ตลาดค้าปลีกของอินเดียถือว่าเนื้อหอมไม่น้อย ด้วยเหตุที่อินเดียเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 1.33 พันล้านคน มีอัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่อง
โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าในปี 2020 จะเติบโตถึง 4.8%
จึงเป็นแหล่งขุมทองของนักลงทุนค้าปลีกจากทั่วโลก
จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ประจำมุมไบ ประเทศอินเดีย ระบุว่ามูลค่าธุรกิจค้าปลีกอินเดียในปี 2561 เท่ากับ 792,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ใหญ่กว่าขนาดเศรษฐกิจไทยที่มีมูลค่า 505,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในแต่ละปีตลาดนี้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% และคาดว่าจะเติบโต 12-14% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ที่สำคัญธุรกิจนี้ยังก่อให้เกิดการจ้างงาน 8% มีสัดส่วนคิดเป็น 10% ของจีดีพีอินเดีย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
หากวิเคราะห์โครงสร้างธุรกิจค้าปลีกอินเดียจะพบว่า
ส่วนใหญ่ยังเป็นร้านค้าแบบดั่งเดิม ถึง 91%
และมีร้านค้าปลีกสมัยใหม่หรือ Modern Trade อยู่เพียง 9% เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตุว่า “ร้านค้าปลีกออนไลน์” ก็เริ่มมีความนิยมเพิ่มขึ้นในอินเดีย
โดยเฉพาะที่ขายสินค้ากลุ่มเสื้อผ้ารองเท้า
และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จากตัวเลขการบริโภคในอินเดียที่มีแนวโน้มเติบโต 10-11% และมีประชากรคนชั้นกลางที่มีรายได้เพิ่ม และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุไม่เกิน
25 ปี หรือกลุ่ม Millennial มากขึ้น
ซึ่งคนกลุ่มนี้นิยมซื้อสินค้าจากระบบออนไลน์
ด้วยธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น
จากปัจจัยบวกคือตัวเลขสถานการณ์ตลาดสินค้าอุปโภค
บริโภคของอินเดียที่คาดการณ์ว่ามีสัญญานเริ่มฟื้นตัว และมีโอกาสจะขยายตัวประมาณ 10%
จากในปี 2563-2564 รวมถึงผลการดำเนินนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอินเดีย
ตามแนวทางที่เรียกว่า “Make in India” ซึ่งช่วยให้เกิดการจ้างงาน
กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ประกอบกับรายได้จากภาคเกษตร ที่คาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น
ดังนั้นทางรัฐบาลอินเดียจึงได้มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจค้าปลีก โดยเปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนค้าปลีกสำหรับจำหน่ายสินค้าแบรนด์เดียว (Single Brand Retail) สามารถถือหุ้นได้ในสัดส่วน 100% ภายใต้เงื่อนไขว่า หากถือหุ้นเกิน 51% ต้องมีการจัดซื้อสินค้าที่ผลิตในอินเดียอย่างน้อย 30% ของมูลค่าที่จำหน่าย โดยเฉพาะการซื้อสินค้าจากกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กมาก หรือไมโครเอสเอ็มอีของอินเดีย โดยนักลงทุนจะต้องขออนุมัติจากกรมส่งเสริมและนโยบายอุตสาหกรรม (Department of Industrial Policy) กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม
ขณะที่การลงทุนธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าจากหลากหลายแบรนด์
(Multi Brand Retail) จะต้องลงทุนอย่างน้อย 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยครึ่งหนึ่งจะต้องเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น
ศูนย์กระจายสินค้า ห้องเย็น และโรงงานบรรจุหีบห่อ
ซึ่งรัฐบาลคาดหวังว่าจะเพิ่มการสร้างงานให้กับคนอินเดีย และเป็นการกระตุ้นให้ธุรกิจค้าปลีกอินเดียปรับตัว
เพื่อแข่งขันกับต่างชาติในการพัฒนาบริการให้ดีขึ้น
ทั้งหมดนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ ในปี 2561 ที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนโดยตรง (FDI) ด้านค้าปลีกหลั่งไหลเข้ามายังอินเดียมูลค่ากว่า
180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทำให้ปัจจุบันอินเดียมีแบรนด์ค้าปลีกจากทั่วโลก อาทิ Walmart,Tesco, Metro,
Ikea, Marks&Spencer และ Decathlon รวมถึงค้าปลีก
Siam Macro จากประเทศไทย
ที่ได้ก้าวเข้าไปลงทุนแข่งขันกับแบรนด์ค้าปลีกชั้นนำของอินเดีย อาทิ Reliance
Retail Future Group และ Aditya Birla สร้างความคึกคักให้ตลาดค้าปลีกอินเดียได้ไม่น้อย