การปรับตัวเพื่อรักษาสภาพคล่องของโรงเรียนในช่วง Covid-19
อย่างที่เราทราบกันว่าชลบุรีนอกจากจะเป็นแหล่งเมืองอุตสาหกรรม
ศูนย์กลางของ EEC ที่มีความเพียบพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ชลบุรียังเติบโตจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกด้วย
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงให้ประชากรในชลบุรีมีรายได้สูง
แม้แต่กลุ่มธุรกิจต่างๆ ในชลบุรีก็ต่างได้อานิสงส์จากความเพียบพร้อมของเศรษฐกิจ
ทว่าการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ซึ่งทุบทุกระบบเศรษฐกิจ อันนำไปสู่มาตรการล็อกดาวน์ทั่วโลก
รวมทั้งประเทศไทยที่ได้ประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ
พรก.ฉุกเฉินนับตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ก็เหมือนสายฟ้าที่ฟาดกระหน่ำย่ำใจกลางเศรษฐกิจเมืองชลให้ชะงักงัน
สถานบันเทิงปิดกิจกรรมทุกอย่าง
ท่องเที่ยวหยุด โรงงานอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากซัพพลายเชนและออเดอร์ที่หายไปจนต้องลดการผลิต
ปลดพนักงาน หรือแม้แต่การพับฐานการผลิตกลับบ้านเกิด ทำให้เมืองที่เคยถูกขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของไทย
กลายเป็นเมืองที่ถูกมรสุมโควิด-19 ปกคลุมจนหม่นมัว ธุรกิจในพื้นที่เริ่มไร้ทิศทาง
รายได้หาย รายจ่ายคงที่ ส่งผลต่อสภาพคล่องและกระแสเงินสด ผ่านพ้นมา กว่า 2 เดือน แม้สถานการณ์โควิด-19
ในไทยส่อเค้าดีขึ้น แต่ดูเหมือนว่าช่วงที่ผ่านมามรสุมโควิดได้ถาโถมกระหน่ำเศรษฐกิจเมืองชลจนน่วมเสียแล้ว
เพราะแม้แต่โรงเรียนนานาชาติ
ซึ่งปกติจะเป็นกลุ่มธุรกิจเอกชนที่ให้บริการด้านการศึกษาแก่กลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังทรัพย์และกำลังจ่ายสูง
ก็พลอยได้รับผลกระทบจนต้องลดเงินเดือนครูและบุคลากร เพื่อพยุงธุรกิจให้รอด
เพราะมีเหตุจำเป็นต้องลดและเลื่อนเก็บค่าเทอม อันเนื่องจากผู้ปกครองได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ดร.วิราวรรณ มูลตรีภักดี เจ้าของและผู้จัดการ โรงเรียนนานาชาติมูลตรีภักดี
ตั้งอยู่ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี บอกว่า เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทำให้โรงเรียนนานาชาติมูลตรีภักดี ต้องทำการเรียนการสอนออนไลน์แทน
ขณะที่ผู้ปกครองก็ได้รับผลกระทบไม่สามารถชำระค่าเทอมได้ตามกำหนด
ทางโรงเรียนจึงมีมาตรการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ด้วยการเลื่อนเก็บค่าเทอม
และลดการเก็บค่าเทอมร้อยละ 20 - 40 และเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองสามารถผ่อนชำระค่าเทอมได้
เพราะสถานการณ์ปัจจุบันผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยกำลังได้รับผลกระทบหนักมาก โรงเรียนจึงอยากช่วยเหลือให้สามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกันได้
อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวส่งผลให้โรงเรียนต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสูงถึง
14 ล้านบาทต่อเดือน โดยเฉพาะรายจ่ายประจำอันได้แก่ เงินเดือนครูและบุคลากรที่มีอยู่กว่า
218 คน
รวมถึงต้นทุนด้านการพัฒนาการเรียนการสอนให้สอดรับกับสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน
“โรงเรียนขาดรายได้ไปเยอะมากในช่วงโควิด-19
ค่าบริการต่างๆ ที่เคยเก็บ ทางโรงเรียนไม่เก็บเลยในช่วงนี้
รวมทั้งในส่วนของรายจ่ายด้านบุคลากร และเงินเดือนครู
โดยที่ผ่านมาแม้เผชิญวิกฤติทางโรงเรียนไม่เคยลดเงินเดือนครู
และพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะบริหารจัดการรายจ่ายให้ได้โดยไม่กระทบต่อเงินเดือนครู
แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับมากมายและรายได้ที่ลดลง
ทำให้โรงเรียนเริ่มส่อเค้าขาดสภาพคล่อง ทำให้มีความจำเป็นต้องลดเงินเดือนครูในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน
ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดการเรียนการสอนต่อไปได้”
ดร.วิราวรรณ บอกอีกว่า โควิด-19 ครั้งนี้เป็นวิกฤตหนักในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาโรงเรียนได้พยายามปรับตัวเพื่อลดค่าใช้จ่าย
ทั้งชะลอแผนการพัฒนาต่างๆ ที่ยังไม่เร่งด่วนออกไปก่อน
และขอความร่วมมือจากครูและบุคลากรในโรงเรียนด้วยการปรับลดค่าจ้างสอนลง
ทุกคนก็เข้าใจถึงความจำเป็น
แต่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะและเสริมความรู้ต่างๆ
ของเด็กคงไม่สามารถหยุดหรือชะลอได้ ซึ่งต้องหาทางออกโดยขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่อง
และช่วยเหลือให้โรงเรียนยังสามารถรักษามาตรฐานในการพัฒนาทักษะต่างๆ ของเด็ก
รวมทั้งการดูแลบุคลากรในโรงเรียนได้อย่างทั่วถึง
และเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเทอมตามปกติ
ที่ผ่านมาโรงเรียนได้ปรับรูปแบบเป็นการเรียนการสอนจากเดิมเป็นรูปแบบผ่านช่องทางออนไลน์แทน
แต่ก็มีปัญหาพอสมควร อีกทั้งเมื่อสำรวจปัญหาของผู้ปกครอง
ยังพบว่าพ่อแม่หลายคนประสบปัญหาไม่สามารถดูแลให้บุตรหลานของตนเองนั่งเรียนออนไลน์หน้าคอมพิวเตอร์ได้ดีเท่าที่ควร
ขณะที่ผู้ปกครองหลายรายก็ไม่ได้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษในระดับสูงเพียงพอที่จะสอนเนื้อหาวิชาเรียนให้กับบุตรหลานของตน
จึงเป็นที่มาของโครงการที่ทางโรงเรียนต้องคอยส่งครูไปตามบ้าน (teacher on delivery) เพื่อช่วยเหลือในการจัดระบบการเรียนและแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง
โดยโรงเรียนไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด แต่ก็นับเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของโรงเรียนด้วยเช่นกัน
ดังนั้นการจัดการหลังจากนี้จึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ
ดร.วิราวรรณ ประเมินว่า สภาพคล่องในช่วง Covid-19 ไม่ดีนัก ค่าจ้างบุคลากรที่แม้จะปรับลดลงมาแล้วก็ตาม ก็ยังมีสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับรายจ่ายอื่นๆ
รวมทั้งรายรับจากค่าเทอมก็ยังเข้ามาแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ในฐานะคนทำธุรกิจ
เห็นว่าการบริหารจัดการเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยก่อนหน้าที่จะมีวิกฤตโควิด-19
โรงเรียนเพิ่งสร้างตึกเรียนใหม่และห้องเรียนเฉพาะทางเพื่อการศึกษาวิชาทางวิทยาศาสตร์
ซึ่งปัจจุบันสร้างแล้วเสร็จแต่ยังไม่ได้เปิดใช้บริการเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19
ซึ่งเป็นการลงทุนที่ยังไม่สร้างรายได้ในขณะนี้แต่สำหรับการบริหารในช่วงนี้ตลอดจนในอนาคต
ได้เน้นเทคนิคการโยกเงินจากแผนที่ยังไม่จำเป็นเร่งด่วนมาร่วมกับการปรับลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นอื่นๆ
ลง เพื่อรักษาสภาพคล่อง
“ในฐานะเจ้าของโรงเรียนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายไม่ใหญ่มากในภาคธุรกิจเดียวกันกล่าวว่า
การจะรอดจากวิกฤตนี้ก็ต้องรอดกันครบทุกองคาพยพ ซึ่งในกรณีของเธอคือ โรงเรียน
บุคลากร ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียน
โดยต้องไม่ลืมที่จะรักษาคุณภาพของธุรกิจตนเองไว้ให้ได้มากที่สุดเช่นเดียวกัน” ดร.วิราวรรณ กล่าวทิ้งท้าย
ตัวอย่างของโรงเรียนนานาชาติมูลตรีภักดี
ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองพัทยา นับเป็นกรณีศึกษาทางธุรกิจ ซึ่งหากมองกลุ่มเป้าหมาย (หรือกลุ่มลูกค้า)
ก็นับว่าเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงพอสมควร แถมความเจริญในทุกด้านของชลบุรีก็เปรียบได้ว่าการทำธุรกิจในพื้นที่นี้มีโอกาสที่ดีกว่าหลายๆ
พื้นที่
แต่เจอมรสุมโควิด-19 โรคอุบัติใหม่ที่ยังไม่มีวัคซีนรักษา
ส่งผลให้ธุรกิจ ผู้คน ไม่ว่ารวย-จน ต่างได้รับผลกระทบ โรงเรียนนานาชาติที่เดิมผู้ปกครองมีกำลังจ่ายก็ประสบปัญหาการค้างชำระและเลื่อนชำระ
ทำให้รายได้หดหายเช่นกัน ดังนั้นการรักษาสภาพคล่องของธุรกิจ การลดรายจ่าย
และการวางแผนการลงทุนที่รอบคอบ น่าจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในอนาคต
เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าพรุ่งนี้จะเกิดโรคระบาดหรือภัยพิบัติอะไรขึ้นอีกจนทำให้เศรษฐกิจชะงักงัน
สภาพคล่องทางการเงิน การวางแผนขอสินเชื่ออย่างเพียงพอ รวมถึงการบริหารจัดการเงิน
ลดรายจ่าย และจัดการหนี้สินอย่างเป็นระบบ นับเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางธุรกิจได้อย่างดีทีเดียว
ภาพ : facebook Mooltripakdee International School
แหล่งที่มา :
https://www.youtube.com/watch?v=vVs34z8jpmw&feature=youtu.be&app=desktop
https://voicetv.co.th/read/_g8N-RZG9
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<