ปัจจุบันการเข้าไปทำธุรกิจในประเทศจีน
ปัญหาใหญ่ที่นักธุรกิจไทยหรือผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายที่ตลาดแดนมังกร
ไม่สามารถเจาะตลาดประสบความสำเร็จตามที่วาดฝันไว้ คือไปแล้วมักถูกนักธุรกิจท้องถิ่นปลอมแปลงสินค้า
หรือแอบเอาแบรนด์ไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังในไทยและต่างประเทศอยู่แล้ว ไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหรือที่เรียกว่า
Trademark Hijacking
โดยจดเป็นชื่อของเขาเองเพื่อขายให้กับเจ้าของแบรนด์ตัวจริงเสียงจริงในราคาที่แพงลิ่ว หากต้องการใช้แบรนด์ดั้งเดิมเป็นหัวหอกในการเข้าไปเจาะตลาดในจีน เรื่องนี้มือใหม่ๆ โดนกันเยอะ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แม้ทุกวันนี้
Trademark Hijacking ยังกลายเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้ประกอบการต่างชาติ
รวมทั้งไทยที่จะเข้าไปทำตลาดในจีน
ซึ่งเป็นประเทศที่มีการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ามากที่สุดในโลก และพบปัญหา
Trademark Hijacking มากที่สุดเช่นเดียวกัน
ขบวนการนี้มักจะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีนตัดหน้าเจ้าของเดิม
หรือพูดแบบง่ายๆ คือการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของแบรนด์คนอื่นโดยไม่สุจริตเพื่อกันสิทธิของเจ้าของที่แท้จริง
ซึ่งถือเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้ารูปแบบหนึ่ง ซึ่งผู้ประกอบการไทยจำนวนมากประสบปัญหาดังกล่าว
จนไม่สามารถทำการตลาดในจีนได้
โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก
หรือ SMEs ของไทย ในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เครื่องดื่ม
และเครื่องสำอาง เป็นต้น ซึ่งถูกขบวนการ Trademark Hijacking
ของจีนแอบจดทะเบียนการค้าไว้ดักหน้ารอไว้แล้ว ซึ่งก่อนจะจดทะเบียนคนจีนจะไปสอดส่องดูแบรนด์ต่างๆ
ตามงานนิทรรศการสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยไปจัดงานแสดงสินค้าที่ประเทศจีน
จากนั้นค้นหาข้อมูลชื่อแบรนด์สินค้าแล้วไปแอบจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเอาไว้
ก่อนที่บรรดาแบรนด์ดังเหล่านี้จะเข้าไปทำตลาดในประเทศจีนก็จะเจออุปสรรคทันที
หากจะนำแบรนด์ไปขายในจีนก็ไม่ได้เดียวจะถูกทางการจีนตั้งข้อหาละเมิดสิทธิบัตรการค้า
ซึ่งก่อนหน้านี้พันธุ์ทุเรียนหมอนทองไทย ก็เคยถูกบริษัทในจีนเอาไปจดทะเบียนการค้าในหลากหลายชนิดสินค้าเช่นกัน
แม้แต่แบรนด์อาหารสัตว์ยังมีชื่อพันธุ์ทุเรียนหมอนทองก็ถูกนำไปจดทะเบียนการค้า
นอกจากนี้แม้แต่การเปิดบัญชี Official ของแบรนด์บน Social media ของจีนก็ไม่เว้น เช่น เปิด Official Weibo account การยืนยันตัว
(Verify account) หรือ บนแพลตฟอร์ม WeChat
ก็มีบริษัทในจีนหรือนักธุรกิจจีนแอบเอาชื่อแบรนด์ของไทยไปจดตัดหน้า
โดยแอบเปิด Verified account เพื่อขายให้เจ้าของเดิมในราคาแพงหากต้องการนำแบรนด์สินค้าเข้าไปขายในโลกโซเชียล
4 อุปสรรคนักธุรกิจไทยเข้าเจาะตลาดจีนล้มเหลว
แบรนด์สินค้าไทยที่ไปทำตลาดในจีนไม่ประสบความสำเร็จนั้น
ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการ
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) บอกว่า ปัญหาหลักของแบรนด์ไทย
คือการถูกละเมิดสิทธิอยู่ที่ “เครื่องหมายการค้า” แบ่งเป็น 4 กรณี คือ
1. การไม่สนใจของผู้ประกอบการไทย
2. มีการปลอมสินค้าและเครื่องหมายการค้าเพื่อขายในตลาดจีน
3. มีการปลอมสินค้าและเครื่องหมายการค้าเพื่อขายไปประเทศที่
3
4. ถูกคนจีนแย่งจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของไทยในจีน
จุดอ่อนสำคัญที่สุดของผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปทำตลาดจีนในช่วงที่ผ่านมา ต้องพับฐานทำธุรกิจในจีนกลับบ้านเกิด
4 กลยุทธ์เด็ดสกัดลอกเลียนแบรนด์สินค้าไทย
วิธีการป้องกันนักธุรกิจจีน หรือผู้ประกอบการในจีนลอกเลียนแบบแบรนด์สินค้า
หรือก็อปปี้สินค้าของไทย มี 4 วิธีป้องกันด้วยกัน ประกอบด้วย
1. หากมีแผนจะทำแบรนด์เจาะตลาดจีน
ควรจะไปจด trademark กับสำนักงานทะเบียนการค้า (Trademark
Office) : ซึ่งอยู่ภายใต้คณะบริหารอุตสาหกรรมและการค้าแห่งชาติของจีน
และที่สำคัญควรเป็นชื่อบริษัทของไทยเป็นคนจดและเป็นเจ้าของ Trademark แม้ไทยจะมีคู่ค้าในจีน ก็ควรจะต้องเป็นบริษัทเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ยกเว้นแต่ว่าเข้าไปจัดตั้งบริษัทในจีนซึ่งไม่มีปัญหาในการทำตลาดในจีน
อย่างไรก็ตามการทำตลาดจีนสิ่งที่ควรต้องพึงระวังและตระหนักให้ดีด้วย
ว่ามีความสามารถที่จะเข้าไปทำตลาดจีนมากน้อยแค่ไหน
เพราะในความเป็นจริงไปตลาดจีนต้องใช้งบและกำลังภายในมากมาย เอาแค่จดTrademark แบบถูกต้องและครอบคลุมจริงๆ ก็ใช้งบไม่น้อยแล้ว
(ค่าจดเริ่มต้นที่หลักหมื่นบาท แต่ถ้ามีหลายสินค้า หรือสินค้าเดียว แต่ครอบคลุมหลายประเภท
ก็จะใช้งบเพิ่มขึ้นอีก แต่ถ้ามั่นใจจะบุกตลาดจีนเต็ม100% ก็ควรจดไว้)
2. ทำแบรนด์ของไทยให้เป็นที่รู้จักในไทยด้วย
อย่าเน้นผลิตเพื่อตลาดจีนอย่างเดียว : ไม่ว่าจะส่งขายในจีน
หรือขายในไทย รวมถึงเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทย ซึ่งปัจจุบันประชาชนชาวจีนสนใจสินค้าแบรนด์ต่างประเทศมากขึ้น
เพราะกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ต้องการสินค้าที่เป็นแบรนด์ของประเทศนั้นๆ โดยตรง พวกแบรนด์ดังท้องถิ่น
Local product ก็ได้รับความนิยมเพิ่มเรื่อยๆ
โดยเฉพาะสินค้าจากประเทศไทย
3. การสร้างแบรนด์
การทำตลาด และการขาย ไม่ควรพึ่งพาแต่พันธมิตรธุรกิจ หรือคู่ค้าในจีนเป็นหลักอย่างเดียว : แต่เจ้าของแบรนด์ต้องสร้างการรับรู้
(Awareness) ให้ผู้บริโภครับรู้ถึงตัวตนของแบรนด์อย่างแท้จริง
การทำเช่นนี้เพื่อป้องกันการลอกเลียนสินค้า เพราะคนจีนจะคัดลอกได้แค่สินค้า
แต่ความเป็นแบรนด์ยังอยู่
4. สร้างเอกลักษณ์ให้กับสินค้า หรือแบรนด์สินค้า ทำให้ผู้บริโภคจดจำได้ง่ายขึ้น : ต้องพัฒนาสินค้าอยู่ตลอดเวลา หากนักธุรกิจจีนจะลอกเลียนแบบก็เป็นได้แค่ของก็อปปี้เท่านั้น เพราะคุณภาพมาตรฐานยังไม่อาจสู้เจ้าของแบรนด์ได้
ตลาดจีนนับเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่นักการตลาดหรือแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก ต้องการเข้าไปแย่งส่วนแบ่งการตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลมีกำลังซื้อสูงเนื่อง จากมีประชากรถึง 1,420 ล้านคน และประชากรกว่า 829 คนเข้าถึงอินเตอร์เน็ต และเกือบ 100% ผู้บริโภคจับจ่ายซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตสมาร์ทโฟน ดังนั้นการเข้าไปเจาะตลาดประสบความสำเร็จต้องพลิกแพลงกลยุทธ์ตลอดเวลา