายฝั่งทะเล ที่เขามองเห็นปัญหาเหมือนเราว่าไม่อยากให้ขยะหลอดพลาสติกปลิวลงสู่ทะเล”
สิ่งที่ยากกว่าการผลิต คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค
คุณนภัสนลิน สะท้อนมุมมองเรื่องนี้ว่า ในแง่ของการผลิตหลอดกระดาษนั้นไม่ได้ยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เปลี่ยนจากหลอดพลาสติกมาใช้หลอดกระดาษ ซึ่งมีผลต่อการบริหารต้นทุนเพื่อให้ราคาหลอดกระดาษไม่ส่งผลกระทบกับผู้บริโภค เพราะถ้าเราอยากให้ทุกคนหันมาใช้หลอดกระดาษแทนหลอดพลาสติก แต่คุณภาพหลอดกระดาษสู้หลอดพลาสติกไม่ได้ แถมราคายังสูงกว่าอีก ใครจะหันมาใช้หลอดกระดาษ
“โจทย์ของเรา คือ จะทำอย่างไรให้สินค้าคุณภาพดี ต้นทุนต้องไม่ทำให้ลูกค้าแบกรับภาระมากขึ้น ถ้าสามารถทำสองสิ่งนี้ ในอนาคตคนจะหันมาใช้หลอดกระดาษเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และสิ่งที่ตามมาคือทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นอย่างยั่งยืน”
แก้ Pain Point ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภค
คุณนภัสนลิน บอกถึงปัญหาที่พบเจอว่า หลอดกระดาษทั่วไปในท้องตลาดจะไม่แข็งแรงเมื่อนำไปแช่ในเครื่องดื่มหลอดไม่นานจะเปื่อยและยุ่ย และมีกลิ่นทำให้รสชาติเครื่องดื่มเสียไป ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากต่างประเทศเพราะมีราคาถูก
แต่ด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์จากการผลิตแกนกระดาษของบริษัท คุณนภัสนลิน จึงเอาประสบการณ์ที่มีมาต่อยอด และพัฒนาเป็นหลอดกระดาษ ทำให้หลอดกระดาษมีคุณภาพที่แตกต่างจากทั่วไปในท้องตลาด สิ่งนี้ทำให้เราต้องพัฒนาและทำวิจัยผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้นในขณะที่ต้นทุนต่ำลงเพราะเราอยากให้ทุกคนหันมาใช้หลอดกระดาษเพื่อช่วยสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง
“หลอดของเราแข็งแรงกว่าปกติ ใส่เครื่องดื่ม 1 แก้วแช่ไว้ 4 - 6 ชั่วโมง คนน้ำแข็งแรง ๆ หลอดยังไม่เปื่อยยุ่ย นอกจากหลอดกระดาษเราจะแข็งแรงทนทานกว่าหลอดกระดาษทั่วไปแล้ว หลอดกระดาษของเราไม่มีกลิ่น และไม่ทำให้เครื่องดื่มเปลี่ยนรสชาติ ในหลายหลอดจะมีกลิ่นกระดาษและทำให้รสชาติเครื่องดื่มเปลี่ยน นอกจากราคาแล้ว จุดแข็งของหลอดกระดาษจริงๆ คือ คุณภาพ สิ่งนี้ถือเป็นจุดแข็ง ของบริษัท”
ใช้ ‘หลอดกระดาษ’ ทำลายป่าเป็นเพียงมายาคติ
มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า การใช้หลอดกระดาษแทนหลอดพลาสติก เป็นการช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือทำลายสิ่งแวดล้อมจากการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อมาผลิตเป็นกระดาษ คุณนภัสนลิน สะท้อนมุมมองเรื่องนี้ว่า ช่วงแรกๆ ที่ทำก็ถูกโจมตีเหมือนกัน ซึ่งจริงๆ แล้วหลอดกระดาษที่ผลิตนั้น มาจากการปลูกป่าเพื่อใช้ในการผลิตกระดาษ
ซึ่งจะไม่ใช่การตัดไม้ทำลายป่า โดยเราจะเลือก Supplier ที่มีสัญลักษณ์ FSC (Forest Stewardship Council) ซึ่งหมายถึง เป็นกระดาษที่มาจากไม้ที่ใช้ปลูกเพื่อการทำกระดาษโดยเฉพาะ ที่จะมีการปลูกทดแทนเพื่อใช้หมุนเวียนกันไป เป็นป่าที่มีการจัดการดูแลอย่างรับผิดชอบ จึงอยากให้เปลี่ยน Mindset ที่ไม่ใช่เพียงมายาคติ หรือความเชื่อจากในอดีตที่ถ่ายทอดกันมา
สร้างความมั่นใจด้วยวัตถุดิบปลอดสารพิษทั้งกระบวนการผลิต
คุณนภัสนลิน อธิบายถึงกระบวนการผลิตว่า นอกจากกระบวนการผลิตแล้ว วัตถุดิบของการผลิตหลอดกระดาษก็มีผลมาก ตนคัดสรรวัตถุดิบจาก 5 ประเทศ เนื่องด้วยวัตถุดิบบางที่ดีแต่ไม่เข้ากับตัวกาว ทำให้คุณภาพของหลอดไม่ดี ซึ่งต้องหาวัตถุดิบที่เข้ากันกับตัวกาวที่ทำจากแป้งมันสำปะหลังปลอดสารพิษด้วย ขณะที่หลอดกระดาษที่เราผลิตก็ใช้เยื้อไม้แรก โดยไม่ใช้กระดาษ Recycle มาผลิต ซึ่งบริษัทมีทีมวิจัยและใช้ประสบการณ์จากการทำแกนกระดาษ มาทำวิจัยและพัฒนาจนกระทั่งตัวหลอดมีคุณภาพแตกต่างจากที่อื่น
นอกจากนี้กระบวนการผลิตทุกขั้นตอนจะเป็นระบบปิดทั้งหมด เพื่อความสะอาดและปลอดภัยจากสิ่งปนเปื้อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในเรื่องคุณภาพ ความสะอาดปลอดภัย และได้มาตรฐาน
สำหรับสีสันบนหลอดกระดาษ คุณนภัสนลิน บอกว่า สีทีใช้เป็นสี Food Grade ที่เป็นสีจากน้ำมันถั่วเหลือง ไม่ละลายในเครื่องดื่ม จึงปลอดภัยมากๆ ในเรื่องการออกแบบสีสันของหลอด ตนเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบออกแบบอยู่แล้ว จึงออกแบบตามสีสันที่ชอบ ให้ดูสดใส ทันสมัย น่ารักๆ สร้างสีสันให้กับเครื่องดื่ม ซึ่งในตลาดเมืองไทย ไม่มีผู้ผลิตหลอดกระดาษรายไหนที่ผลิตสีหลอดกระดาษมากขนาดนี้
ธุรกิจผลิตแกนกระดาษและหลอดกระดาษ ตลาดยังสดใส
คุณนภัสนลิน บอกว่า ปัจจุบันรายได้จากธุรกิจหลอดกระดาษคิดเป็นประมาณ 10% ของธุรกิจแกนกระดาษ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ทั้งสองธุรกิจยังเติบโตต่อเนื่อง ธุรกิจแกนกระดาษของบริษัทจับตลาดบรรจุภัณฑ์ ตัวแกนกระดาษเอาไปม้วน Flexible Packaging อาทิ ฉลากน้ำดื่ม ถุงขนม ซอง ห่อพลาสติกทั้งหลาย เป็นต้น ซึ่งตลาดบรรจุภัณฑ์ยังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจผลิตแกนกระดาษเติบโตตามตลาดเหล่านี้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน คุณนภัสนลิน มองว่า ธุรกิจหลอดกระดาษ เป็นการนำประสบการณ์ที่มีอยู่มาพัฒนาต่อยอดเป็นธุรกิจอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งธุรกิจแกนกระดาษยังเติบโตต่อเนื่อง ในประเทศไทยมีผู้ผลิตแกนกระดาษไม่เกิน 20 ราย ถ้าเทียบกำลังการผลิตและคุณภาพเราน่าจะเป็น TOP 5 ของประเทศ ในขณะที่หลอดกระดาษเราเป็นรายแรกในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ที่มีหลอดกระดาษใช้ในประเทศไทยเป็นการนำเข้ามาจากจีน ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ผลิตหลอดกระดาษประมาณ 4 - 5 ราย ถ้าเป็นเรื่องคุณภาพ เรามั่นใจว่าเราเป็นอันดับต้นๆ
คุณนภัสนลิน ขยายความว่า ปัจจุบันกำลังการผลิตหลอดกระดาษในประเทศไทยมีไม่มาก ทั้งประเทศมีอยู่ไม่ถึง 10 โรงงาน ซึ่งเมื่อนำกำลังการผลิตมารวมกันยังได้ไม่ถึง 10% ของหลอดพลาสติกด้วยซ้ำไป ซึ่งสัดส่วนของหลอดกระดาษในตลาดยังเป็นสัดส่วนที่เล็กมากๆ ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมาก
ขณะปัจจุบันบริษัทเรามีกำลังการผลิตปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านหลอด มีขนาดหลอดทั้งหมด 6 ขนาด ได้แก่ ขนาด 6, 7, 8, 9, 10 และ 12 มิลลิเมตร ซึ่งแต่ละขนาดมี 4 - 5 ความยาว และในแต่ละขนาดมีไม่ต่ำกว่า 50 สี สินค้าจึงมีความหลากหลายมาก จึงสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ทุกรูปแบบ โดยกลุ่มลูกค้าหลักๆ ของบริษัท คือ กลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และร้านกาแฟ ที่ค่อนข้างจะยังเป็นระดับบน ด้วยต้นทุนที่ยังสูงอยู่พอสมควร
คุณนภัสนลิน สะท้อนปัญหาว่า ปัจจัยสำคัญคือเรื่องต้นทุน ช่วงที่เริ่มต้นทำใหม่ราคาหลอดกระดาษ แพงกว่าหลอดพลาสติก 4 เท่าตัว คือ 80 สตางค์ ขณะที่หลอดพลาสติก เพียง 20 สตางค์เท่านั้น แต่ปัจจุบันหลอดกระดาษเหลือเพียง 40 สตางค์เท่านั้น เหลือแค่ 2 เท่าตัว ถ้าทำต้นทุนผลิตต่ำลงได้อีกจะเป็นราคาที่ลูกค้าทุกตลาดจับต้องได้ ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษมากขึ้น ตนเชื่อว่าทุกคนอยากเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษเพื่อช่วยเยียวยาโลก ถ้าต้นทุนของหลอดกระดาษทำให้ราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่านี้
แนวโน้ม ‘หลอดกระดาษ ที เอส เปเปอร์ทิ้ว’ จะเป็นไปในทิศทางใด?
คุณนภัสนลิน ฉายภาพแผนในอนาคตว่า บริษัทจะขยายตลาดมากขึ้น เพื่อจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง เพื่อทำราคาสินค้าให้ต่ำลง ปัจจุบัน ลูกค้าหลอดกระดาษยังอยู่ตลาดบน ร้านกาแฟที่อาจจะมีราคาต่อแก้วสูง ในอนาคตอยากให้ลูกค้าในตลาดล่าง ตลาดนัด สามารถใช้ได้ จับต้องได้ ทุกคนสามารถใช้ได้ ตอนนี้วัตถุดิบยังเป็นการนำเข้า กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบในประเทศเพื่อลงต้นทุนให้ให้ใกล้เคียงกับหลอดพลาสติกมากที่สุด
“อย่างเดียวที่จะทำให้เป้าหมายเราเป็นจริง เราจะต้องทำเรื่องต้นทุนให้ได้ เพื่อให้ทุกคนจับต้องได้ เอื้อมถึงได้ ราคาอาจจะลงมาเท่าหลอดพลาสติกไม่ได้ เพราะต้นทุนวัตถุดิบต่างกัน แต่จะทำให้ราคาใกล้เคียงมากที่สุด เพราะตอนนี้พอราคาลงมาประมาณหนึ่ง ลูกค้าอีกกลุ่มก็เริ่มจะเข้ามามากขึ้น แต่ยังไปไม่ถึงตลาดล่าง คาดว่าในไม่ช้านี้จะลงไปถึงตลาดล่างได้อย่างแน่นอน”
อนาคตจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้นเช่นหลอดที่เป็นช้อนตัก หรือหลอดที่ใช้กับเครื่องดื่มที่เป็นกล่องยืดหดได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ผลิตออกมาแล้ว เพียงแต่รอพัฒนาเพื่อให้ได้คุณภาพดีที่แข็งแรงอย่างที่ตลาดต้องการ
สำหรับตลาดต่างประเทศ ก็มีลูกค้าต่างประเทศติดต่อมาค่อนข้างเยอะ ซึ่งปัจจุบันหลายๆ ประเทศทั่วโลกเริ่มออกกฎหมายแบนบรรจุภัณฑ์ อาทิ หลอดพลาสติก ถุงพลาสติกมากขึ้น อย่างเช่น ในโซนยุโรป, อเมริกาค่อนข้างให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านเราก็เริ่มติดต่อเข้ามา อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย อย่างนี้เป็นต้น
การเริ่มต้นสิ่งใหม่ของธุรกิจครอบครัว (Family Business) แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่คุณนภัสนลิน เชื่อว่ากระแสของการรักษ์โลกและใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำให้เชื่อมั่นว่าธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมจะมีอนาคตที่ยังยืน จะเห็นได้จากทั่วโลกมีแนวโน้มที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในบ้านเราเองก็เริ่มตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเช่นกัน เป็นโอกาสของผู้ประกอบการและ SME ที่สนใจธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นเทรนด์ที่มาแรงและอนาคตสดใสแน่นอน
รู้จัก บริษัท ที.เอส. เปเปอร์ทิ้ว จำกัด เพิ่มเติมได้ที่
https://www.tspapertube.co.th/
https://www.facebook.com/tspapertube/
https://www.facebook.com/tspaperstraws
Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333
Related Article
จากธุรกิจนำเข้า สู่เจ้าของกรรมสิทธิ์อุปกรณ์ ‘ตู้บริการสื่อสารเอนกประสงค์’ กล่องสมองกลควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร
Bangkok Bank SME จะพาไปทำความรู้จักกับธุรกิจในกลุ่มบริษัทโทรคมนาคม (Telco) ที่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่ารูปแบบของการดำเนินงาน มีภาพรวมของรายละเอียดอย่างไร…
169 | 17/04/2024
‘วรุณา’ นำเทคโนโลยี AI ยกระดับภาคการเกษตรไทย พร้อมดันประเทศสู่สังคม Net Zero
ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกมีความตื่นตัวและหันมาให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยดูแลและช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนที่ปัจจุบันทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย…
389 | 10/04/2024
‘เอเชี่ยนแอสฟัลท์’ ผู้เชี่ยวชาญด้านยางมะตอย ขยายไลน์สู่ผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง เจาะตลาด Home Use ครบวงจรด้วยเทคโนโลยี
ถนนลาดยาง คืออะไร?ยางมะตอย By-Product จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ ลักษณะสีดำ ข้น หนืด ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานต่อสภาพอากาศ ทนน้ำ ยึดเกาะกับวัสดุหินได้ดี…
1308 | 01/04/2024