สถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนทั่วประเทศค่อยค้างซึมลึก
ปริมาณการค้ายังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ส่งผลให้มีการปิดจุดผ่านแดนของไทยทั่วประเทศทั้งหมด
69 จุดจากจำนวนทั้งหมด 97 จุด เหลือจุดที่เปิดให้บริการได้เพียง 28
จุดเท่านั้น
ผลพวงจากการปิดด่านต่างๆ
ทำให้สถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค. – พ.ค.)
มีมูลค่ารวม 524,357 ล้านบาท ลดลง 9.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยไทยส่งออก 305,725 ล้านบาท ลดลง 9.03% และนำเข้า 218,632 ล้านบาท ลดลง 10.65%
ทำให้ไทยเกินดุลการค้า 87,093 ล้านบาท
และหากแยกเฉพาะการค้าชายแดนกับคู่ค้า 4 ประเทศ ในช่วง ม.ค. – พ.ค. 63 พบว่า มาเลเซียยังเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่าการค้ารวม 87,854 ล้านบาท ลดลง 32.43% รองลงมาคือ สปป.ลาว มูลค่า 77,172 ล้านบาท ลดลง 6.59% เมียนมา มูลค่า 73,740 ล้านบาท ลดลง 10.96% และกัมพูชา มูลค่า 70,872 ล้านบาท ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่มีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้น 5.20%
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยที่ส่งออกไปยังตลาดอันดับ
1 อย่างมาเลเซีย คือ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ และแผงวงจรไฟฟ้า
ขณะที่ตลาด สปป.ลาว มีสินค้าหลักคือ น้ำมันดีเซล สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ สินค้าแร่ และเชื้อเพลิงอื่นๆ เมียนมา ได้แก่
เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำมันดีเซล และปูนซีเมนต์ และกัมพูชา ได้แก่
เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สินค้าปศุสัตว์ และรถยนต์นั่ง เป็นต้น
ในส่วนยอดการค้าผ่านแดนนั้น พบว่า
จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งมีมูลค่าการค้ารวม 90,740 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น
15.74% โดยสินค้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลไม้สด ยางพารา และเครื่องคอมพิวเตอร์ฯ
รองลงมา คือ สิงคโปร์ มูลค่า 36,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.83%
โดยสินค้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องยนต์สันดาปฯ เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ
และแผงวงจรไฟฟ้า และเวียดนาม มูลค่า 24,697 ล้านบาท ลดลง 26.71% สินค้าสำคัญ
ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำฯ ผ้าผืนและด้าย และรถยนต์ฯ ประเทศอื่นๆ มูลค่า 63,180
ล้านบาท ลดลง 16.85%
นายกีรติ รัชโน
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ยอมรับว่าการค้าชายแดน-ผ่านแดนลดลง จากปัญหาของโควิด-19
ส่งผลต่อการขนส่งสินค้า และมีการปิดด่านเป็นจำนวนมากทำให้มูลค่าการค้าลดลง
อย่างไรก็ตามกรมการค้าต่างประเทศเชื่อว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป
สถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มดีขึ้น
จนถึงขณะนี้มีการคลายล็อกดาวน์
ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้มีส่วนร่วมผลักดันให้มีการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติม 9
จุด ได้แก่
1. จุดผ่านแดนถาวรท่าเรือหนองคาย จ.หนองคาย
2. จุดผ่านแดนถาวรบ้านคกไผ่ อ.ปากชม
จ.เลย
3. จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน
จ.จันทบุรี
4. จุดผ่านแดนถาวรปาดังเบซาร์
จุดผ่านแดนถาวรบ้านประกอบ จ.สงขลา
5. จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน อ.เมือง
จ.กาญจนบุรี
6. จุดผ่อนปรนการค้าบ้านแจมป๋อง อ.เวียนแก่น
จ.เชียงราย
7. จุดผ่อนปรนการค้าบ้านห้วยต้นนุ่น
อ.ขุมยวน จ.แม่ฮ่องสอน
8. จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร อ.เมือง
จ.ประจวบคีรีขันธ์
9. จุดผ่อนปรนท่าข้ามธรรมชาติ
ตลอดแนวชายแดนเมียนมา จ.ตาก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะมีการพิจาณาเปิดด่านชายแดนต่างๆ
เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้การค้าชายแดนขยายตัวได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง
กรมการค้าต่างประเทศได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการค้าชายแดน
เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์
โดยการปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าชายแดนรูปแบบใหม่
เน้นทำการค้าออนไลน์มากขึ้น เพราะจากปัญหาโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมรูปแบบเดิมได้
ด่านการค้าไม่เปิดการค้าชายแดนก็ทำได้อยากลำบาก
อีกทั้งประชาชนยังไม่สามารถเดินเข้า-ออกได้ มีเพียงการขนส่งสินค้าผ่านแดนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563
รัฐบาลได้ออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 11) ข้อ 5
ผ่อนผันการใช้ช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักรเฉพาะเพื่อการขนส่งสินค้า
เพื่อบรรเทาผลกระทบและขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าชายแดน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาเปิดช่องทางเข้าออกด่านจุดผ่านแดนหรือจุดผ่อนปรนในพื้นที่รับผิดชอบ
เฉพาะเพื่อการนำเข้าส่งออกสินค้าผ่านแดนได้ตามความจำเป็น
โดยต้องมีมาตรการป้องกันโรคและกำกับการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ
และเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
โดยเริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา ส่งผลให้ปัจจุบันมีการเปิดจุดผ่านแดน ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2563 จำนวน 12 จุด คือ ไทย-มาเลเซีย 4 จุด ไทย-เมียนมา จำนวน 6 จุด ไทย-สปป.ลาว จำนวน 1 จุด ไทย-กัมพูชา จำนวน 1 จุด ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถระบายสินค้าเพื่อจำหน่ายไปยังช่องทางการค้าชายแดนได้เพิ่มขึ้น