จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19)
ที่ยังมีความไม่แน่นอนของการสิ้นสุดการระบาด และแนวโน้มการหดตัวของเศรษฐกิจโลกย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นวงกว้าง
โดยเฉพาะการจ้างงาน การประกอบอาชีพของประชาชน และการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ ด้วยเหตุนี้หลายๆ
ธุรกิจต่างเฝ้าจับตาถึงมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่จะอัดฉีดงบประมาณกระจายสู่ทุกอณูของภาคธุรกิจ
เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์เศรษฐกิจภายในประเทศให้กลับมาขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลังอีกครั้ง
ล่าสุดเมื่อมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 12 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในด้านต่างๆ วงเงิน 400,000 ล้านบาท ที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้มีมติเห็นชอบแล้วในคราวประชุม ครั้งที่ 3/2563 ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอสาระสำคัญของกรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในด้านต่างๆ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
กำหนด 3 หลักการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ
1. ฟื้นฟูและสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก :
โดยให้ความสำคัญต่อสาขาเศรษฐกิจของประเทศที่ยังคงมีความได้เปรียบ และมีโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับประเทศในช่วงหลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 เช่น เกษตรอัจฉริยะ เกษตรมูลค่าสูง
เกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมอาหาร Bio- Economy การท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน
อุตสาหกรรมการให้บริการ เศรษฐกิจสร้างสรรค์
รวมทั้งให้ความสำคัญต่อกิจกรรมและธุรกิจชุมชนที่มีศักยภาพและโอกาส
2. เกิดการสร้างงานและสร้างอาชีพ : สามารถรองรับแรงงานส่วนเกินที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน
มุ่งเน้นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานทั้งในด้านกำลังคน แผนงานโครงการ และการลงทุน
3. มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่และภาคส่วนอื่นๆ
ในสังคม : เช่น ภาคเอกชน มูลนิธิ และภาควิชาการ
4 หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินกู้ 4
แสนล้านบาท
ด้านการใช้จ่ายเงินกู้
4 แสนล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนดควรต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดในแต่ละช่วงเวลา
โดยมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้
1. ขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศบนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
และสร้างการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ
และภาคประชาชน
2. สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ ให้สามารถรองรับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป อาทิ
การสร้างความมั่นคงทางอาหาร เวชภัณฑ์ พลังงาน ดิจิทัล ระบบโลจิสติกส์
3. ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
ในเชิงปริมาณไปสู่การผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น และการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น
4. สร้างระบบการเรียนรู้สำหรับประชาชนในการพัฒนา/ปรับเปลี่ยนทักษะ ให้สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต
กำหนด
8
กลุ่มเป้าหมาย โครงการที่เข้าข่ายการฟื้นฟู
กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในด้านต่างๆ
วงเงิน 400,000 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ประชาชน เกษตรกร/สถาบันเกษตรกร
ชุมชน/วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ
แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
นิสิตนักศึกษาที่อยู่ระหว่างการเรียนและผู้ที่จบการศึกษาที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน
แรงงานในระบบและนอกระบบ และผู้ว่างงาน
ด้านหลักเกณฑ์ของโครงการที่เข้าข่ายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
1. โครงการที่มีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ 13 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
2.
การดำเนินโครงการที่ยึดหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพ (Effectiveness)
ประสิทธิผล (Efficiency) การตอบสนองความต้องการ
(Responsiveness) ของประชาชนและชุมชนในพื้นที่
การกระจายทรัพยากรอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมทั้งในระดับพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย(Equity)
ความยั่งยืนของการดำเนินการ (Sustainability) ความโปร่งใส
(Transparency) การป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นและการตรวจสอบได้
(Accountability) โดยจะต้องมีการรายงานผลการดำเนินงานที่เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ข้อ 1 และ 2 จะต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง
ดังต่อไปนี้
3. โครงการที่สามารถสร้างการจ้างงาน สร้างอาชีพในชุมชน การพัฒนาเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ในชุมชน
การเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ของชุมชนกับตลาดภายในประเทศและระหว่างประเทศ
4. โครงการที่เป็นการเพิ่มศักยภาพในสาขาการผลิต
การบริการที่ยังคงมีความได้เปรียบและเป็นที่ต้องการของตลาด
รวมทั้งมีโอกาสในการเติบโตในช่วงหลังจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยพิจารณานำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG) มาใช้ประโยชน์ในการดำเนินงาน
5. โครงการที่สามารถกระตุ้นการบริโภค
และการผลิตภายในประเทศในช่วงครึ่งหลังของปี 2563
6. โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถตอบสนองความต้องการของชุมชน และสนับสนุนการเพิ่มศักยภาพของภาคการผลิตและภาคการบริการของประเทศ
พัฒนาเกษตร-อุตสาหกรรม
การค้า/ลงทุน-ท่องเที่ยว/บริการ
แผนงานหรือโครงการลงทุนและกิจการการพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
เพิ่มศักยภาพ และยกระดับการค้า การผลิต
และการบริการในสาขาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยครอบคลุมภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม
การค้าและการลงทุน ท่องเที่ยวและบริการ
ภาคเกษตรกรรม : เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่
โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตร
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต
วางระบบกระบวนการผลิตที่ถูกสุขลักษณะและความปลอดภัย
ปรับระบบการทำการเกษตร
โดยส่งเสริมให้เกษตรกรที่มีศักยภาพปรับรูปแบบการทำการเกษตรไปสู่การทำเกษตรอัจฉริยะ
และเชื่อมโยงการผลิตภาคการเกษตรให้สามารถเข้าสู่เกษตรอุตสาหกรรม
โดยประยุกต์ใช้เครื่องจักรกลเกษตรและเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำในกระบวนการผลิต
เพื่อปรับระบบการผลิตสู่เกษตรสมัยใหม่ ทั้งนี้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้มีการใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่สามารถผลิตได้ภายในประเทศเป็นหลัก
สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร
โดยการให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้า Premium และความหลากหลายผลิตภัณฑ์
รวมทั้งการส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถค้าขายออนไลน์ผ่านตลาด e-Commerce ทั้งที่เป็น e-Marketplace หรือ Social
Commerce ด้วยต้นทุนการขนส่งและการตลาดที่แข่งขันได้
ภาคอุตสาหกรรม
การค้า/การลงทุน : ฟื้นฟูอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัส
โดยทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน สนับสนุนการใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงและทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิต
และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจต่างๆ
ตามนโยบายของรัฐ สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาทักษะแรงงาน ให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง
ขยายการจัดตั้งศูนย์วิเคราะห์และทดสอบผลิตภัณฑ์ (Testing Center) ในภาคอุตสาหกรรมสำคัญ
ภาคท่องเที่ยวและบริการ :
มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ (Responsible Tourism) อุตสาหกรรมการให้บริการ
(Hospitality Industry) และเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกในเมืองหลักและเมืองรอง
เพื่อยกระดับคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้องให้ได้มาตรฐานสากล
รวมทั้งมาตรฐานด้านสาธารณสุขและด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยด้านสุขภาพ
พัฒนาระบบการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว
(Carrying
Capacity) ของแหล่งท่องเที่ยว
สร้างและยกระดับแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว
รวมทั้งประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการให้บริการ และฝึกอบรมและพัฒนาผู้ประกอบการ
ตลอดจนพัฒนาฝีมือแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการให้บริการให้มีความพร้อมในการให้บริการ
ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินโครงการภายใต้แผนงาน
หรือโครงการลงทุนและกิจการการพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจฯ
เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ
อาจกำหนดให้มีรูปแบบการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ประสบความสำเร็จในแต่ละด้าน
เพื่อทำหน้าที่พี่เลี้ยงถ่ายทอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
ยกระดับ
OTOP – ท่องเที่ยวชุมชน
ด้านแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน
โดยการส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชน โดยการสร้างงาน สร้างรายได้
ให้เกิดขึ้นในท้องถิ่นชุมชน ประกอบด้วย
-
พัฒนาสินค้าและบริการของชุมชน ได้แก่
การปรับปรุง ส่งเสริมเกษตรกรรมตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง/เกษตรผสมผสาน
เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกรรายย่อย และพัฒนาสินค้าชุมชน (OTOP) การท่องเที่ยวชุมชน และบริการที่เกี่ยวเนื่องบนแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์
โดยสนับสนุนปัจจัยการผลิต พัฒนากระบวนการผลิต การแปรรูป และการใช้นวัตกรรม
ด้วยการสนับสนุนจากหน่วยงานและสถาบันการศึกษา รวมถึงการรวมกลุ่มกันดำเนินกิจกรรมของชุมชน
เพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้อย่างยั่งยืน
-
พัฒนาการตลาดและสิ่งอำนวยความสะดวก โดยส่งเสริมพัฒนาการตลาดตามแนวทางความปกติใหม่ (New Normal) ที่มีการรักษาระยะห่าง การรักษาความสะอาด
และการป้องกันโรคติดต่ออย่างเคร่งครัด และส่งเสริมการเปิดตลาดสู่ภายนอกโดยใช้ระบบการตลาดออนไลน์
รวมทั้งการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชนและเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน
(Sharing Economy)
-
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมสาธารณประโยชน์ระดับชุมชน ได้แก่
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชุมชนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
รวมทั้งเป็นแหล่งจ้างแรงงาน
-
ส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน โดยให้หน่วยงาน องค์กร และสถาบันการศึกษาสนับสนุนการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและชุมชน
-
เกิดการฟื้นฟูและพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง โดยดึงดูดคนรุ่นใหม่
ผู้ประกอบการที่มีความรู้และศักยภาพกลับคืนถิ่นเพื่อไปประกอบกิจการในท้องถิ่นของตนเอง
อัดแพ็กเกจภาษีกระตุ้นจับจ่าย
ด้านแผนงานหรือโครงการเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน
ได้มีการจัดทำมาตรการด้านภาษีและหรือมิใช่ภาษี
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการรายย่อย
การใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก และการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงหลังจากสถานการณ์การระบาดยุติแล้ว
ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน
รวมทั้งแผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่านการดำเนินโครงการ
หรือกิจกรรมเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุนกระบวนการผลิตเพื่อการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจทางด้านการค้า
การลงทุน การผลิตและการบริการในสาขาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ
รวมถึงเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน ให้เป็นไปอย่างสะดวก ปลอดภัย
มีมาตรฐานบนต้นทุนที่แข่งขันได้ ได้แก่
-
การพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำและระบบชลประทาน โดยการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก
น้ำบาดาลที่มีความพร้อมในการดำเนินการ
ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยภาคการเกษตรให้มีน้ำใช้เพียงพอต่อการเพาะปลูกแล้ว
ยังเป็นการกระจายเม็ดเงินลงทุนไปในพื้นที่ต่างๆ และจะเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำของประเทศเพื่อรองรับในกรณีภัยแล้ง
และอุทกภัยในอนาคตได้ด้วย
- การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ โดยการพัฒนา/ปรับปรุงโครงข่ายคมนาคมในรูปแบบต่างๆ ให้สามารถเชื่อมโยงการเดินทางและขนส่งสินค้าจากชุมชน/ท้องถิ่น สู่ประตูการค้าหรือจุดต้นทางการเดินทางที่สำคัญของประเทศได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และมีต้นทุนลดลง การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่ช่วยสนับสนุนให้สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของภาครัฐได้อย่างเป็นรูปธรรม
แพลตฟอร์มดิจิทัลในครัวเรือน-วิสาหกิจชุมชน
โครงการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาครัฐและภาคเอกชน
เกิดการวิจัยและพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มภายในประเทศในลักษณะบูรณาการ
ทั้งในส่วนของการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
การประกอบอาชีพของประชาชนทั้งในระดับครัวเรือน วิสาหกิจชุมชน
ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม
รวมถึงรองรับการประกอบธุรกิจในภาคการผลิตและภาคบริการในรูปแบบใหม่ๆ
ที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสาร 5G เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในอนาคต
ตอบสนองต่อความต้องการใช้งานของทุกภาคส่วน ครอบคลุมและทั่วถึง
โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการค้าออนไลน์ภายในประเทศ ที่สามารถเชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์ภายในประเทศ
เพื่อให้ประชาชน ผู้ประกอบการ
ชุมชนหรือวิสาหกิจชุมชนสามารถใช้ประโยชน์ในการเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรงและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตของชุมชน