ผู้พัฒนาเครื่องจักรอุตสาหกรรมการผลิตข้าวครบวงจร ‘ยนต์ผลดี’ ชูจุดเด่นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยจนครองใจลูกค้า
เปิดเส้นทางธุรกิจ บริษัท ยนต์ผลดี จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและประกอบอุปกรณ์เครื่องจักรโรงสีข้าว ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย จนได้รับความไว้วางใจจากโรงสีและโรงปรับปรุงคุณภาพข้าวชั้นนำทั้งในและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน
เส้นทางธุรกิจจากรุ่นปู่ สู่รุ่นหลาน
คุณกานต์ จิตสุทธิภากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยนต์ผลดี จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและพัฒนาเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตข้าว พร้อมติดตั้งและวางระบบอย่างครบวงจร เล่าว่า บริษัทเกิดขึ้นจากธุรกิจครอบครัว (Family Business) เริ่มขึ้นในรุ่นคุณปู่เมื่อ 72 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ ‘โรงหล่อยนต์ผลดี’
โดยรับงานหล่อโลหะ ชิ้นส่วนและอะไหล่เรือ พร้อมทั้งรับงานซ่อมแซมและปรับปรุงเครื่องจักรอื่นๆ ในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าทางน้ำโดยในขณะนั้นเรือยังเป็นพาหนะที่ใช้ในการค้าขายเป็นหลัก และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจนส่งต่อไปยังทายาทธุรกิจรุ่นต่อมาอย่างมั่นคง
กานต์ จิตสุทธิภากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยนต์ผลดี จำกัด
ทายาทธุรกิจรุ่น 2 เมื่อถึงรุ่นคุณพ่อที่เรียนจบและกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัวต่อจากคุณปู่ ได้เล็งเห็นว่าพื้นที่ภายในโรงงานสามารถพัฒนาและขยายธุรกิจรองรับงานอื่นเพิ่มเติมได้ เนื่องจากมีประสบการณ์ในด้านงานซ่อมแซมและมีความเชี่ยวชาญในงานเกี่ยวกับเครื่องจักรการเกษตร จึงได้เริ่มขยายธุรกิจไปในส่วนของการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนและเครื่องจักรสีข้าวเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศอย่างเดียว ให้ผู้ประกอบการโรงสีข้าวในประเทศไทยได้ใช้งาน ภายใต้เครื่องหมายทางการค้า ‘ยนต์ผลดี’
ต่อมาไม่นาน บริษัทก็เติบโตอีกขั้นโดยสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศ หลังจากที่มีสมาชิกในครอบครัวของเราสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศแล้วกลับมาช่วยงานในธุรกิจครอบครัว และเริ่มนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามายังอุตสาหกรรมข้าว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าจนถึงปัจจุบัน
ทายาทธุรกิจรุ่น 3 ต่อมาเมื่อถึงรุ่นตน ซึ่งได้เรียนจบด้านอุตสาหกรรมเกษตร เมื่อกลับมาช่วยดูแลธุรกิจครอบครัว (Family Business) ต่อจากรุ่นคุณพ่อ จึงเริ่มมีแนวคิด Business Transformation ยกระดับบริษัทไปสู่องค์กรที่มีความทันสมัยมากขึ้นทั้งในแง่ของการบริหารธุรกิจ การบริหารงานบุคคล รวมทั้งมีการบูรณาการระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติ ประยุกต์เข้ากับระบบเครื่องจักรเดิมภายในโรงงาน ให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้เพิ่มมากขึ้น
ยืนเคียงข้างอุตสาหกรรมข้าวมายาวนาน
สำหรับจุดเด่นของ ‘ยนต์ผลดี’ คือ บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการพัฒนาเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตข้าวมาอย่างยาวนาน มีการผลิตเครื่องจักรครอบคลุมกระบวนการงานหลังการเก็บเกี่ยวทั้งหมด เช่น กระบวนการลดความชื้น, กระบวนการสี, กระบวนการกะเทาะเปลือกข้าว, กระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าว, กระบวนการบรรจุถุง และกระบวนการอื่นๆ
โดยลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้าและเครื่องจักร หรือขอรับบริการออกแบบ ติดตั้งภายในพื้นที่โรงสีของลูกค้าตามมาตรฐาน GMP/HACCP ยนต์ผลดี ยังพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำลูกค้าด้วยความเอาใจใส่ ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในสายงานเครื่องจักรอุตสาหกรรมการผลิตข้าวแบบครบวงจรมาอย่างยาวนาน
นำพาองค์กรก้าวสู่ยุคใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
คุณกานต์ เล่าต่อว่า ภายหลังจากที่ตนเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วกลับมาช่วยสานต่อธุรกิจครอบครัว (Family Business) โดยในช่วงแรกได้เรียนรู้ระบบงานในฝ่ายการตลาดก่อน จนสามารถสร้างยอดขายและรายได้เพิ่มขึ้นจนเป็นที่ยอมรับจากคณะกรรมการบริษัท หลังจากนั้นได้นำเสนอโครงการเพื่อพัฒนาแนวทางการบริหารให้กับบริษัทซึ่งในขณะนั้นยังเป็นรูปแบบธุรกิจครอบครัว (Family Business) แบบดั้งเดิม สู่การปรับโครงสร้างเพื่อบริหารธุรกิจแบบมืออาชีพ โดยกำหนดวิธีการการทำงานที่ชัดเจน และได้รับการรองรับระบบ ISO 9001 : 2015 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
อีกทั้ง ยังมีการจัดทำข้อปฏิบัติการใช้แรงงานเกี่ยวกับสภาพการจ้างและสภาพการทำงาน ตามระบบมาตรฐานแรงงานไทย (มรท.8001-2563) เพื่อความปลอดภัย มีมาตรฐาน ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของพนักงาน เพราะเราให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของพนักงานทุกคน โดยบริษัทต้องการให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีขวัญและกำลังใจที่จะสร้างผลผลิตอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมทั้งทำให้มีแนวปฏิบัติในการจัดทำระบบการจัดการให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตที่จะสร้างรายได้ให้บริษัทและลูกจ้างอย่างมั่นคงควบคู่ไปพร้อมกัน
ขณะเดียวกัน ยังนำซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กร คือ MRP และ ERP มาใช้ภายในบริษัท ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการวางแผนจัดการห่วงโซ่อุปทาน การผลิต การเงิน และกระบวนการอื่นๆ ทำให้การดำเนินงานต่างๆ ในองค์กรเป็นไปโดยอัตโนมัติและสะดวกขึ้น อาทิ การตรวจสอบระบบบัญชี การจัดซื้อ หรือแม้แต่การบริหารจัดการวัตถุดิบเพื่อจัดการและวางแผนความต้องการวัตถุดิบต่างๆ ในองค์กร ทำให้วินิจฉัยและวิเคราะห์ต้นทุนแบบเรียลไทม์ได้
สร้างสเต็ปการพัฒนา สร้างความคุ้มค่าให้องค์กร
เรื่องนี้ คุณกานต์ เล่าต่อว่า ในการพัฒนาธุรกิจนอกเหนือจากการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้แล้ว ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับต้นๆ เพราะแม้ว่าจะมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีหรือมีเครื่องจักรที่ทันสมัย แต่อย่างไรก็ต้องมีคนคอยควบคุมดูแล จึงจะเกิดการดำเนินงานที่มีคุณภาพ ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งผลักดันให้พนักงานพัฒนาตนเองเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงจะสามารถแข่งขันได้ โดยก่อนที่จะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงส่วนต่างๆ ตนเองได้สื่อสารเพื่อทำความเข้าใจไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ภายในองค์กร ดังนี้..
1. สื่อสารทำความเข้าใจไปยังผู้บริหารรุ่นก่อนหน้าทั้งคุณพ่อและคุณอา เพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนาที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งชี้แจงถึงผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลงที่จะได้รับจากการพัฒนา
2. สื่อสารไปยังบอร์ดคณะกรรมการบริษัท พร้อมทั้งมีการแสดงตัวอย่างและความคิดเห็นต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน และขออนุมัติให้เริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัท
3. นำแผนการดำเนินงานมาสื่อสารและส่งต่อไปยังพนักงานทุกคนในองค์กรเพื่อให้เกิดการนำไปปฏิบัติ โดยผู้บริหารจะมีการปฏิบัติเป็นแนวทางให้พนักงานเห็นเป็นตัวอย่าง พร้อมกับแนะนำและให้คำปรึกษาพนักงาน จนสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาองค์กรได้ และเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่มั่นคงร่วมกัน
พัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมข้าว
คุณกานต์ เล่าถึงเรื่องนี้ว่า ด้วยบริษัทมีความมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้มีคุณภาพเพื่อรองรับกับการผลิตของภาคอุตสาหกรรมข้าวมาอย่างยาวนาน จึงทำให้ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนด้านงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการพัฒนานวัตกรรม ‘เครื่องกำจัดมอดและไข่มอดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ’ ภายใต้เครื่องหมายการค้า BiO-Q
โดยยนต์ผลดี เป็นผู้ผลิตและติดตั้งเครื่อง BiO-Q ให้แก่โรงสีข้าวและโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรทุกชนิด ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถกำจัดมอดข้าวและไข่มอดได้อย่างสมบูรณ์ในข้าวและธัญพืชทุกชนิด ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อย และที่สำคัญคือปลอดสารเคมีในการรมยากำจัดมอด ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวสู่ตลาดพรีเมียมสำหรับผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ
สำหรับรูปแบบในการทำงาน คือ ใช้เทคโนโลยีการให้ความร้อนด้วยคลื่นความถี่วิทยุ แบบไดอิเล็กทริก ที่ความถี่ 27.12 ±2 MHz สามารถให้ความร้อนสูงและทั่วถึง ซึ่งเกิดขึ้นจากภายใน จึงสามารถกระจายความร้อนได้อย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอภายในระยะเวลาอันสั้น สามารถกำจัดมอดและไข่มอดผ่านระบบควบคุมการทำงานและส่งกำลังคลื่นที่ทำให้เกิดความร้อนภายในข้าวสาร ซึ่งขณะนี้มีการผลิตในเชิงพาณิชย์เพื่อส่งมอบไปยังลูกค้าแล้วกว่า 20 เครื่อง
จัดตั้งสถาบันส่งเสริมองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการและ SME
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ ชื่อ ‘โรงเรียนการจัดการข้าวหลังการเก็บเกี่ยว’ ตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรองรับการจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมข้าวรวมถึงผู้ที่สนใจ พร้อมกับเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อต่อยอดและยกระดับแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตข้าวให้มีคุณภาพสูงขึ้น
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ยังเป็นโครงการที่บริษัทตั้งใจรวบรวมองค์ความรู้จากประสบการณ์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมข้าวมากว่า 72 ปี จากผู้บริหาร และเครือข่ายพันธมิตร มาถ่ายทอดให้บุคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมข้าว โดยจะมีการเปิดหลักสูตรฝึกอบรมให้ผู้ประกอบการและ SME หรือผู้ที่สนใจทั่วไปได้ทดลองปฏิบัติในโรงสีจริงที่สร้างขึ้นมาภายในโครงการ โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ซึ่งจะช่วยยกระดับองค์ความรู้ในการจัดการข้าวด้านต่างๆ หลังการเก็บเกี่ยวตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ให้สามารถทำกำไรได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ในสายงานด้านการผลิตข้าวของไทยได้อีกด้วย
Case Study เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าการสานต่อธุรกิจครอบครัว (Family Business) ไม่ว่าจะเป็นในสายธุรกิจใดก็แล้วแต่ หากทายาทธุรกิจมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการบริหารงานให้มีมาตรฐานมากขึ้น สิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้คือการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการสื่อสารระหว่างบุคคลกับผู้บริหารรุ่นก่อนหน้า และการสื่อสารภายในองค์กร
เพราะการบริหารงานและบริหารคนในยุคปัจจุบันนั้นมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเจเนอเรชั่น พื้นฐานการศึกษา และครอบครัว ดังนั้น ผู้นำจึงควรวางแผน ออกแบบ การสื่อสารด้วยวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมกับผู้รับสาร และเลือกเวลาให้เหมาะสมที่สุด เพื่อสื่อสารเป้าหมาย ภารกิจ และชี้ให้เห็นถึงผลลัพธ์ด้วยวิธีการทำงานด้วยความชัดเจนและโปร่งใส เช่นเดียวกับที่ ‘คุณกานต์ จิตสุทธิภากร’ ได้ผลักดันและสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความทันสมัยให้กับธุรกิจ ส่งผลให้ ‘ยนต์ผลดี’ มีการเติบโตที่แข็งแกร่งและแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้จัก ‘ยนต์ผลดี’ เพิ่มเติมได้ที่ :
https://www.yontpholdee.com/
https://www.facebook.com/yontpholdee/