กลั่นแผนธุรกิจ ‘พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น’ ก้าวสู่ ‘ผู้นำคลังเก็บน้ำมัน’ Supply พลังงานไทย ได้อย่างไร?

SME in Focus
13/07/2022
รับชมแล้วทั้งหมด 1434 คน
กลั่นแผนธุรกิจ ‘พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น’ ก้าวสู่ ‘ผู้นำคลังเก็บน้ำมัน’ Supply พลังงานไทย ได้อย่างไร?
banner
‘วีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์’ ทายาทธุรกิจ ‘คลังเก็บน้ำมันแดนอีสาน’ จากเด็กชายวิ่งเล่นใน ‘ปั๊มน้ำมัน’ เติบโตมีชีวิตติดน้ำมัน เพราะครอบครัวทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันมาตลอดชีวิต เรียกได้ว่ามี DNA เป็นน้ำมันเลยทีเดียว ก้าวสู่ ผู้นำคลังเก็บน้ำมันรายใหญ่ อีสานตอนบนและล่าง จากความมุ่งมั่นที่ตอบโจทย์ ‘ความคุ้มค่าที่สุด’ ให้กับลูกค้า จนเป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจ มากว่า 20 ปี

เกิดมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันมาตลอดชีวิต

คุณวีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) หรือ PTC ผู้ประกอบการคลังน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับรับ เก็บ ผสม และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง เล่าถึงที่มาของธุรกิจว่า ตนเกิดมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจค้าขายน้ำมันมาตลอดชีวิต ตั้งแต่เด็กก็เห็นที่บ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว (Family Business) เริ่มจากการเปิดสถานีบริการน้ำมันเล็กๆ ต่อยอดด้วยการเป็นผู้ค้าส่งน้ำมัน ทำให้เรามีปริมาณรถขนส่งน้ำมันอยู่มากพอสมควร

ด้วยวิสัยทัศน์ของคุณพ่อที่ต้องการจะขยายการทำธุรกิจออกไปจากศักยภาพทรัพยากรที่เรามีอยู่ จึงได้เริ่มเข้าสู่ธุรกิจขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ร่วมทุน Joint Venture ทำธุรกิจขนส่งก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) รวมไปถึงการทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันในหลายๆ ทำเลที่มีศักยภาพ

“จากธุรกิจส่วนใหญ่ที่เราทำมา จะเห็นได้ว่าเราเติบโตมาในธุรกิจพลังงานมาโดยตลอด และการที่เราสวมหมวกหลายใบ อยู่ในหลายๆ Level ของ Supply Chain ของธุรกิจน้ำมันในประเทศไทย เป็น Key Success Factor ที่ทำให้เรามีความเข้าใจในพัฒนาการของระบบ Supply Chain น้ำมันในประเทศเป็นอย่างดี"



มองเห็นโอกาสต่อยอดธุรกิจใหม่สู่ ‘ธุรกิจคลังน้ำมัน’

ด้วยความต้องการใช้น้ำมันที่มากขึ้น ประกอบกับความรู้ ความเข้าใจในระบบห่วงโซ่อุปทานน้ำมันในประเทศมานานกว่า 20 ปี ทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการสร้างความเจริญเติบโตทางธุรกิจใหม่ ในปี 2556 จึงนำประสบการณ์ที่มีความถนัดในการทำธุรกิจขนส่งน้ำมันมาต่อยอดธุรกิจใหม่ด้วยการลงทุนใน ‘ธุรกิจคลังน้ำมัน’ โดยเริ่มต้นจากการสร้างคลังน้ำมัน PTC แห่งแรกที่จังหวัดขอนแก่น ด้วยกำลังการจ่ายน้ำมันสูงสุด 3.2 ล้านลิตร เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยมีลูกค้ารายใหญ่อย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นผู้ใช้บริการ โดยมีสัญญาให้บริการระยะยาว

เป็นการให้บริการรับ-เก็บ - จ่ายน้ำมันให้กับลูกค้ารายใหญ่ โดยยอดจ่ายน้ำมันเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยภูมิภาคอีสาน ถือเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนปริมาณจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิด เบนซินและดีเซลเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อีกทั้งยังเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้อีกด้วย

คุณวีรวัฒน์ ฉายมุมมองว่า เราสร้างคลังน้ำมันที่จังหวัดขอนแก่นเป็นแห่งแรก เพราะมองว่าโลเคชันนี้เป็นเส้นเลือดใหญ่ของภาคอีสาน ซึ่งผลตอบรับดีมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่มีคลังน้ำมันภูมิภาคที่มีความเหมาะสมเลย ต้องวิ่งลงมาที่จังหวัดสระบุรี พูดได้ว่าเกือบทุกปั๊มที่อยู่ทางภาคอีสานจะใช้บริการจากคลังน้ำมันของเรา เพราะการที่จะสถานีบริการวิ่งมารับน้ำมันที่สระบุรีต้องใช้เวลาไปกลับมากกว่า 20 ชั่วโมงต่อเที่ยว

ทำให้การซื้อขายน้ำมันแต่ละครั้งจึงค่อนข้างลำบากจากระยะทางที่ไกลและมีต้นทุนที่สูง ด้วยเหตุนี้ทำให้เราต้องตัดสินใจต้องเพิ่มกำลังการจ่ายอีกประมาณ 30%  ภายใน 3 เดือนหลังจากที่เราเริ่มเปิดคลังน้ำมันขอนแก่น จึงทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ซึ่งเรามีความพร้อมอยู่แล้วในการจะขยายกำลังการผลิตให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคอีสานตอนบนทั้งหมด



สร้างคลังน้ำมันแห่งที่ 2 รองรับความต้องการอีสานตอนล่าง

ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคอีสานขยายตัวมากขึ้น ความต้องการใช้น้ำมันก็เพิ่มตามไปด้วย ในปี 2559 บริษัทจึงลงทุนก่อสร้างคลังน้ำมันแห่งที่ 2 ณ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในการกระจายน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และเป็นคลังน้ำมันตั้งอยู่บนทำเลที่สามารถเชื่อมต่อกับทางรถไฟได้ทำให้สามารถลดต้นทุนในการขนส่งได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังออกแบบคลังน้ำมันแห่งนี้ให้เป็นระบบ In-Line Blending ทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับสูตรผลิตภัณฑ์และสามารถลดต้นทุนในการขนส่งวัตถุดิบได้มาก

ปัจจุบันคลังน้ำมันเก็บน้ำมันรวมประมาณ 9.7 ล้านลิตร สามารถรองรับการเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูป น้ำมันเชื้อเพลิงพื้นฐาน และน้ำมันชีวภาพได้หลากหลายประเภท โดยสามารถรับและจ่ายน้ำมันได้สูงสุดประมาณปีละ 830 ล้านลิตร และ 770 ล้านลิตร คิดเป็นการจ่ายน้ำมันให้แก่รถบรรทุกน้ำมันประมาณ 152 คันต่อวัน สำหรับรถบรรทุกน้ำมันขนาด 16,000 ลิตร

“คลังน้ำมันของ PTC ทั้ง 2 แห่งสามารถรับน้ำมันจากโรงกลั่นหรือคลังอื่นๆ ของผู้ค้าน้ำมันได้ทุกแห่ง ซึ่งสามารถบริหารจัดการเส้นทางการขนส่งน้ำมันเพื่อช่วยผู้ค้าน้ำมันในการบริหารต้นทุนและห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นทางที่โรงกลั่นจนถึงสถานีบริการปลายทางที่เป็นผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มทางเลือกในการขนส่ง รวมถึงรองรับกลุ่มผู้ใช้น้ำมันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด”



คลังน้ำมันที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในประเทศไทย

คุณวีรวัฒน์ เผยถึงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจว่า สิ่งที่เราให้ความสำคัญในการทำธุรกิจ คือ นวัตกรรมและเทคโนโลยี เราลงทุนเต็มที่โดยใช้เทคโนโลยีที่ความทันสมัย ด้วยระบบ TAS (Terminal Automation System) ซึ่งเป็นระบบการจ่ายน้ำมันแบบอัตโนมัติ เรียกว่าบริหารจัดการด้วย CCR (Central Control Room) ห้องเดียว อีกทั้งยังมีระบบป้องกันการรับน้ำมันผิดผลิตภัณฑ์ (Product Unload Contaminated Protection) ซึ่งเป็นระบบที่ป้องกันการผิดพลาดทำให้เกิดความเสียหายกับคุณภาพน้ำมันที่บริษัทได้พัฒนาขึ้นมาเอง

นอกจากนี้เรายังมีเทคโนโลยีดูแลสิ่งแวดล้อม เป็นระบบลดปริมาณการละเหยในถังน้ำมัน ทำให้ได้ประโยชน์ 2 อย่าง คือเรื่องสิ่งแวดล้อมทำให้น้ำมันไม่ระเหยไปสู่ชั้นบรรยากาศสร้างภาวะเรือนกระจก เมื่อน้ำมันละเหยน้อยลง ทำให้อัตราสูญเสียของลูกค้าก็น้อยลงไป ก็เป็นประโยชน์ที่ลูกค้าพึงพอใจ 

ที่สำคัญเรื่องระบบความปลอดภัย เราใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยสูงสุด โดยพัฒนาจนมีความแม่นยำสูงเชื่อถือได้ ทำให้สามารถลดจำนวนกำลังคนได้และลดความผิดพลาดของ Human Error ได้ จะเห็นได้จากทั้งน้ำมันของเราใช้บุคลากรเพียงแค่ 30 กว่าคนเท่านั้น ในการบริหารคลังน้ำมัน ซึ่งระบบที่ทันสมัยจะมีความแม่นยำกว่าคน ขณะที่พนักงานในส่วนของการสนับสนุนงานบริหารเราก็มีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ เพราะเราใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้ ความผิดพลาดน้อยลง ทำงานได้ง่ายขึ้น มีความแม่นยำสูง สามารถทำให้เราวิเคราะห์ต้นทุนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งทำให้รู้ว่าเราควรจะพัฒนาหรือปรับปรุงส่วนไหนของธุรกิจได้อย่างตรงจุด

โดยในปี 2562 บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001 : 2015, มาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001 : 2018, มาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 : 2015 พร้อมทั้งได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

“เรากล้าเคลมตัวเองว่าเป็น คลังน้ำมันที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในประเทศไทย” 



5 จุดแข็งของ PTC คือ Key Success

คุณวีรวัฒน์ เผยถึงจุดเด่นที่เป็นจุดแข็งของ PTC ว่า การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย Five Excellence คือ 5 ปัจจัย ที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ได้แก่..

1. Asset and Location Excellence คือ การมีโลเคชัน หรือทำเลที่ตั้งเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้การเข้าออกสะดวกอยู่ในจุดที่เป็น Strategic Location สามารถสร้าง Optimize ระยะทางของระบบการขนส่ง ทำให้ต้นทุนลูกค้าก็ต่ำลง ลูกค้าจึงมาใช้บริการของเรา

2.Operational Excellence คือ การออกแบบกระบวนการทำงานที่เหมาะสม สะดวก แม่นยำ ปลอดภัย ในระดับมาตรฐานสากล เนื่องจากเราอยู่ในธุรกิจ Safety ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำงาน

3. Service Excellence คือ การให้บริการที่ดีกับลูกค้าเป็นพิเศษ เช่น มีบริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ เครื่องบำรุงกำลัง ผ้าเย็น รวมถึงการบริการที่สุภาพ กับคนขับรถขนส่งน้ำมัน ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีกับเรา จนเกิดการบอกต่อผู้ประกอบการของเขา เพื่อเลือกใช้บริการของเรา เป็นต้น

4. Technological Excellence คือ ใช้ระบบเทคโนโลยี มาเพิ่มความแม่นยำ ลดความผิดพลาดจากการทำงานของคน และลดต้นทุน และลดการพึ่งพาแรงงาน

5.People Excellence คือ การพัฒนาบุคลากรของเราให้มีความเป็น Professional และปลูกฝังให้ทำงานตามค่านิยมขององค์กร (Core Value)

ทั้งหมดนี้เป็นจุดแข็งของการบริหารธุรกิจของ PCT ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน



การมาของรถยนต์ EV จะดาวน์เทรนด์การใช้น้ำมันหรือไม่?

เมื่อถามถึงเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะมาแทนที่รถใช้น้ำมัน จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ PTC หรือไม่ คุณวีรวัฒน์ สะท้อนภาพว่า เรื่องนี้ไม่ได้สร้างความกังวลแต่อย่างใด กลับมองเป็นโอกาสที่ลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของโรงกลั่น หรือผู้ค้าน้ำมัน จะไม่ลงทุนสร้างคลังเก็บน้ำมัน เนื่องจากมีการลงทุนสูงอาจจะไม่ใช่เวลาในการลงทุน Asset ที่มีมูลค่าสูงในช่วงที่กระแส EV กำลังมา ประกอบกับคลังของเราสามารถ Sharing Infrastructure กับผู้ค้าน้ำมันรายอื่นได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ลูกค้าเลือกใช้บริการของเราซึ่งมีราคาที่ถูกกว่า จึงเป็นตัวเร่งการเติบโตของ PTC 

“ส่วนตัวมองว่า รถยนต์ที่ใช้น้ำมันยังมีอยู่อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10 - 20 ปี ซึ่งเราก็มองว่า รถ EV เป็นโอกาสของบริษัทเราเช่นกัน ยอมรับว่าวันนี้มันมีกระแส แต่กว่าจะเกิด Effect กับธุรกิจเราจริงๆ คาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี แต่ในระยะภายใน 5 ปีคาดว่าจะกระทบเพียง 3 - 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น” 

คุณวีรวัฒน์ กล่าวเสริมว่า วันนี้ประเทศไทยมีรถน้ำมันใช้อยู่ประมาณ 17 ล้านคัน โดยประเทศเรามียอดซื้อรถโดยใหม่ประมาณเพียงแค่ 1 ล้านคันเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้บริษัทมีแผนในการเจริญเติบโต โดยมีการพัฒนาโรงงานไฟฟ้าในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมองว่าจะเป็น New S-Curve ของบริษัทต่อไป ซึ่งเรากำลังศึกษาพัฒนา คาดว่าปีหน้าก็จะเริ่มเห็นความชัดเจนเพราะเรามองว่าเราเป็น Energy Provider ของประเทศ

ส่วนความต้องการการใช้น้ำมันจะลดลงหรือไม่นั้น คุณวีรวัฒน์ มองว่า ยังไม่มีการใช้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจะมีนโยบาย EV แต่เชื่อว่าน่าจะยังต้องใช้เวลาอีกมากพอสมควร เนื่องด้วยราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูง สถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงมาตรการสนับสนุนของต่อการสร้างฐานการผลิต EV จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเรามากนัก



แผนธุรกิจ 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเดินไปในทิศทางใด

ซีอีโอหนุ่ม กล่าวถึงแผนธุรกิจ PTC ว่า ยังมองโอกาสในอนาคตในเรื่องปริมาณการใช้น้ำมันภูมิภาค โดยเฉพาะภาคอีสานยังเติบโตขึ้น และเป็นโอกาสการลงทุนโครงการใหม่ๆ ซึ่งเป้าหมาย 3 - 5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายน้ำมัน ส่งมอบพลังงานให้เท่าเทียม และบริษัทเรามีความพร้อมด้านกระแสเงินสดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ที่ต่ำมาก ทำให้เรามีความพร้อมสำหรับการลงทุนเพิ่มในดครงการที่มีศักยภาพ

รวมทั้งสร้างฐานการให้บริการในทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมต่อระบบขนส่งน้ำมันและเป็นศูนย์กลางการกระจายน้ำมันในภาคอีสาน อย่างมีประสิทธิภาพ ความสะดวกรวดเร็วของการขนส่งและการบริหารต้นทุนให้ลูกค้า

“การเติบโตของ PTC ยังเน้นการโตจากธุรกิจปกติคลังรับ - ส่ง และบริการผสมน้ำมัน จากคลังที่มี 2 แห่งคือที่ขอนแก่น และศรีสะเกษ ซึ่งเป็นการเติบโตไปตามเศรษฐกิจของประเทศ และปริมาณการเพิ่มลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา รวมถึงจากการหาธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาเสริมเพิ่มการเติบโต ซึ่งภาคอีสานเชื่อมการเติบโตกับภาคเกษตร ที่มีศักยภาพ ประกอบกับเป็นทางผ่านไปยังเพื่อนบ้านการค้าชายแดนที่เติบโตก็น่าจะเป็นผลดีกับธุรกิจต่อไปในอนาคตด้วย”



สร้างความยั่งยืนธุรกิจด้วยแนวคิด ESG

ส่วนกระแสสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในเรื่องการดำเนินธุรกิจนั้น ซีอีโอหนุ่ม สะท้อนมุมมองเรื่องนี้ว่า เรามองเรื่อง ESG เป็นสิ่งสำคัญในการบริหารธุรกิจ บริษัทเรามุ่งเน้นให้ความสำคัญ ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เพราะเราต้องอยู่ร่วมกับชุมชน ดังนั้นจึงต้องดูแลและใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสังคมในชุมชนที่อยู่รอบๆ คลังน้ำมัน เช่น มีการลงทุนเทคโนโลยีลดการระเหยของน้ำมันเพื่อไม่ให้ก๊าซมีเทน หรือคาร์บอนฯ ระเหยสู่ชั้นบรรยากาศ อันเป็นสาเหตุของก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดโลกร้อน 

รวมถึงให้ลูกหลานที่อยู่ในพื้นที่มีสิทธิ์ได้รับทุนการศึกษา และมีสิทธิ์เข้ามาทำงานในบริษัทได้ เพื่อให้เกิดการเป็นมิตรกับชุมชนรอบๆ สิ่งนี้จะทำให้เราทำธุรกิจอยู่คู่กับชุมชนได้อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ซึ่งเราพัฒนาเรื่องระบบการระเหยของไอน้ำมันและระบบบำบัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเราได้ทำตามมาตรฐาน ISO 14001 ซึ่งเป็นมาตรฐานการจัดการอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ทำให้เราดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนมากว่า 20 ปี โดยตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด
    
SME กับวิธีคิดในการเติบโตอย่างยั่งยืนต้องทำอย่างไร

คุณวีรวัฒน์ เปิดวิสัยทัศน์เรื่องนี้ว่า ต้องเริ่มจากตัวของผู้บริหาร ควรบริหารจัดการและพัฒนาระบบหลังบ้านให้มีความโปร่งใส เข้าใจว่า SME ส่วนใหญ่จะมองเรื่องหน้าบ้านเป็นหลักเพื่อสร้างผลกำไรเข้ามาก่อน เพราะมีเงินทุนที่จำกัด จึงมองว่าเรื่องหลังบ้านเป็นเรื่องที่ทำให้เสียค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น อย่างเช่น ระบบบัญชี,ระบบการควบคุมภายใน หรือระบบมาตรฐาน ISO ต่างๆ แต่พอเราทำธุรกิจมาถึงจุดหนึ่งจะเริ่มรู้และเข้าใจว่าการพัฒนาหลังบ้านเป็นปัจจัยที่สำคัญเปรียบเสมือนเครื่องยนต์หลักที่จะทำให้เราเดินหน้าธุรกิจได้อย่างมั่นใจและมั่นคง

“ดังนั้นผู้ประกอบการและ SME ต้องมีทิศทางที่เดินหน้าธุรกิจที่ชัดเจน และต้องลงทุนด้วยความรู้และเข้าใจในธุรกิจที่จะทำอย่างถ่องแท้ เพราะการตีโจทย์ในธุรกิจที่เราจะทำไม่แตกเป็นสิ่งที่อันตราย ที่สำคัญที่อยากจะเน้นย้ำคือ เรื่องระบบหลังบ้าน ต้องพัฒนาควบคู่กับหน้าบ้าน การมีระบบควบคุมที่ดี มีความโปร่งใส เป็นพื้นฐานที่ทำให้ธุรกิจเราประสบความสำเร็จ เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน (Sustainability)” 


รู้จัก บมจ. พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น เพิ่มเติมได้ที่
https://www.premiertankcorp.com/ 
https://www.premiertankcorp.com/about

Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ชูนวัตกรรม ขับเคลื่อน-ยกระดับ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้สู่ความยั่งยืน ด้วย Automation กลยุทธ์สู่ Smart Factory ระดับรางวัล The Prime Minister's Industry Award 2023 ของ 'ศรีวัฒนา วู้ดดิ้ง อินดัสทรีส์'

ชูนวัตกรรม ขับเคลื่อน-ยกระดับ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้สู่ความยั่งยืน ด้วย Automation กลยุทธ์สู่ Smart Factory ระดับรางวัล The Prime Minister's Industry Award 2023 ของ 'ศรีวัฒนา วู้ดดิ้ง อินดัสทรีส์'

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจากการรุกคืบของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ และส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นำมาสู่การพัฒนา…
pin
471 | 30/04/2024
Business Model ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ โซล่าร์เซลล์มุ่งเน้นสร้าง "ธุรกิจยั่งยืน" ทำกำไร พร้อมสนับสนุนชุมชน-สังคม-สิ่งแวดล้อม

Business Model ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ โซล่าร์เซลล์มุ่งเน้นสร้าง "ธุรกิจยั่งยืน" ทำกำไร พร้อมสนับสนุนชุมชน-สังคม-สิ่งแวดล้อม

ภาพรวมตลาดสินค้า อะไหล่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและโซล่าร์เซลล์มีแนวโน้มเติบโตสูง คาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี จากปี 2566…
pin
427 | 29/04/2024
‘LED Farm’ โรงงานผลิตพืชด้วยหลอดไฟ ฟาร์มผักพันธุ์ใหม่ เอาใจคนรักสุขภาพยุคดิจิทัล

‘LED Farm’ โรงงานผลิตพืชด้วยหลอดไฟ ฟาร์มผักพันธุ์ใหม่ เอาใจคนรักสุขภาพยุคดิจิทัล

จากธุรกิจผลิตหลอดไฟ LED ต่อยอดสู่การพัฒนาด้านการผลิตอาหารและนวัตกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตรออร์แกนิก แบรนด์ ‘แอลอีดี ฟาร์ม’ (LED Farm) ที่มุ่งสร้างมาตรฐานสินค้าเกษตรคุณภาพ…
pin
776 | 25/04/2024
กลั่นแผนธุรกิจ ‘พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น’ ก้าวสู่ ‘ผู้นำคลังเก็บน้ำมัน’ Supply พลังงานไทย ได้อย่างไร?