มูฟออนเทคดิสรัปต์ ‘รุ่งศิลป์การพิมพ์’ Business Transformation สู่โรงพิมพ์ชั้นนำเมืองไทย การันตีด้วยรางวัลระดับเอเชีย

‘เทคโนโลยีดิสรัปชัน’ ทุกธุรกิจต่างต้องปรับตัว รวมถึงวงการสื่อสิ่งพิมพ์ที่ต้อง Business Transformation ขนานใหญ่ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ก่อเกิดกรณีศึกษาอันน่าสนใจว่าคุณอภิชาติ จิวัจฉรานุกูล กรรมการผู้จัดการ และคุณนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สองหัวเรือใหญ่นำพา บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด มูฟออนอย่างไร จนประสบความสำเร็จเป็นผู้ประกอบการ SME ที่ดำเนินกิจการสู่การเป็นโรงพิมพ์แถวหน้าของเมืองไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านคัลเลอร์แมตชิ่ง การพิมพ์มีความละเอียดชิ้นงานมีคุณภาพสูง

การันตีด้วยรางวัลมากมาย อาทิ รางวัลเหรียญเงิน : งานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 15 (ปี 2020), รางวัลเหรียญเงิน : งานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งเอเชีย (ปี 2019), รางวัลเหรียญเงิน : งานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 13 (ปี 2018), รางวัลเหรียญทอง : งานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 12 (ปี 2017)

 

คุณนัทธพลพงศ์ กล่าวว่า บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด เป็นธุรกิจครอบครัว (Family Business) ดำเนินกิจการมาตั้งแต่รุ่นเหล่ากง โดยทำเกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์มากว่า 60 ปีแล้ว เริ่มต้นจากพิมพ์ปฏิทินจากนั้นในปี 2525 ได้สั่งซื้อลงเครื่องพิมพ์ริบบอนม้วน เพื่อขยายฐานลูกค้าในการพิมพ์หนังสือเรียนมากขึ้น บริษัทได้มีการปรับตัวตลอด ในยุคคุณปู่ได้มีวิสัยทัศน์ว่า การพิมพ์หนังสือเรียนจะมาแรง จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นมีการใช้หนังสือเรียนมากขึ้น บริษัทจึงปรับตัวมาพิมพ์หนังสือเรียน 

จากนั้นช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทเริ่มเห็นว่าธุรกิจจะเกิดเทคโนโลยีดิสรัปชัน จึงมูฟออนไปพิมพ์เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากมองว่าการขายสินค้าทุกอย่างจำเป็นต้องมีแพ็กเกจจิ้ง นำมาสู่การ Business Transformation องค์กร นำเทคโนโลยีมาใช้ด้านการพิมพ์มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์กระแส - พฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบัน

โดยปัจจุบันเทรนด์บรรจุภัณฑ์กระดาษกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด 19 เป็นตัวเร่ง เนื่องจากในอดีตอาจมีการใช้ซ้ำเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อโควิดแพร่ระบาดมากขึ้น ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์มีการใช้มากขึ้น อย่างเช่น กล่องหน้ากากอนามัย รวมถึงอาหารที่สมัยก่อนอาจจะกินด้วยจานที่ร้านได้เลย แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนมาเป็นเดลิเวอรีมากขึ้น ทำให้ต้องใช้กล่องหรือพัสดุที่ห่อหุ้มสิ่งของเพื่อส่งให้กับลูกค้ามากขึ้นตามไปด้วย

ในเรื่องนี้ คุณนัทธพลพงศ์ เผยว่า งานทุกชิ้นที่บริษัทผลิตต้องมีคุณภาพ ถึงแม้ว่าราคาอาจต้องมีการแข่งขัน แต่คุณภาพและความประทับใจลูกค้าต้องไม่แบ่งเกรดทุกงานต้องได้มาตรฐาน ส่งผลให้บริษัทเติบโตไปกับลูกค้า 

เนื่องจากรุ่งศิลป์การพิมพ์เป็นโรงพิมพ์แห่งเดียวในประเทศไทยที่สามารถผลิตงานเม็ดสกรีน (Halftone Cell) มีความละเอียดระดับ 600 LPI (Lines Per Inch หน่วยเส้นต่อนิ้ว บอกความละเอียดของภาพ สำหรับระบบการพิมพ์เม็ดสกรีน ซึ่งแสดงความละเอียดเป็นแนวเส้น เนื่องจากเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ท ปกติหมึกพิมพ์ก่อนที่จะพิมพ์บนกระดาษ จะติดอยู่ที่โมพิมพ์ซึ่งมีลักษณะเป็นทรงกระบอก ดังนั้นเวลาถ่ายทอดภาพบนกระดาษก็จะถ่ายทอดตามโมพิมพ์ ตามยาวของแนวโมแม่พิมพ์จึงเป็นที่มาของเส้นของสกรีนที่ถ่ายทอดตามแนวยาวของโมแม่พิมพ์นั้น) ทำให้ภาพคมชัดเป็นพิเศษ โดยเป็น Know How ของบริษัท ซึ่งทำได้ที่เดียวในเมืองไทย

คุณอภิชาติ จิวัจฉรานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า โดยทั่วไปเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ท จะมีความละเอียด 175 - 200 LPI แต่งานที่บริษัทผลิตละเอียดถึง 600 LPI ซึ่งแต่ละภาพจะมีแกน X และ Y โดยแกน X จะละเอียดมากกว่าเครื่องปกติ 3 เท่า ส่วนแกน Y ละเอียดมากกว่าเครื่องพิมพ์ปกติ 3 เท่า เมื่อนำทั้ง 2 แกนมาคูณกัน จะทำให้งานของรุ่งศิลป์การพิมพ์มีความละเอียดมากกว่าถึง 9 - 10 เท่า สามารถเอาแว่นขยายมาส่องจะเห็นดีเทลเล็กๆ 

อีกส่วนหนึ่งที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษก็คือ การทำคัลเลอร์แมตชิ่ง ซึ่งเข้ามาในระบบการพิมพ์มานานแล้ว แต่รุ่งศิลป์การพิมพ์ทำแล้ว Success กว่าที่อื่นก็คือ การทำให้ดิจิตอลปรู๊ฟออกมาใกล้เคียงกับการพิมพ์จริง (ประมาณ 90%) ยืนยันคุณภาพด้วยรางวัลที่โรงพิมพ์ประสบความสำเร็จในการส่งผลงานเข้าประกวด อาทิ รางวัลเหรียญเงิน : งานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 15 (ปี 2020), รางวัลเหรียญเงิน : งานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งเอเชีย (ปี 2019), รางวัลเหรียญเงิน : งานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 13 (ปี 2018), รางวัลเหรียญทอง : งานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 12 (ปี 2017)

ในเรื่องนี้ คุณอภิชาติ บอกว่า หากพูดถึงการผลิตหนังสือ บริษัทจะมีทีมนักเขียน ทีมถ่ายภาพ ทีมทำอาร์ตเวิร์คให้ลูกค้า สำหรับรายที่ไม่มีต้นฉบับสามารถมาปรึกษาได้ รุ่งศิลป์การพิมพ์ ก็จะจัดหาทีมเขียนที่เหมาะกับหนังสือที่ลูกค้าต้องการทำ รวมถึงถ่ายรูป และอื่นๆ แบบครบวงจร

ขณะที่ คุณนัทธพลพงศ์ เผยว่า ปัจจุบันบริษัทได้นำเทคโนโลยีมาผนวกเข้ากับหนังสือรูปแบบเดิม เช่น สมัยก่อนเด็กเรียนรู้ตัวนูนๆ เป็นรูปยีราฟ เดี๋ยวนี้ต้องเป็นเทคโนโลยีเช่น  AR, VR ซึ่ง รุ่งศิลป์การพิมพ์ สามารถทำได้ อยู่ที่ทางลูกค้าต้องการแบบไหนอย่างไร เช่น แผ่นพับนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็มีการใช้ AI ซึ่งพอนำมือถือไปถ่ายรูป ในแผ่นพับจะปรากฏรายละเอียดต่างๆ ขึ้นมาให้ได้ทราบ รวมถึงการทำ QR Code เมื่อสแกนเสร็จเรียบร้อยก็จะได้ E-Book อีกหนึ่งฉบับ เป็นต้น

คุณอภิชาติ กล่าวสำทับเพิ่มเติมว่า หนังสือสมัยนี้ไม่เหมือนหนังสือสมัยก่อนที่ถ่ายอย่างเดียว หนังสือยุคปัจจุบันกลายเป็นเครื่องมือส่งมอบสาระความรู้ที่ดีมาก เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปหนังสือมีสิ่งที่ทำให้คนเข้าใจเนื้อหามากขึ้น เช่น QR Code ช่วยให้คนที่ได้อ่านหนังสือรู้ลึก - เข้าใจมากขึ้น เทคโนโลยีดิสรัปชันหนังสือบางประเภทเท่านั้น แต่สำหรับหนังสือบางประเภทก็เติบโตไปกับเทคโนโลยี ช่วยให้การรับรู้ - เรียนรู้ของคนที่อ่านหนังสือดีขึ้น 

นอกจากนี้บริษัทยังมีการทำ Security เพื่อป้องกันการปลอมแปลงบรรจุภัณฑ์ด้วย อย่างเช่น กล่องสำอางซึ่งต้องมีลายน้ำ โดยอาจไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยตาเปล่า ด้วยวิธีไมโครเทคนิค (Microtechnique) หรือการฝังตัวอักษรขนาดเล็กมากบนแพ็กเกจจิ้ง เมื่อนำแว่นขยายมาส่องก็จะเห็นลายน้ำที่ทาง รุ่งศิลป์การพิมพ์ ช่วยออกแบบ 

สำหรับเรื่องนี้ คุณนัทธพลพงศ์ แสดงทรรศนะอย่างน่าสนใจว่า แม้จะเกิดเทคโนโลยีดิสรัปชันแต่มองว่าอย่างไรก็ตามต้องมีหนังสืออยู่ไม่สามารถมูฟไปดิจิตอลได้ทั้งหมด เนื่องจากมีข้อมูลซึ่งนักวิจัยได้ทำการศึกษาค้นคว้า พบว่า หนังสือคือตัวแปรทำให้เด็กพัฒนาไปสู่นวัตกร (Innovator) เพื่อสร้างนวัตกรรม (Innovation) ได้ดี เกิดการเรียนรู้ได้คิดแล้วลงมือปฏิบัติจริง อย่างเช่น มีกรรไกรนำมาสอนให้เด็กตัดรูปดาว จะทำให้เด็กมีจินตนาการ ซึ่งจะทำให้การเรียนรู้ของเด็กเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คุณนัทธพลพงศ์ กล่าวว่า ส่งผลกระทบด้านค่าขนส่งทางเรือ เนื่องจากตู้คอนเทนเนอร์ราคาสูงขึ้น 10 เท่า เป็นเหตุให้การซัพพลายกระดาษจากต่างประเทศ การส่งออกได้รับผลกระทบ รวมถึงต้องใช้เวลาขนส่งนานขึ้น เช่น วัตถุดิบจากประเทศอินโดนีเซียขนส่งมาเมืองไทยใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ปัจจุบันใช้เวลาประมาณ 2 เดือนเศษ 

ท้ายบทสัมภาษณ์ คุณนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด ได้ให้ความเห็นถึงธุรกิจครอบครัว (Family Business) เพื่อเป็นแนวทางส่งไม้ต่อจากรุ่นสู่รุ่นให้กับกิจการอื่นว่า ตนเองเป็นทายาทธุรกิจรุ่นที่ 4 แล้ว โดยคุณพ่อและคุณย่าได้ปลูกฝังให้คลุกคลีกับสิ่งพิมพ์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ วางรากฐานการสืบทอดธุรกิจอย่างเป็นระบบ สอนวิธีการคิดราคา พาไปเรียนรู้ชนิดกระดาษ การผลิตต่างๆ เพื่อให้เข้าใจกระบวนการ - ลักษณะองค์กรทั้งหมด

โดยสิ่งที่ผู้บริหารรุ่นแรกๆ ควรทำเพื่อให้รุ่นต่อไปสืบทอดกิจการแล้วประสบความสำเร็จก็คือ ต้องเข้าใจสไตล์คนยุคใหม่ มีความไว้วางใจ - เชื่อใจทายาทธุรกิจ เปิดโอกาสให้ Creativity เต็มความสามารถ เช่นให้ทดลองทำงานหนึ่งชิ้น แล้วให้ออกแบบ - จัดการ ให้ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ โดยวิธีทำงานปล่อยให้ทายาทธุรกิจรังสรรค์ได้เต็มที่ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอยากสานต่อกิจการมากขึ้น ที่สำคัญต้องสามารถแสดงความคิดเห็นได้ โดยผู้บริหารรุ่นแรกๆ พร้อมรับฟัง เมื่อเกิดจุดผิดพลาดก็ช่วยสอน - แนะแนวทางแก้ไข ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะ Win Win ทั้งฝ่ายส่งมอบและผู้สืบทอดกิจการ นำมาสู่การเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคงในอนาคต